สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซน ในปี 2020 ทางด้านของเทคโนโลยีหูฟัง ที่จะมากันแบบ True Wireless หรือ ไร้สายอย่างสมบรูณ์แบบกันมากขึ้น ที่ในปีนี้เราจะได้เห็นผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆนั้นพากันออกหูฟังแบบ TWS ออกมาเป็นทางเลือกกันมากมาย ซึ่ง Huawai ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ทำหูฟัง True Wireless เข้ามาสู่ตลาด โดยวันนี้เราจะมารีวิว FreeBuids 3i ที่เป็นการพัฒนาต่อยอดจาก FreeBuds 3 นั้นเอง โดย Huawei FreeBuids 3i จุดเด่นด้วยคุณภาพเสียงที่ออกได้อย่างมคุณภาพจากการใช้ไดเวอร์หูฟังแบบไดนามิกขนาด 10 มม. พร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวนด้วยการสร้างสัญญาณความถี่หักล้าง หรือ Active noise cancellation ด้วยไมค์ 3 ตัวต่อข้าง ที่สามารถหักล้างเสียงรบกวนจากภายนอกระดับความดังสูงสุด 32 dB ได้เป็นอย่างดี ที่จะทำให้ทุกการใช้งานมีความเพลิดเพลินปราศจากเสียงรบกวน
Package & Bundled
แพ็คเกจที่มากันด้วยธีมสีขาวตามสไตล์ของ Huawei โดยในจุดจะมีคู่มือการใช้งาน ,เงื่อนไขการรับประกัน ,สาย USB-C ,จุกหูฟังอีก 3 ขนาด และ QR Code ในการโหลด Apps ในฝั่ง Android
Design & Detail
Huawei FreeBuids 3i จะมีทางเลือกเพียงสีเดียวกับ Ceramic White เท่านั้น โดยในภาพจะเป็นตลับเก็บหูฟังพร้อมมกับการเป็นที่ชาร์จแบต ตัวมันเองจะมีขนาด 80.7 x 35.4 x 29.2 มม. น้ำหนัก 51 กรัม ที่พกพาได้สะดวก
ตัวเคสที่จะมีการเก็บตัวหูงฟังทั้งสองข้างเป็นอย่างดี พร้อมกับรองรับการชาร์จพลังงานให้สู่หูฟัง พร้อมกับแบต 410 mAh รองรับการใช้งานได้ประมาณ 14.5 ชั่วโมง ในการใช้งาน แต่ถ้าเป็นการใช้พูดคุยด้วยเสียงระยะที่ 10.5 ชั่วโมง ขณะการชาร์จจะมีไฟ LED แสดงสถานะของแบตที่หูฟัง โดยถ้าสีแดงคือแบตต่ำ เพิ่มมาเป็นเขียวอมเหลืองในความพร้อมในการใช้งาน
ไฟแสดงสถานะการทำงานและการชาร์จที่จะอยู่ด้านหน้า
ด้านหลังจะมีการเชื่อมต่อ USB-C สำหรับการชาร์จพลังงานมาเก็บไว้ที่กล่อง พร้อมกับปุ่มการจับคู่เชื่อมต่อ ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้ง Andorid และ iOS ไม่ได้จำกัดการใช้งานเฉพาะ Huawei เท่านั้น
ตัวหูฟังด้วยสีขาวเซรามิก ผิวเรียบที่มีความสวยงามขาวสะดาด โดยจะเป็นหลักลักษณะเป็นก้านหูฟังที่มีขนาด 41.5 x 23.7 x 19.8 มม. น้ำหนัก 5.5 กรัม และ แบต 37 mAh โดยตรงในภาพเราจะเห็นพื้นที่ในการสั่งการ รองรับตั้งแบบแตะสองครั้ง (เล่น/หยุด) (รับสาย/วางสาย) และ แตะค้าง (เปิดหรือปิดระบบตัดเสียงรบกวน) ในบริเวณพื้นที่การสั่งการเราจะเห็นไมค์ ที่ใช้ในการตัดเสียงรบกวนและการสนทนา
เซ็นเซอร์การตรวจสอบการใช้งาน ที่เมื่อเราถอดจากหู ในการดูหนังฟังเพลงแล้วจะหยุดทันที แต่ถ้าใส่กลับเข้าไปทั้งสองข้างก็จะเล่นต่อ
จุกยางซิลิโคน 4 ขนาด ที่ช่วยเพิ่มความสบายในการใช้งาน และ การเก็บเสียงรบกวนให้ดีขึ้น ในส่วนข้างๆในการใส่จุดยางจะมีไมค์อีก 1 ตัว เพื่อป้องกันการหอนของเสียงในการสนทนา ภายในจะมีการใช้ไดเวอร์ไดนามิกขนาด 10 ม ที่จะมีตะแกรงโลหะที่ควบคุมการกระขายเสียงแล้วยังสามารถทำความสะอาดได้ง่ายในกรณีมี earwax ไปขวางทางเสียง
ที่ก้านหูฟัง จะมีไม่จุดในการชาร์ตแต่อย่างไร โดยมันจะเป็นพื้นที่ในการติดตั้งไมค์ 1 หนึ่งตัว เท่ากับว่าหูฟังแต่ละข้างจะมีไมค์ 3 ตัว
จุดสัมผัสเพื่อการชาร์จ 2 จุด ที่ตัวหูฟัง ในการใช้งานจริง ควรต้องหมั่นรักษาความสะอาดหน้าสัมผัสด้วย
ตัวตลับจะมีแม่เหล็ก เพื่อความสะดวกในการเก็บหูฟัง และ การปิดฝาที่ง่ายมาก
การใช้งาน
ในการใช้งานที่ผมลองจากสมาร์ทโฟน Android ที่ไม่ใช่ Huawei และ iPhone iOS ที่สามารถเชื่อมต่อและใช้งานได้ไม่มีปัญหา แต่มันมีข้อจำกัดอยู่บ้างนะครับ
ในฟีเจอร์ Pop UP & Pair ที่จะรองรับการใช้งานร่วมกับ Huawei ที่ใช้ EMUI 10 ขึ้นไปเท่านั้น
ในของฝั่ง Android ที่จะมี Apps AI Life ที่เข้ามาช่วยจัดการในการใช้งานได้ดีมากขึ้น ที่เห็นได้จัดคือเรื่องการอัพเดตเฟิร์มแวร์ และ การตรวจสอบสถานะการทำงานได้ละเอียดมากขึ้น
ในส่วนของการแตะสองครั้ง และ แต่ค้าง ที่สามารถปรับแต่งแยกให้ทั้งสองข้างมีความแตกกต่างในการควบคุมได้ตามความต้องการ รวมไปถึงในเรื่องระบบเสียงบีบอัดไร้สายที่เราสามารถปรับเพิ่มคุณภาพเสียงได้ในหน้าการเชื่อมต่อ Bluetooth
ในการใช้งานร่วมกับ iOS ก็ยังดีที่มีแถบโชว์สถานะของความจุแบตที่มีในหูฟังได้ นอกนั้นทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากการ Remove Pair เท่านั้น
สุ่มเสียงในการฟังเพลง ที่ออกแนวครบรส ให้ความกลมกล่อมของเสียงได้ลงตัวของทุกย่านความถี่ ไม่แหลมจัด กลางไม่ทะลุแก้วหู หรือ เบสไม่ได้สะเทือนแก้วหู ซึ่งข้อสังเกตุของผมในการเปิดระบบ Active noise canellation ที่เสียงเบสนั้นจะมีความหนักมากขึ้น ในกรณีใส่ขณะการออกกำลังกายถ้าเปิด Active noise canellation มันตัดเสียงรบกวนได้ดี แต่เสียงจากสภาวะแวกล้อมรอบๆนี่จะแทบไม่ได้ยินกันเลยทีเดียวครับ ในกรณีที่วิ่งออกกำลังกายบนถนนที่มีรถสัญจรร่วมด้วยก็อย่าไปใช้ Active noise canellation แต่ถ้าวิ่งในสวนหรือลานวิ่งแล้วไม่อยากจะหยุดคุยกับใครก็เปิด Active noise canellation วิ่งกันสบายๆไม่ต้องสนใจโลก ในการฟังเพลงผมไม่ได้สนใจในแง่ Hi-Res Audio เพราะมันเป็นการส่งสัญญาณเสียงปีบอัดแบบ AAC เท่านั้นนะครับ ฟังแบบ Hi-Res Audio มันเปล่าประโยชน์ เปลืองเน็ต เลยฟังจาก Jook หรือ Spotify เป็นหลัก
การใช้สนทนา จากที่ผมลองใช้งานมานั้นถือว่ามันทำได้ดี ในการพูดคุยนั้นใช้งานได้ดีในการฟัง และ การพูดคุย ในแง่ของการตัดเสียงรบกวนที่ผมลองใช้งานนั้นทำได้ดีครับ เสียงรบกวนที่อยู่รอบๆตัวนั้นตัดออกไปเกือบจะเกลี้ยง
เป็นเรื่องปกติของหูฟัง True Wireless ที่มันจะมีอาการการดีเลย์ของเสียงได้ ซึ่งจุดที่เราจะมาลองกันดูจากการดูหนังและเล่นเกม ที่อาการดีเลย์ของเสียง FreeBuds 3i มีน้อยมาก จนให้ความรู้สึกที่ไม่ได้ด้อยกว่าการใช้หูฟังสายมากนัก ด้วยเสียงที่ทำออกมา ในการดูหนังหรือเล่นเกม ที่ Huawai FreeBuds 3i ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่มานั่งจับผิดอะไรในส่วนนี้
Conclusion
Huawei FreeBuds 3i ที่เป็นหูฟัง In-Ear แบบ Ture Wireless ที่มีความสบายในการสวมใส่ ซึ่งโดยปปกติที่ผมไม่ได้เป็นคนที่ปลื้มกับหูฟังแบบ In-Ear อะไรมากนัก แต่ความรู้สึกในการสวมใส่ที่ไม่เกิดอาการอึดอัด พร้อมกับความมั่นใจว่า Huawei FreeBuds 3i มันไม่หลุดจากหูขณะการใช้งาน ที่ทำให้ความรู้สึกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น ซึ่งในแง่ของคุณภาพเสียงที่ Huawei FreeBuds 3i ทำออกมานั้นถือว่าเป็นธรรมชาติ ลงตัวทุกย่านความถี่ ตอบโจทย์การใช้งานสนทนา ,ฟังเพลง ,ดูหนัง หรือ การเล่นเกมได้เป็นอย่างดี ข้อดีที่ผมชอบในส่วน Active noise cancellation ที่สามารถหักล้างเสียงรบกวนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี ทั้งเสียงรบกวนภายในการใช้ชีวิตประจำวัน หรือ เสียงรบกวนจากสภาวะแวดล้อม ที่ Huawei FreeBuds 3i ทำออกมาได้ดีครับ โดยเทคโนโลยีหูฟัง Ture Wireless มันมีจุดเด่นเรื่องความสบายในการใช้งาน แต่จุดด้อยมันก็คงยังมีในแง่ของการดีเลย์ของเสียงที่ Huawei FreeBuds 3i นั้นยังคงมีอยู่บ้างแต่ถ้าไม่จับผิดอะไรกันนัก ถือว่ามันทำออกมาได้ดีมาแล้ว อีกอย่างนึงที่ทำให้ผมชวนหงุดหงิดในการใช้หูฟัง True Wireless คืออาการหลุดของสัญญาณเสียง ที่ Huawei FreeBuds 3i ด้วยมาตรฐานการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.1 ยังคงมีอาการสัญญาณหลุดหายอยู่บ้าง บางทีหลุดขวา ต่อเนื่องซ้ายและขวาก็มี แต่การเชื่อมต่อกลับที่ Huawei FreeBuds 3i ทำได้ดีไม่ได้ชวนหัวเสียกับจุดนี้เท่าไรนัก เพราะได้ความสบายจากการที่ไม่ต้องมีสาย ด้วยระดับราคาสามพันต้นๆของ Huawei FreeBuds 3i ที่โดยส่วนตัวถือว่าราคามันกำลังดีกับสิ่งที่ได้มากับ Huawei FreeBuds 3i พร้อมแบตที่รองรับการใช้งานได้อย่างยาวนานมากกับความเป็นหูฟัง Ture Wireless สำหรับวันนี้ก็ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
Special Thanks : Huawei Device Co., Ltd.