สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซน สำหรับตลาดของ NAS (Network Attached Storage) ที่ก็ได้มารับความนใจกันอีกครั้ง ตั้งแต่ที่ Google นั้นได้ประกาศจำกัดการเก็บข้อมูลของ Google Photos นั้นเองวันนี้เราจะจับ Synology DS1520+ ที่เป็น NAS แบบ 5 Bay ที่รองรับการขยายพื้นที่การติดตั้งได้เพิ่มอีก 10 Bay ผ่านอุปกรณ์เสริม ที่มาพร้อมกับการรองรับ SSD Cache เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุด โดย DS1520+ ด้วยหัวใจหลัก Intel Celeron J4125 สี่แกน ความเร็วสูงสุด 2.7 Ghz ผนวกกับแรม DDR4 8GB ที่ Synology DS1520+ นั้นดูทรงจะไม่ใช่ NAS สำหรับกลุ่มเริมต้น เพราจะมีพอร์ต Gigabit Lan 4 พอร์ต ที่รองรับการเชื่อมต่อ Link Aggregation หรือ เฟลโอเวอร์ ที่ทำให้ Synology DS1520+ ที่ลงตัวกับการใช้งานในสำนักงานขนาดเล็ก แล้วรวมไปถึงผู้ใช้งานตามบ้านในการใช้งานที่เจาะลึก ที่ต้องการ NAS สร้างเป็นคลาวด์ส่วนตัวประสิทธิภาพสูงในราคาที่จับต้องได้ไม่ยากนัก
Package & Bundled
แพคเกจกล่องกระดาษสีน้ำตาลตามแบบฉบับของ Synology ในชุดจะมีน็อตยึด SSD/HDD ,กุญแจล็อก HDD Bay ,คู่มือการใช้งาน ,สายแลน และ พาวเวอร์ซัพพลาย
Design & Detail
Synology DS1520+ ถ้าพูดถึงการดีไซน์ภายนอกที่ดูทรงแล้วไม่ได้แตกต่างจากโมเดลที่ออกมาในปี 2019 เท่าไรนัก ขนาดตัวเครื่องจะใหญ่ตามจำนวน Bay พร้อมกับบอดี้ภายนอกเป็นพลาสติกสีดำ ด้านข้างจะมีโลโก้ Synology เป็นช่องระบายอากาศด้วย
มุมด้านหน้าที่เราจะเห็นแถบแสดงสถานะที่มีการไฟการแจ้งเตือนมาอย่างครบถ้วนตามจำนวน HDD Bay ที่มีมาของโมเดลนี้
ด้านล่างนั้นจะเป็นปุ่มพาวเวอร์พร้อมกับไฟแสดงสถานะการทำงาน พร้อมกับพอร์ต USB Super Speed เพื่อการเชื่อมต่อกับ Storage หรือ อื่นๆที่รองรับ
็HDD Bay ด้านด้านหน้า จำนวน 5 Bay ที่การดีไซน์ต่างๆจะมากันแบบเดิมๆ ตามสไตล์ของ Synology
HDD Bay ที่รองรับการติดตััง HDD ขนาด 3.5 นิ้ว โดยไม่ต้องใช้น็อตยึดใด แต่การติดตั้ง SSD/HDD ขนาด 2.5 นิ้ว มีความจำเป็นต้องใช้น็อตในชุดยึดด้วย
เป็นอีกหนึ่งจุดกับกุญแจล็อก HDD Bay ในกรณีใช้ในสำนักงาน อาจมีคนซนหรือไม่หวังดี มาเปิดเล่นหรืออะไรก็ตาม
ข้างหลังจะมีพัดลมระบายความร้อนขนาด 9 ซม. จำนวนสองตัว แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องเสียงดังรบกวน มันสามารถปรับรอบการทำงานได้
มาถึง การเชื่อมต่อกันบ้าง โดยจุดเชื่อมต่อพาวเวอร์ซัพพลายจะเป็นแบบเฉพาะ 4 Pin การเชื่อมต่อเครือข่ายจะเป็น Gigabit Lan 4 พอร์ต ที่รองรับการทำ Link Aggregation หรือ เฟลโอเวอร์ นอกจากนั้นยังมีการเชื่อมต่อ eSATA จำนวน 2 จุด และ USB Super Speed ที่ขาดไม่ได้ปุ่มรีเซ็ตครับ
เป็นอีกความยืดหยุ่นของ DS1520+ ที่จะรองรับการทำ SSD Cache ด้วย SSD M.2 NVMe ขนาด 2280 จำนวน 2 ตัว แนะนำว่าใส่ไปสองตัวจะได้ประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีมากขึ้น ตัวเดียวอาจได้แค่ความเร็วในการอ่านข้อมูล
System Setup
การใช้งาน Synology DS1520+ ในแบบเบื้องต้น ที่ไม่ได้มีความยุ่งยาก ที่เราเพียงแค่เสียบสายแลนเข้ากับหลัง Wireless Router ภายในบ้าน ดยการเซ็ตอัพเบี้ยงต้นสามารถจัดการได้ผ่าน Software ของ Synology ที่คลิกไม่กี่คลิกก็พร้อมใช้งานได้แล้ว
Setup
มาถึงการเริ่มต้นเซ็ตอัพให้ Synology DS1520+ พร้อมใช้งาน ก็สามารถทำได้ตามขั้นตอนไป โดยต้องติดตั้ง HDD ไว้อย่างน้อย 1 ตัว และ ควรเป็น HDD ที่ไม่มีข้อมูลสำคัญ เพราะจะหายไปหมดสำหรับข้อมูลที่มีอยู่
การติดตั้ง DSM ซึ่งเป็น OS ของทาง Synology ที่สมัยนี้อินเตอร์เน็ตตามบ้านเร็วอยู่แล้ว แป๊ปเดียวก็เสร็จ
มาถึงแอปพลิเคชัน ที่ Synology DS1520+ สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งความบันเทิง การใช้งาน การทำงาน และ สาย IT เฉพาะทาง
ในปัจจุบัน OS ของ Synology จะเป็น DSM 6.2.3 อยู่ ซึงทาง Synology ได้ออกอัพเดทเป็น DSM 7.0 แล้ว แต่ยังเป็นเวอร์ชั่น Beta อยู่ในตอนนี้
DSM 7 Beta
หลังจากอัพมาเป็น DSM 7.0 ก็มี UI ที่มีความสวยงามมากขึ้น
สำหรับการใช้งานของ DSM 7.0 โดยภาพรวมจะไม่ได้แตกต่างจาก DSM 6.0 เท่าไรนัก แต่จะมาด้วยประสิทธิภาพ ความสวยงาม และ การจัดการที่เค้าว่ามันง่ายขึ้น
DSM 7.0 มาถึงแอปพลิเคชัน โดยส่วนใหญ่จะเป็น Beta อยู่ โดยจำนวนของแอปพลิเคชัน ที่มีให้ใช้งานยังน้อยกว่า DSM 6.2.3 โดยส่วนตัว ถ้าใช้งานเฉพาะทาง ,ต้องการความเสถียร และ ความยุ่งยาก ใช้ DSM 6.2.3 ไปก่อน โดยส่วนตัวที่บ้านผมยังใช้ DSM 5.0 อยู่เลย ขี้เกลียดอัพ ขี้เกลียดยุ่งยาก
การจัดการระบบต่างๆ ที่ยังไม่มีความแตกต่างจาก DSM 6.2.3
ก็ยังคงความเป็นจุดเด่นของ Synology ที่ NAS ทุกระดับ นั้นการใช้งานพื้นฐานไม่ได้มีความแตกต่างกัน
Conclusion
Synology DiskStation 1520+ แน่นอนว่าการใช้งานของมันคงจะเป็นป็นคลาวด์ส่วนตัวประสิทธิภาพสูง ที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานและการขยายข้อจำกัดได้อย่างลงตัว ซึ่งประสิทธิภาพของมันแน่นอนว่ามันลงตัวกับการใช้งานภายในสำนักงาน หรือ การใช้งานตามบ้าน ที่มีความเจาะลึกในสาย IT ได้สมบูรณ์แบบ โดยการใช้งานพื้นฐานแล้วมันก็เป็นเพียงแค่การใช้งานร่วมกับเครือข่ายระดับ Gigabit Ethernet แต่มันมีความยืดหยุ่นที่ยังคงสามารถรองรับการใช้งานเครือข่าย Link Aggregation หรือ เฟลโอเวอร์ ที่มีเสริมเสถียรภาพและประสิทธิภาพในการใช้งานภายในเครือข่ายได้อย่างลงตัว ในราคาระดับหลักสองหมื่นกว่าบาท สำหรับวันนี้ผมก็ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
Price : N/A บาท
Special Thanks : Synology Inc.