ช่วงหลังๆนี้ คอมบ้านๆทั่วไปก็มีการเปลี่ยนแปลงมาใช้งาน SSD เป็นจำนวนที่มากขึ้น หรือจะให้พูดง่ายๆก็ประมาณว่า คอมพิวเตอร์ปัจจุบันนี้ ใช้งานกันตามบ้าน ถ้าเครื่องนั้นไม่แย่จริงๆ ยังไงก็ต้องมี SSD ประจำการอยู่อย่างน้อยหนึ่งลูก
ความเชื่อเกี่ยวกับ Storage ในยุคแรกๆก็คือ SSD นั้นมีความทนทานที่น้อยกว่า HDD ซึ่งโอกาสในการที่ SSD จะพังนั้น ช่วงแรกๆก็มีสูง ทำให้เราได้เห็นคนบ่นกันเรื่อง SSD มีปัญหาเป็นว่าเล่น ซึ่งตอนนั้นก็ไม่แปลกที่ HDD ยังคงเป็น Storage ประเภทหลักของคอมพิวเตอร์ตามบ้าน .. จนมาหลังๆนี้ที่ SSD มีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีและความทนทานมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ปัญหาเรื่อง SSD พังก็ดูจะน้อยลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่าเราได้เห็น HDD นั้นพังบ่อยกว่า SSD ไปซะแล้ว
แต่วันนี้เรามีข้อมูลอีกด้านมานำเสนอครับ .. โดยบริษัทผู้ให้บริการด้าน Cloud Storage อย่าง Backblaze ก็ได้นำเสนอข้อมูลใหม่ ที่เผยว่าแท้จริงแล้ว SSD นั้นมีอัตราการเสียหาย หรือ "พัง" เกือบจะเท่า HDD จานหมุนเลยก็ว่าได้ .. ซึ่งใน Blog Post ล่าสุดนั้น ทาง Backblaze ก็ได้อธิบายว่าทางบริษัทได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลทั้ง SSD และ HDD ในการใช้งานจริงของทางบริษัท ซึ่งการวิเคราะห์นี้จะใช้ระบบ SMART Stat เพื่อตรวจสอบสุขภาพของ Drive ทั้งหลายอยุ่ตลอดเวลา
การวิเคราะห์ข้อมูลนั้น Backblaze ได้ให้คำนิยามของคำว่า "เสียหาย" ไว้ว่า "เสียหายโดยสิ้นเชิง" หรือ "ความเสียหายที่กำลังจะเกิดขึ้น" .. เพื่อป้องกันประเด็นหลังนี้ ทางบริษัทก็ได้ใช้สถานะของ SMART ในการตรวจสอบ Error ที่เกิดขึ้นจากการเขียนและอ่าน, อัตราการ wear หรือ หมดอายุของ SSD, ชั่วโมงการใช้งาน, จำนวนการล้มเหลวของโปรแกรม และอื่นๆอีกมากมาย
เพื่อให้การวิเคราะห์นั้นมีประโยชน์มากขึ้นไปอีก Backblaze ได้ทำการวิเคราะห์ Boot Drive จาก Storage Server เท่านั้น แทนที่จะไปดู Storage Drive หลัก เพราะ Boot Drive นั้นทำงานอยู่แทบจะตลอดเวลา ตั้งแต่เริ่มทำงาน Server, เขียน อ่าน รวมไปถึงการลบไฟล์ ทำให้เกือบไม่มีเวลา Idle เลย ในขณะที่ Storage Drive ทั้งหลายนั้น มีหน้าที่หลักๆแค่เก็บข้อมูลครับ
ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา Backblaze ก็มีการใช้ทั้ง HDD และ SSD เพื่อเป็น Bootdrive ใน Server ของเขา ทำให้บริษัทมีอุปกรณ์มากพอที่จะทำเป็นข้อมูลสำหรับการทดสอบประเภทนี้
ตารางด้านบนนี้ คืออัตราการเสียหายของ HDD และ SSD ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา ซึ่งคุณจะเห็นได้ว่า HDD นั้นมีอัตราการเสียหายที่สูงกว่าอยู่พอสมควร จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมหลายๆคนคิดว่า SSD นั้นมีความทนทานมากกว่า HDD .. อย่างไรก็ตาม ข้อมูลตรงนี้ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องนำมาวิเคราะห์เพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นอายุของตัว Drive เอง เพราะว่า Backblaze ได้เพิ่งเริ่มเอา SSD มาใช้แบบจริงจังในช่วงปี 2018 เท่านั้น ส่วนพวก HDD ที่เห็นว่าพังนี้ มีอายุที่มากกว่าหลายปี
แต่หลังจากที่หักประเด็นเรื่องอายุออกไป เอาอุปกรณ์ที่อายุใกล้ๆกันมาเปรียบเทียบ เราก็จะเห็นได้ว่าผลนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร เพราะว่าตอนนี้ตัวเลขไม่ได้หนีกันมากอีกต่อไปแล้ว อย่างที่เห็นว่า SSD นั้นมีอัตราการพังที่ 1.05% ในขณะที่ HDD มีอยู่ที่ 1.38%
ซึ่งทาง Backblaze เองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าทำไม SSD มันถึงมีโอกาสในการพังมากขนาดนี้ ผิดกับความเชื่อในยุคหลังๆที่ว่า SSD มีอุปกรณ์ภายในที่ซับซ้อนน้อยกว่า ทำให้มีโอกาสในการพังที่น้อยกว่า .. และเพื่อย้ำผลให้ชัดเจน ตรงนี้ที่ Backblaze เอามาวิเคราะห์ เป็นผลที่เกิดจากการ "เสียหายโดยสิ้นเชิง" ไม่ใช่ใช้งานจนหมด Write Endurance หรือหมดอายุอย่างที่เรารู้กัน
นอกจากนั้น Backblaze ยังมีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อัตราการพังของ HDD นั้นจะสูงขึ้นในช่วงปี 2018 เพราะว่าตัว HDD ส่วนใหญ่นั้นมีการใช้งานมาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งก็หมายความว่า ถ้า SSD อายุใกล้ๆกัน ก็อาจจะต้องพบเจอชะตากรรม ที่ไม่แตกต่างกันได้ .. แต่อันนี้จะจริงหรือเปล่า ก็ต้องรอดูอีกทีครับ
สุดท้ายแล้ว ข้อมูลตรงนี้ก็เป็นข้อมูลที่ทาง Backblaze ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Storage นั้นนำออกมาเผยแพร่ จากที่ตัวบริษัทได้มีการใช้งานจริงเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า SSD และ HDD ทั้งโลกจะสามารถใช้ข้อมูลนี้ได้ เพราะในโลกความเป็นจริงแล้ว การพังนั้นยังมีอีกหลายปัจจัยครับ SSD แต่ละรุ่นก็ใช้คุณภาพของ Controller, NAND Flash ไม่เหมือนกัน สภาวะการใช้งานจริงนั้น มีไฟตก ไฟกระชากบ่อยหรือเปล่า ทำให้เราไม่สามารถสรุปได้แบบตรงๆว่า HDD หรือ SSD นั้นทนกว่า เพราะรูปแบบการใช้งานก็มีผลมากเช่นกัน
ข้อมูล : Tom's Hardware