Agentforce 2.0 เป็นแพลตฟอร์มพนักงานดิจิทัลสำหรับองค์กร ช่วยสร้างทีมงานที่มีพลังแบบไร้ขีดจำกัดด้วยการทำงานของ AI Agent ให้ทุกแผนกงานขององค์กร โดยประกอบขึ้นจากคลังทักษะความสามารถที่ได้สร้างไว้ล่วงหน้าพร้อมใช้งาน สามารถทำงานได้กับทุกระบบและขั้นตอนกระบวนการทำงานขององค์กร
Agentforce 2.0 ทำให้ Autonomous AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกทีมงานอย่างแท้จริง ด้วยการทำให้พนักงานทุกคนสามารถทำงานร่วมกับ Agentforce ได้ผ่านทาง Slack
Agentforce 2.0 มาพร้อมกับความสามารถในการวิเคราะห์เหตุผลและดึงข้อมูลมาใช้ในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น มอบคำตอบที่ถูกต้องแม่นยำและผสานการทำงานในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อตอบคำถามที่มีความซับซ้อนหลายขั้นตอน
ลูกค้าองค์กรชั้นนำ เช่น Accenture, The Adecco Group, Finnair, สนามบินลอนดอนฮีทโธรว์, IBM, Indeed, Saks Global และ SharkNinja ต่างใช้ Agentforce เพื่อเสริมพลังการทำงานให้กับทีมขององค์กรด้วยพนักงานในรูปแบบดิจิทัล ช่วยปรับปรุงการดำเนินธุรกิจและปลดล็อกศักยภาพขององค์กรเพื่อสร้างการเติบโต
กรุงเทพฯ - 23 ธันวาคม 2024 — เซลส์ฟอร์ซ (Salesforce) (NYSE: CRM) ผู้นำอันดับหนึ่งของโลกด้านระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้ประกาศเปิดตัว Agentforce 2.0 เวอร์ชันใหม่ล่าสุดของ Agentforce ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มพนักงานดิจิทัลบริการแรกสำหรับองค์กร และเป็นระบบ AI แบบครบวงจรที่เสริมศักยภาพให้กับทีมงานด้วยเจ้าหน้าเอเจนต์อัจฉริยะที่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติ (Autonomous AI Agents) ซึ่งมีความน่าเชื่อถือและสามารถทำงานได้ภายในกระบวนการทำงานขององค์กร การเปิดตัวครั้งนี้มาพร้อมกับคลังทักษะความสามารถที่สร้างเพิ่มขึ้นมาใหม่และการเชื่อมต่อเข้ากับขั้นตอนกระบวนการทำงานหรือเวิร์กโฟลว์ต่าง ๆ ที่ได้พัฒนาไว้แบบสำเร็จรูปพร้อมใช้งาน (Pre-Built) เพื่อให้องค์กรสามารถปรับแต่งการทำงานได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถใช้งาน Agentforce ผ่านแพลตฟอร์ม Slack พร้อมด้วยการพัฒนาขั้นสูงในการวิเคราะห์ใช้เหตุผลแบบ Agentic และระบบ Retrieval Augmented Generation (RAG) การพัฒนาเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มขนาดของทีมงานได้ด้วยพนักงาน AI อัจฉริยะหรือ Agent ที่สามารถปรับแต่งให้เข้ากับลักษณะการทำงานขององค์กร และสามารถจัดการงานที่มีความซับซ้อนหลายขั้นตอนได้อย่างถูกต้องแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ความสำคัญของการพัฒนา Agentforce 2.0
ทุกทีมงานภายในองค์กรต่างมีปริมาณงานที่ต้องจัดการมากเกินกว่าทรัพยากรที่มีอยู่ ซึ่งทำให้การโต้ตอบสัมพันธ์กับลูกค้ามีคุณภาพลดลงและมีกรณีค้างสะสมรอการจัดการเป็นจำนวนมาก องค์กรต่าง ๆ จึงหันมาใช้ AI เพื่อช่วยทำงาน แต่การใช้งานในระดับองค์กรนั้นไม่สามารถใช้โซลูชันคุณภาพต่ำที่ให้คำตอบแบบกว้าง ๆ ทั่วไปซึ่งไม่ตรงกับหัวข้อในการทำงานได้ โซลูชันที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น ระบบผู้ช่วย Copilot นั้นก็ยังไม่สามารถให้คำตอบที่แม่นยำและเชื่อถือได้ต่อการขอรับบริการที่มีความซับซ้อน เช่น การให้คำแนะนำเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคลในการสมัครงาน อีกทั้งยังไม่สามารถลงมือปฏิบัติงานได้ด้วยตนเอง เช่น การดูแลลูกค้าที่มีความสนใจให้ตัดสินใจซื้อด้วยการสนทนาแนะนำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ องค์กรจึงต้องการแพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อให้บริการพนักงานดิจิทัลในแบบ Autonomous AI Agents ซึ่งสามารถใช้เหตุผลวิเคราะห์ข้อมูลและผสานการทำงานในกระบวนการดำเนินงานขององค์กร เพื่อลงมือทำงานแทนทีมพนักงานที่มีภารกิจจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มาร์ค เบนิออฟ (Marc Benioff) ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Salesforce กล่าวว่า “Agentforce 2.0 ได้ยกระดับแพลตฟอร์มพนักงานดิจิทัลของ Salesforce ให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยความสามารถใหม่ในด้านการใช้เหตุผลวิเคราะห์ข้อมูล การผสานเชื่อมโยงกับระบบต่าง ๆ และการปรับแต่งได้ตามความต้องการ ซึ่งเพิ่มศักยภาพให้กับการทำงานของ Autonomous Agent ด้วยความชาญฉลาด ความแม่นยำ และความถูกต้องในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน” และเสริมว่า “ความสนใจและความต้องการในตัว Agentforce นั้นยอดเยี่ยมมาก ยังไม่มีบริษัทใดที่สามารถนำเสนอโซลูชัน AI สำหรับองค์กรอย่างครบวงจรได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับ Agentforce เราได้ผสานความสามารถของ AI ข้อมูล แอปพลิเคชัน และระบบอัตโนมัติเข้ากับการทำงานของมนุษย์ได้อย่างราบรื่นเพื่อเปลี่ยนแปลงพลิกโฉมวิธีการทำงาน โดย Agentforce 2.0 ได้ตอกย้ำตำแหน่งการเป็นผู้นำด้านโซลูชันพนักงานดิจิทัลของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถสร้างทีมงานที่มีพลังแบบไร้ขีดจำกัด ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงธุรกิจของพวกเขาได้อย่างแท้จริง”
วิธีการที่ The Adecco Group ได้ใช้ Agentforce เพื่อยกระดับการรับสมัครพนักงานสำหรับแต่ละบุคคล ด้วยการใช้พนักงานดิจิทัลอัจฉริยะ:
เกร็ก ชูว์เมเกอร์ (Greg Shewmaker) รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการระดับโลกและ AI ของ The Adecco Group กล่าวว่า “ที่ The Adecco Group เรามุ่งมั่นต่อการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมาย ระหว่างผู้สมัครงานและโอกาสการจ้างงาน ด้วยการรวมศูนย์ข้อมูลจากมากกว่า 40 ระบบ ผ่าน Data Cloud ของ Salesforce และการใช้งาน Agentforce เพื่อเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของผู้สมัครงาน โดย Agentforce ได้ช่วยคัดกรองผู้สมัครในเบื้องต้น ปรับปรุงเอกสารประวัติการทำงาน และช่วยให้การรับคนเข้าในตำแหน่งงานเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น Agent ของ Agentforce นั้นสามารถทำงานได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้สรรหาพนักงานสามารถเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายได้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและปรับการทำงานได้เหมาะกับแต่บุคคลที่แตกต่างกันได้ในระดับวงกว้าง”
คลังทักษะและความสามารถใหม่ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ Agentforce สามารถทำงานให้กับทุกทีม ได้ในทุกขั้นตอนกระบวนการทำงาน:
ปัญหาด้านระยะเวลาและการเชื่อมต่อเทคโนโลยีเข้ากับระบบต่าง ๆ ทำให้การสร้าง Agent ที่องค์กรสามารถปรับแต่งการทำงานให้เข้ากับแต่ละทีมหรือแผนกโดยเฉพาะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ Agentforce 2.0 สามารถกำจัดอุปสรรคเหล่านี้ด้วยการสร้างคลังทักษะและความสามารถของ Agent ไว้ล่วงหน้าแบบพร้อมใช้งานให้กับองค์กร ซึ่งคือลักษณะงานรูปแบบต่าง ๆ ที่ Agentforce สามารถทำได้ ครอบคลุมทั้งการทำงานบนระบบ CRM ในแพลตฟอร์มการสื่อสาร Slack และการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Tableau นอกจากนี้ Agentforce ยังสามารถใช้ทักษะความสามารถที่พัฒนาขึ้นโดยพาร์ทเนอร์เพิ่มเติมบนแพลตฟอร์ม AppExchange
การเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มการใช้งาน Agentforce เข้าไปในระบบหรือกระบวนการทำงาน (Workflow) ใด ๆ ก็ตามด้วยการใช้ MuleSoft นอกจากนี้ Agentforce 2.0 ยังมาพร้อมกับเครื่องมือ Agent Builder สำหรับการสร้าง Agent ที่ได้เพิ่มความสามารถในการตีความคำสั่งงานด้วยภาษาธรรมชาติ เช่นหากป้อนคำสั่งว่า ‘ทำการต้อนรับและอบรมพนักงานให้กับผู้จัดการผลิตภัณฑ์คนใหม่’ ระบบจะสร้าง Agent ขึ้นมาใหม่ให้แบบอัตโนมัติ โดย Agent เหล่านี้สามารถผสานนำทักษะที่สร้างไว้สำเร็จรูปพร้อมใช้งาน ให้เข้ากับตรรกะการทำงานที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะในระบบของ Salesforce ได้อย่างราบรื่น ทำให้องค์กรมีความสามารถในการปรับตัวและทำงานได้อย่างรวดเร็วในระดับที่เหนือกว่าเดิม
· ทักษะความสามารถด้าน CRM ใหม่ มอบประสบการณ์ลูกค้าที่เน้นการทำงานของ Agent: ทักษะความสามารถสำหรับทีมงานด้านการขายที่ Agentforce ได้พัฒนาขึ้นมาใหม่ เช่น การพัฒนาโอกาสการขาย (Sales Development) และการโค้ชอบรมพนักงานขาย (Sales Coaching) นั้นช่วยสร้าง Autonomous AI Agent ที่สามารถทำงานพัฒนาโอกาสการขายและดูแลลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อผลิตภัณฑ์ (Lead) ตามลักษณะการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าซึ่งองค์กรได้ตั้งค่ากำหนดไว้ ระบบยังสามารถสร้าง Agent ที่เข้าร่วมการโทรสนทนานำเสนอสินค้า และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงการขายได้ในทันที ช่วยให้ทีมพนักงานขายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในระดับกว้างมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Agentforce 2.0 ยังได้พัฒนาทักษะอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ทักษะด้านการตลาด (Marketing Campaign) ทักษะสำหรับผู้ค้าที่ดำเนินธุรกิจพาณิชย์ (Commerce Merchant) ทักษะการจัดตารางลำดับการให้บริการ และทักษะใหม่ ๆ สำหรับพนักงานบริการภาคสนาม เป็นต้น
· การทำงานข้ามระหว่างแอปพลิเคชันหรือกระบวนการทำงานต่าง ๆ ด้วย MuleSoft: การเปิดตัวล่าสุดครั้งนี้ยังทำให้ MuleSoft สามารถเชื่อมโยงการทำงานของ Agentforce เข้ากับทุกแผนกขององค์กรธุรกิจ ด้วย ‘MuleSoft for Flow’ ที่ช่วยให้องค์กรสร้างกระบวนการทำงาน Workflow แบบ low-code ในทุกระบบได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ด้วยตัวเชื่อมต่อ (Connectors) ที่สร้างไว้สำเร็จรูปพร้อมใช้ ซึ่งจะช่วยสร้าง Workflow ข้ามระหว่างระบบได้อย่างรวดเร็ว สำหรับทีมที่ต้องการเปลี่ยนระบบ API ของตนให้เป็นการทำงาน (Action) สำหรับ Agentforce ระบบก็ได้สร้างชุดแค็ตตาล็อก API ของ MuleSoft ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ช่วยให้ผู้พัฒนาและผู้ดูแลระบบ Salesforce สามารถค้นหา ดูรายละเอียด และจัดการ API ของทั้ง Salesforce, MuleSoft, Heroku และบริการจากภายนอกต่าง ๆ ได้จากศูนย์กลางระบบที่รวมข้อมูลไว้ในแหล่งเดียวกันเพื่อความรวดเร็วในการทำงานลักษณะซ้ำ ๆ แบบเดิม นอกจากนี้ ‘MuleSoft Topic Center’ ที่เปิดตัวใหม่ยังทำให้ทีมสามารถเชื่อมโยงข้อมูล Metadata ของ Agentforce ลงในทุก ๆ API ที่ได้สร้างขึ้น เพื่อให้ทุกจุดเชื่อมต่อสามารถแปลงให้กลายเป็นทักษะหรือ Action ของ Agentforce ได้โดยอัตโนมัติ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเติมเหล่านี้ทำให้ทุก API มีคุณสมบัติเป็น “Agent-First” หรือคุณสมบัติที่เน้นการทำงานด้วย Agent ตั้งแต่เริ่มต้น
· ทักษะความสามารถใหม่ของ Tableau เพื่อการวิเคราะห์และการทำงานกับข้อมูลเชิงลึก: Tableau Topic และ Action ที่พัฒนาขึ้นใหม่นั้นสามารถนำเสนอการแสดงผลข้อมูลเป็นภาพที่ทำความเข้าใจได้ง่ายและทำการวิเคราะห์คาดการณ์ล่วงหน้า เพื่อช่วยให้เข้าใจการทำงานโต้ตอบของ Agent ได้ดียิ่งขึ้น พร้อมมอบคำตอบที่แม่นยำและอิงกับบริบททางธุรกิจได้อย่างมีความเข้าใจด้วย ‘Tableau Semantics’ คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยสร้างกรณีการใช้งานใหม่ ๆ ในการวิเคราะห์เชิงสนทนา และลดอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลสำหรับพนักงานทุกคนในองค์กร
· ทักษะความสามารถใหม่ใน Slack เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในห้องสนทนาแบบกลุ่มและบทสนทนาต่าง ๆ : ขณะนี้ Slack Action สามารถใช้งานได้ใน Agent Builder ทำให้ทีมงานในองค์กรสามารถเพิ่มความสามารถของ Agentforce เข้าในการใช้งาน Slack เช่น การให้ Agent ช่วยสรุปสถานะความคืบหน้าของแต่ละโครงการส่งเป็นข้อความส่วนตัว หรือการให้ Agent ช่วยอัปเดต Slack Canvas เมื่อลูกค้าขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่กำลังดำเนินงานอยู่
· ทักษะความสามารถที่พัฒนาขึ้นโดยพาร์ทเนอร์ บนแพลตฟอร์ม AppExchange: Agentforce มีระบบนิเวศน์แพลตฟอร์ม AppExchange ที่ให้บริการสนับสนุนเพิ่มทักษะความสามารถให้กับ Agent สำหรับองค์กรธุรกิจเป็นแห่งแรกของโลก ลูกค้าจึงสามารถเพิ่มวิธีการใช้งาน Agentforce ได้จาก Topic และ Action บนแพลตฟอร์ม มาปรับแต่งใช้งานได้ตามความต้องการ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การสร้างประเภทของ Agent ขึ้นมาใหม่ เช่น AI Agent ที่ให้บริการกับพนักงานในองค์กรจาก Workday ไปจนถึงการสร้าง Actions ที่พัฒนาขึ้นโดยพาร์ทเนอร์อื่น ๆ เช่น Asymbl, Docusign, และ Neuron 7 เป็นต้น
· Agentforce ขณะนี้สามารถแนะนำทักษะที่เหมาะสม ให้กับงานที่คุณต้องการทำ: องค์กรสามารถสร้าง Agent ขึ้นมาใหม่ได้ภายในไม่กี่วินาที ด้วยการใช้ภาษาธรรมชาติที่สนทนาตามปกติในการระบุรายละเอียดตามที่ต้องการ การเปิดตัวล่าสุดครั้งนี้ได้ทำให้ Agent Builder สามารถใช้ Agentforce เพื่อสร้าง Agent ขึ้นมาใหม่ซึ่งมีทักษะเหมาะกับงานที่องค์กรต้องการ โดยการสร้าง Topic และคำสั่งงานที่เกี่ยวข้องขึ้นมาใหม่แบบอัตโนมัติ พร้อมดึงข้อมูลจากคลังทักษะ และ Action ที่มีอยู่แล้วในระบบ ช่วยให้องค์กรสามารถเริ่มต้นใช้งานพนักงานดิจิทัลในรูปแบบใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
วิธีการที่บริษัท Accenture ใช้ Agentforce เพิ่มประสิทธิภาพในการขาย ด้วยพนักงานดิจิทัล:
สเตฟานี ซาโดวสกี (Stephanie Sadowski) หัวหน้ากลุ่มธุรกิจ Salesforce ของบริษัท Accenture กล่าวว่า “ที่ Accenture เราให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ล้ำหน้าก่อนองค์กรอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราพัฒนาธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ทีมพนักงานขายของเราในกลุ่มธุรกิจ Salesforce และ Accenture Song ได้เริ่มใช้งาน Agentforce เพื่อสร้างการทำงานแบบอัตโนมัติในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การวางแผนติดต่อลูกค้าและปิดการขาย การค้นหาข้อมูลเชิงลึกผ่านระบบการค้นหาขององค์กร และการทำให้ทีมต่าง ๆ ทำงานได้สอดคล้องกันด้วยการอัปเดตข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว Agentforce ยังช่วยให้สามารถเริ่มต้นการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจทางธุรกิจ และช่วยให้ทีมสามารถมุ่งเน้นการนำเสนอโซลูชันที่มีความสร้างสรรค์ให้กับลูกค้าของเราได้ดียิ่งขึ้น”
การเชื่อมโยง Agentforce และ Slack คือการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ Agent ในพื้นที่ของการทำงานจริง:
การที่องค์กรพยายามปลดล็อกคุณค่าและประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจด้วยการใช้ AI Agent ทำให้ต่างก็ต้องการโซลูชันที่ผสานเข้าในพื้นที่ซึ่งพนักงานทำงานอยู่ในปัจจุบัน การที่ Agentforce เวอร์ชัน 2.0 สามารถใช้งานได้ใน Slack จึงเป็นการนำพนักงานดิจิทัลที่องค์กรสามารถปรับแต่งให้เข้ากับธุรกิจได้ เข้ามาสู่บทสนทนาใน Slack ทั้งแบบข้อความส่วนตัว (DM) และห้องสนทนารวม (Chanel) ซึ่งเป็นพื้นที่การทำงานในแต่ละวันของพนักงานจริง ๆ
· นำ Agentforce สู่บทสนทนาทุกข้อความ และ Chanel ใน Slack: Agentforce 2.0 ช่วยให้ทีมต่าง ๆ ในองค์กรสามารถเชื่อมโยงและนำ Agentforce เข้ามาสู่การสนทนาในแพลตฟอร์ม Slack ได้อย่างง่ายดาย ผู้ใช้ Slack สามารถเริ่มต้นการสนทนาได้โดยตรงผ่านทาง Agentforce Hub หรือพิมพ์เครื่องหมาย @ เพื่อเรียกใช้ Agentforce ขึ้นมาทำงานได้โดยตรงในข้อความส่วนตัว หรือห้องสนทนา Channel ต่าง ๆ ใน Slack คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้พนักงานสามารถรับความช่วยเหลือจาก Agent ที่เป็นพนักงานดิจิทัลได้โดยตรงภายในกระบวนการทำงานจริงขององค์กร
· Slack Action ที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ใน Agent Builder: เครื่องมือ Agent Builder ล่าสุดได้เพิ่มฟีเจอร์ Slack Action ที่สร้างไว้สำเร็จรูปพร้อมใช้ เช่น การสร้าง Action ให้ Agent ช่วย ‘สร้าง Canvas ขึ้นใหม่’ หรือ ‘ส่งข้อความใน Channel’ ช่วยให้ทีมสามารถเพิ่มศักยภาพให้ Agent ที่มีอยู่แล้วได้อย่างรวดเร็ว หรือสร้าง Agent ใหม่ที่สามารถทำงานร่วมกับทีมต่าง ๆ ในองค์กรภายใน Slack ได้อย่างง่ายดาย
· ปลดล็อกข้อมูลในบริบทการสนทนาด้วย Enterprise Search: เนื่องจาก Slack มีข้อมูลความรู้มากมายอยู่ในทั้งในข้อความส่วนตัว และใน Channel ต่าง ๆ รวมถึง Canvas ซึ่งสะท้อนลักษณะเฉพาะทางธุรกิจของแต่ละองค์กร ด้วยฟีเจอร์ค้นหาข้อมูล ‘Enterprise Search’ ใหม่ใน Slack ทำให้ Agentforce สามารถดึงข้อมูลการสนทนาต่าง ๆ มาช่วยเพิ่มความสามารถให้ Agent โต้ตอบและทำงานสัมพันธ์กับบริบทได้ดียิ่งขึ้น จากการนำข้อมูลที่เผยแพร่โดยทั่วไปเป็นสาธารณะมารวมกับข้อมูลเฉพาะขององค์กรจากระบบ Slack ซึ่งรับการอนุญาตจากองค์กรให้นำมาใช้งานได้
วิธีที่ Indeed ใช้ Agentforce ช่วยยกระดับการสร้างความสัมพันธ์กับผู้สมัครงานที่มีความแตกต่างกัน ด้วยการทำงานของพนักงานดิจิทัล:
แอนโธนี มอยซองต์ (Anthony Moisant) ประธานฝ่ายสารสนเทศ ของ Indeed กล่าวว่า “Indeed เป็นเว็บไซต์เพื่อการหางานชั้นนำของโลกที่ทุก ๆ วินาทีมีการจ้างงานผ่านแพลตฟอร์มของเราถึงสามตำแหน่ง ความสำเร็จของ Indeed เกิดจากความสามารถในการนำข้อมูลโปรไฟล์ของผู้หางานมากกว่า 580 ล้านคน มาจับคู่กับผู้จ้างงานมากกว่า 3 ล้านราย และด้วยการใช้ประโยชน์จาก Data Cloud ทำให้ Indeed สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบสถาปัตยกรรมด้านข้อมูลขององค์กร และสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับกลยุทธ์ทางการตลาดของ Indeed ที่เน้นการโปรโมตสินค้าหรือบริการไปยังกลุ่มเป้าหมาย พร้อมกับเพิ่มความเชื่อมโยงในข้อมูลโปรไฟล์ผู้หางานที่มีคุณภาพของเรา” และเสริมว่า “การนำ Agentforce มาใช้งานทำให้ Indeed สามารถมุ่งเน้นพันธกิจของเราในการช่วยสนับสนุนผู้คนในการหางาน พร้อมทั้งขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายที่สำคัญในการลดระยะเวลาการจ้างงานลง 50% และช่วยให้คนที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคในการจ้างงานจำนวน 30 ล้านคนสามารถหางานได้สำเร็จ ภายในปีงบประมาณ 2030”
สร้างคำตอบให้กับคำถามที่ซับซ้อนอย่างมีความเชี่ยวชาญ และดำเนินการ Action ต่าง ๆ ได้ด้วย Agentforce 2.0:
Atlas Reasoning Engine เป็นเหมือนมันสมองที่อยู่เบื้องหลังความสามารถที่ชาญฉลาดของ Agentforce ช่วยให้ระบบสามารถดึงข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกับบริบท วิเคราะห์เหตุผล และดำเนินงานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย Salesforce ได้เพิ่มความสามารถในการใช้เหตุผลและการดึงข้อมูลที่พัฒนาความสามารถเพิ่มขึ้นนี้ให้กับ Agentforce 2.0 เพื่อให้ Agent ทำงานกับคำถามที่ซับซ้อนและข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนสูงได้ดีขึ้น และด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้นใน Data Cloud ซึ่งช่วยเพิ่มบริบทที่มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้นให้กับ Agentforce และเสริมข้อมูลทั้งในแบบที่มีโครงสร้าง (Structured) และไม่มีโครงสร้าง (Unstructured) ด้วยข้อมูล Metadata ที่มีลักษณะเฉพาะทางธุรกิจของแต่ละองค์กร เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการให้บริการที่มีความซับซ้อนและหลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
· การวิเคราะห์ใช้เหตุผลที่เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการดึงข้อมูลขั้นสูง : Atlas Reasoning Engine ของ Agentforce ซึ่งได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้สามารถโต้ตอบมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้และลูกค้าได้ในรูปแบบที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น รวมถึงทำงานกับกรณีที่มีความซับซ้อนและต้องดำเนินการหลายขั้นตอนซึ่งต้องการการวิเคราะห์เชิงลึก ในกรณีที่คำถามที่ไม่ซับซ้อนมาก เช่น “สถานะของพอร์ตโฟลิโอการลงทุนของฉันในปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง” ระบบจะใช้การวิเคราะห์แบบพื้นฐานเพื่อให้คำตอบอย่างรวดเร็ว แต่หากเป็นกรณีที่คำถามมีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น “รูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม สำหรับการจัดการกองทุนการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยของลูกของฉัน ควรเป็นแบบใด โดยให้พิจารณาจากรายได้ในปัจจุบันและความเสี่ยงที่ยอมรับได้” คำถามลักษณะนี้ระบบจะใช้การคิดวิเคราะห์ขั้นสูงร่วมกับการดึงข้อมูลจากระบบที่มีความชาญฉลาด ซึ่งกระบวนการทำงานจะปรับแต่งคำถามให้เป็นลำดับขั้นตอน ก่อนจะดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องและ Metadata เฉพาะบริบทมาจาก Data Cloud จากนั้น Atlas Reasoning Engine ของ Salesforce จะประเมินวัดผลคำตอบของตนเองซ้ำ ๆ หลายครั้งผ่านเครื่องมือและแหล่งข้อมูลที่หลากหลายในลักษณะที่เรียกว่า ‘Agentic Loop’ เพื่อมอบคำตอบและลงมือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการค้นคว้าข้อมูลมาเป็นอย่างดี องค์กรจึงสามารถไว้วางใจให้ Agentforce ช่วยทำงานตอบสนองคำถามที่มีความละเอียดอ่อนและซับซ้อนมากยิ่งขึ้นได้ และสามารถสร้างการทำงานทั้งหมดนี้ขึ้นได้โดยไม่ต้องอาศัยการเขียนโค้ดโดยเฉพาะแต่อย่างใด
· การเพิ่มความสามารถของ RAG ด้วยการจัดทำดัชนีข้อมูลที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น: RAG ได้ช่วยให้ Agentforce สามารถค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบริบทในการทำงาน จากข้อมูลแบบที่ไม่มีโครงสร้างได้อย่างรวดเร็ว โดย Data Cloud ในปัจจุบันสามารถเสริมความสมบูรณ์ให้กับ RAG Chunks (การฉายภาพของข้อมูลที่ดึงมาจากระบบ) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เหตุผลวิเคราะห์ข้อมูลของ Atlas Reasoning Engine ด้วย Metadata จากแพลตฟอร์ม Salesforce การเพิ่มบริบทข้อมูล Metadata ให้กับ RAG Index นี้ ช่วยให้ Agentforce ในเวอร์ชัน 2.0 สามารถปรับการทำงานให้เข้ากับลักษณะเฉพาะของธุรกิจขององค์กรโดยไม่ต้องดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติม อีกทั้งยังเพิ่มความแม่นยำและความเกี่ยวข้องกับบริบทในการทำงานกรณีที่มีความซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มความน่าเชื่อถือด้วยการอ้างอิงถึงแหล่งที่มาในคำตอบต่าง ๆ ของ Agent ด้วยการระบุแหล่งข้อมูลที่ Agentforce นำมาใช้
Salesforce กับการให้บริการช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และปรับให้เข้ากับแต่ละบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย Agentforce: หน้าเว็บเพจ Salesforce Help ในปัจจุบันมีผู้เข้าใช้งานมากกว่า 60 ล้านครั้งต่อปี ซึ่งเป็นลูกค้าที่ต้องการความช่วยเหลือสนับสนุนด้านผลิตภัณฑ์หรือมีคำถามเกี่ยวกับบัญชีการใช้งานต่าง ๆ ของ Salesforce โดย Agentforce ซึ่งเป็นพนักงานดิจิทัลในหน้าเว็บไซต์ help.salesforce.com นั้นได้ให้บริการลูกค้าโดยปรับแนวคำตอบและการทำงานให้เหมาะกับแต่ละบุคคลโดยอัตโนมัติ พร้อมให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง และ Agent ยังสามารถส่งต่อเคสไปยังเจ้าหน้าที่ซึ่งมนุษย์ให้ดูแลต่อในกรณีที่จำเป็น พร้อมส่งข้อมูลประวัติลูกค้าและบริบทที่เกี่ยวข้องสำหรับกรณีเหล่านั้นให้เจ้าหน้าที่อย่างครบถ้วนอีกด้วย
นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Agentforce สามารถช่วยแก้ปัญหาและตอบคำถามของลูกค้าได้ถึง 83% โดยไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่มนุษย์เข้ามาช่วยเหลือ และลดจำนวนกรณีที่ต้องให้พนักงานซึ่งเป็นมนุษย์เข้ามาทำงานลงได้มากถึงครึ่งหนึ่ง พร้อมกับเพิ่มจำนวนการสนทนากับลูกค้าเฉลี่ยต่อสัปดาห์มากขึ้นเกือบสองเท่า
มุมมองจากลูกค้า:
ไรอัน ทีเปิลส์ (Ryan Teeples) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี 1-800 Accountant กล่าวว่า “ที่ 1-800 Accountant เราใช้ Agentforce เพื่อช่วยจัดการกับคำขอรับบริการของลูกค้า โดยเฉพาะในช่วงการจัดทำภาษีของแต่ละปี ด้วยการที่ Agentforce สามารถจัดการคำขอที่เข้ามาหาเราได้มากถึง 90% เราจึงสามารถมอบหมายให้งานตอบคำถามทั่ว ๆ ไป เช่น สถานะการขอคืนภาษี จัดการด้วยระบบอัตโนมัติ ช่วยให้ทีมงานของเรามีเวลาไปจัดการกับงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ระบบนี้ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้า และรับประกันว่าการให้บริการจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ Agentforce ยังสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลได้อย่างเข้มงวด ทำให้ข้อมูลภาษีที่มีความละเอียดอ่อนมีความปลอดภัยและสามารถเข้าถึงข้อมูลได้เฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาต นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่ช่วยให้เราสามารถขยายธุรกิจและให้บริการลูกค้าของเราได้ดียิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่มีงานจำนวนมากที่สุดของเรา”
เจมส์ โลมาส (James Lomas) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี Bionic กล่าวว่า “การนำ Autonomous Agent มาใช้ในการทำงานถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับ Bionic เรามีภารกิจสำคัญในการพลิกโฉมทำให้การดำเนินงานของธุรกิจขนาดเล็กในสหราชอาณาจักรง่ายยิ่งขึ้น ด้วยการผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้ากับบริการจากผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์ โดย Agentic AI เราได้ปรับปรุงระบบการทำงานต่าง ๆ เช่น การอ่านค่ามิเตอร์ และการติดตามระบบการสับเปลี่ยนการทำงาน เพื่อมอบการบริการสนับสนุนทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง นวัตกรรมนี้ช่วยให้ลูกค้าธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางของเราจำนวนมากถึง 200,000 รายสามารถประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากในการทำงาน เพื่อให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่การทำงานเพื่อขยายธุรกิจได้อย่างเต็มที่”
อดอลโฟ เฮอร์นันเดซ (Adolfo Hernandez) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Capita กล่าวว่า “ด้วย Agentforce เราต้องการเปลี่ยนกระบวนการรับสมัครพนักงานของ Capita ให้เป็นประสบการณ์ทำงานที่มีความรวดเร็ว ราบรื่น และเป็นระบบแบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้สมัครงาน พนักงาน และลูกค้าของเรา โดย Autonomous Agent ที่ให้บริการสนับสนุนทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงนี้ได้ช่วยสนับสนุนเป้าหมายของเราคือการทำให้ผู้สมัครงานสามารถได้งานและดำเนินการทั้งหมดเสร็จสิ้นได้ได้ภายในไม่กี่วัน แทนที่จะใช้เวลาหลายสัปดาห์ตามที่เคยเป็นมา ที่ Capita เรามอบเวลาที่มีค่าให้กับลูกค้า เพื่อให้พวกเขาสามารถมุ่งทำในสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ดีที่สุด และ Agentforce จะเป็นสิ่งที่เข้ามาช่วยปรับปรุงความสามารถของเราในการทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้จริง นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางของเรากับ Salesforce ซึ่งเรามองว่าเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย Agent จะสามารถสร้างศักยภาพการเติบโตที่ยิ่งใหญ่ให้กับธุรกิจในสหราชอาณาจักรได้”
ทีน่า เวสเตอริเนน (Tiina Vesterinen) รองประธานฝ่ายการพาณิชย์และโซลูชันประสบการณ์ลูกค้า Finnair กล่าวว่า “ที่ Finnair เราจะใช้ Agentforce เพื่อเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานด้านบริการลูกค้าของเรา ทำให้ Finnair สามารถจัดการกับคำถามแบบทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปรับปรุงระยะเวลาในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า โดย Agentforce ได้ช่วยทำงานแบบอัตโนมัติและจัดการกับคำถามที่เป็นพื้นฐานทั่วไป ทีมงานของเราจึงสามารถมุ่งเน้นไปที่ปัญหาที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เพื่อให้การสนับสนุนที่รวดเร็วและถูกต้องแม่นยำมากขึ้น ช่วยให้เรามอบประสบการณ์ที่ดีให้กับทั้งลูกค้าและพนักงานผู้ทำหน้าที่ให้บริการของเรา พร้อมช่วยลดเวลาในการฝึกอบรมทีมงานศูนย์บริการด้วยการทำให้เราได้รับข้อมูลที่สำคัญอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น”
เวเลีย คาร์โบนี (Velia Carboni) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ SharkNinja กล่าวว่า “Agentforce ของ Salesforce จะทำให้ SharkNinja สามารถเปลี่ยนแปลงพลิกโฉมการให้บริการการสนับสนุนลูกค้าของเราในมากกว่า 30 ตลาดทั่วโลก โดยทำให้ให้เจ้าหน้าที่ของเราสามารถให้บริการที่มีการปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยการรวมเอาข้อมูลและการจัดการกับคำถามแบบทั่ว ๆ ไป เช่น คำถามว่า 'สินค้าของฉันขณะนี้อยู่ที่ไหน' ให้กับลูกค้า ทำให้เราสามารถลดภาระงานของเจ้าหน้าที่และให้เขาเน้นใช้เวลาไปที่การสร้างปฏิสัมพันธ์ที่สำคัญและมีความหมายกับลูกค้า การเชื่อมโยงระบบและผสานรวมความสามารถนี้ช่วยรับรองว่าลูกค้าจะมีประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการสนับสนุนด้านผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าแต่ละคน ช่วยตอบคำถามที่พบได้บ่อย และมอบคำตอบที่ปรับให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของผู้บริโภคได้ ช่วยให้เราสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในทุก ๆ จุดที่ลูกค้าติดต่อสัมพันธ์กับเรา”
เคท โดนาเฮย์ (Kate Donaghy) หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีธุรกิจ Secret Escapes กล่าวว่า “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นงานที่มีการปฏิบัติการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง และมักจะได้รับคำขอรับบริการจากลูกค้าที่แตกต่างกันไปและมีความจำเป็นต้องตอบสนองอย่างเร่งด่วน เมื่อเว็บไซต์ของเราที่มอบการบริการท่องเที่ยวในระดับลักชูรี่ได้เติบโตและดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เข้ามากขึ้น เราจึงต้องการโซลูชันที่สามารถให้บริการเฉพาะสำหรับลูกค้าสมาชิกซึ่งเป็นชาวยุโรปของเรามากกว่า 60 ล้านคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Agentforce ใช้ข้อมูลที่เชื่อมโยงรวมกันเป็นหนึ่งเดียวของเราในการทำงานแบบอัตโนมัติ สำหรับงานที่มีความซ้ำ ๆ เป็นประจำ เช่น การยกเลิกและการอัปเดตข้อมูลการจอง หรือแม้กระทั่งการตอบคำถามทั่วไปเกี่ยวกับการเดินทาง เช่น การจัดการกับกระเป๋าสัมภาระ ข้อมูลเที่ยวบิน และอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้เจ้าหน้าที่บริการลูกค้าของเรามีเวลาจัดการกับความต้องการด้านการเดินทางที่มีความซับซ้อนและต้องการการจัดการอย่างเร่งด่วนได้มากขึ้น เพื่อการให้บริการสมาชิกของเราที่ดียิ่งขึ้น”
ดร. เมลิค คูรี (Dr. Melik Khoury) ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มหาวิทยาลัย Unity Environmental กล่าวว่า “มหาวิทยาลัย Unity Environmental ได้กำลังใช้ Agentforce ของ Salesforce เพื่อขยายการบริการสนับสนุนลูกค้าของเราเพิ่มเติมจากการตอบคำถามทั่ว ๆ ไป ทำให้พนักงานของเราสามารถเน้นทำงานเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาที่ต้องการคำแนะนำเฉพาะบุคคลได้มากยิ่งขึ้น โดยการผสาน AI ที่มีความสามารถในการทำงานแบบอัตโนมัติเข้าในขั้นตอนกระบวนการทำงาน เราสามารถตอบคำถามที่เป็นแบบพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางการเงินหรือการลงทะเบียนเรียน ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ทีมเจ้าหน้าที่ของเราได้มีปฏิสัมพันธ์ที่ลึกมากขึ้นกับนักศึกษา วิธีการที่สร้างสมดุลระหว่างลักษณะงานต่าง ๆ นี้ทำให้การให้บริการแต่ละครั้งมีประสิทธิภาพและดียิ่งขึ้น เนื่องจากนักศึกษาบางคนสามารถใช้ AI เพื่อรับคำตอบได้ทันที ในขณะที่บางคนจะได้รับประโยชน์จากการร่วมมือกันทำงานระหว่าง AI และเจ้าหน้าที่ของเรา ด้วยวิธีนี้เราสามารถขยายจำนวนนักศึกษาจาก 10,000 เป็น 50,000 คน พร้อยมยกระดับคุณภาพและคุณภาพในการมีปฏิสัมพันธ์แต่ละครั้งกับนักศึกษา ตลอดเส้นทางของประสบการณ์การให้บริการ และลดต้นทุนในการเพิ่มจำนวนนักศึกษาแต่ละคนของเราอีกด้วย”
อาร์วินด์ มาดากัน (Arvind Madakan) ผู้จัดการโครงการ Wellness Extract กล่าวว่า “ที่ Wellness Extract เรารู้สึกตื่นเต้นกับความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่ Agentforce จะนำมาสู่ธุรกิจของเรา ในขณะที่เรายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง การขยายความสามารถในการให้บริการสนับสนุนลูกค้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และ Agentforce มีศักยภาพในการทำงานแบบอัตโนมัติเพื่อช่วยตอบคำถามในทุก ๆ ช่องทางการติดต่อของเรา ในขณะเดียวกันก็ยังคงมอบประสบการณ์ที่ดีและปรับให้เหมาะกับลูกค้าของเราแต่ละบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย Data Cloud ของ Salesforce เราจะได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ดียิ่งขึ้นเกี่ยวกับลูกค้า ช่วยเพิ่มอัตราแนวโน้มโอกาสทางการขายบนเว็บไซต์ สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับลูกค้า และลดต้นทุนของเรา นี่เป็นโอกาสที่ไม่เพียงแต่จะช่วยปรับปรุงการดำเนินธุรกิจของเราแต่ยังจะช่วยยกระดับแบรนด์และปูทางสู่การสร้างนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ในด้านการให้บริการสุขภาพและการสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีให้กับลูกค้าของเรา”
การวางจำหน่ายและเปิดใช้งาน:
· Agentforce 2.0 จะเปิดให้ใช้งานแบบสาธารณะ (Generally Available หรือ GA) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยฟีเจอร์บางอย่างจะเริ่มเปิดตัวตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
· ทักษะสำหรับ Sales Development และ Sales Coaching ได้เปิดให้ใช้งานแบบ GA แล้วในวันนี้ โดยราคาสำหรับการใช้งานทักษะความสามารถของ Agent เหล่านี้เริ่มต้นที่ 2 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อการสนทนา
· Tableau Semantic Layer พร้อมเปิดให้ใช้งานในแบบ GA แล้วในวันนี้ ขณะที่ทักษะสำหรับ Tableau ได้เปิดให้ใช้งานในวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา
· Agentforce ใน Slack และ Slack Action ใน Agent Builder รวมถึง Slack Enterprise Search จะเปิดให้ใช้งานแบบ GA ในเดือนมกราคม 2025
· ความสามารถในการสร้าง Agent ด้วยภาษาธรรมชาติใน Agent Builder จะเปิดให้ใช้งานแบบ GA ในเดือนมกราคม 2025
· MuleSoft for Flow รวมถึง MuleSoft API Catalog และ Topic Center จะเปิดให้ใช้งานแบบ GA ได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025
· ความสามารถด้านการวิเคราะห์ขั้นสูงและ RAG (Retrieval Augmented Generation) จะเปิดให้ใช้งานแบบ GA ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025
เรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Agentforce 2:0
· เริ่มต้นใช้งานด้วย Salesforce Foundations ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
· เข้าร่วมงาน TrailblazerDX ที่เมืองซานฟรานซิสโก ในวันที่ 5-6 มีนาคม 2025
· เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ Agentforce
· ค้นพบว่าทำไม Agentforce จึงเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของลูกค้า
· ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Agentforce ใน Slack
· เรียนรู้เรื่องราวของลูกค้าเกี่ยวกับ Agentforce และ Data Cloud
· ประเมินผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ด้วย Agentforce ในองค์กรของคุณ
· ดู ข้อมูลสถิติใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับ AI Agent สำหรับปี 2025
· เข้าร่วมชุมชนผู้ใช้งานและผู้เชี่ยวชาญ Agentblazer และ Datablazer ที่พัฒนาขึ้นใหม่
· รับชมวิดีโอนำเสนอความสำเร็จของลูกค้า Agentforce
· ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวความสำเร็จของลูกค้า Adecco Group และ Vivint
โปรดทราบว่าบริการหรือฟีเจอร์ที่ยังไม่ได้เปิดให้บริการ ซึ่งได้อ้างอิงหรือกล่าวถึง ณ ที่นี่ นั้นยังไม่พร้อมให้บริการ และอาจไม่สามารถเปิดตัวเพื่อส่งมอบได้ตามกำหนดเวลา หรืออาจไม่มีการเปิดตัวให้ใช้งานเลย ลูกค้าควรตัดสินใจซื้อโดยพิจารณาจากฟีเจอร์ที่ได้เปิดให้บริการแล้วในปัจจุบันเท่านั้น