สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซน ถ้าพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้าในยุค 2021 ระบบคอมพิวเตอร์จะเข้ามามีส่วนในการควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ แต่อันที่จริงรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ก็มีการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำงานให้ราบลื่น แต่มันยังไม่ได้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ต่างคนต่างพัฒนา หลังจากที่มีมาตรฐาน On-board diagnostics (OBD) การใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาตรวจสอบการทำงานของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ก็เช่วยเพิ่มความสะดวกมากขึ้นในการวิเคราะห์ หาสาเหตุปัญหาของรถยนต์ที่เกิดขึ้นได้อย่างตรงจุด เหมือนเมนบอร์ดคอมพิวเตอร์ ที่มี DeBug Code ที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าอุปกรณ์ตัวไหน ทำให้เกิดปัญหาคอมพิวเตอร์ไม่ขึ้นภาพนั้นเอง ซึ่งในช่วงของโควิด หลายๆคนก็ไม่อยากออกไปเสี่ยงนอกบ้าน บางอย่างมันสามารถสั่งอะไหล่ทางออนไลน์ แล้วก็เปลี่ยนได้ง่ายๆ ไม่ต่างจาการเปลี่ยน SSD RAM VGA CPU ของคอมพิวเตอร์กันเลย
รถตัวอย่างที่วางแผงปี 2006 ถ้าจำไม่ผิด ยุคนั้นผมยังใช้ NOKIA Symbian OS กันอยู่เลยครับ แต่ยุคที่มันเริ่มพัฒนาคือปลาย 90 ที่มาตรฐาน On-board diagnostics (OBD) นั้นมีการพัฒนามาพอสมควรแล้ว เป็นมาตรฐานไปในแนวทางเดียวกัน
ไฟแสดงปัญหาของรถยนต์ที่จะมีระบบคอมพิวเตอร์หรือซีพียูเข้ามาควบคุมและประมวลผลอย่างชัดเจนคือ ไฟ Engine (รูปเครื่อง) และ ABS (ระบบป้องกันล้อล็อก) ซึ่งเมื่อปิดกุญแจไปที่ On หรือ กด Push Start สองที โดยไม่ต้องเหยีบเบรค ไฟแสดงสถานะต่างๆต้องติดสว่างครบ ถ้าเจอช่างแก้ปัญหาแบบลักไก่ คือการถอดหลอดไฟ หรือ แกะหน้าปัดมาติดเทปดำบังไว้ เพื่อไม่ให้ไฟมันโชว์ให้รำคาญสายตา ถ้ารถที่ผ่านการแก้ปัญหาแบบลักไก่ เราจะไม่เห็นไฟมันแสดงขึ้นมาก่อนเครื่องติด เอาไว้เป็นแนวทางดูรถมือสองได้
นี่คือเหตุการณ์จริง ไม่มีตัวแสดงแทน ขณะที่จะออกไปซื้อข้าวสาร อาหารแห้ง และ อาหารสด ที่ซุปเปอร์มาเก็ตในช่วง Work Form Home พอสตาร์ทเครื่องรถไฟ Engine (รูปเครื่อง) ก็ติดโชว์ขึ้นมาให้แก้กรรม รถเกิดอาการสั่น เครื่องเดินไม่เรียบ ฝืนขับไปไม่ดีแน่นอน เพราะระบบควบคุมจะสั่งจ่ายน้ำมันมาให้หนากว่าปกติเอาไว้ก่อน เพื่อป้องกันความเสียหายและการดับของเครื่องยนต์
หน้าตาของพอร์ต OBD II จะอยู่บริเวณใต้คนโซลรถ จะเป็นฝั่งไหนตำแหน่งไหน ขึ้นกับรุ่นของรถยนต์ด้วย ที่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ หรือ อุปกรณ์เพื่อตรวจสอบปัญหา และ ความเสียหายส่วนควบของการทำงานรถยนต์
หน้าตาของ OBD II แบบ Bluetooth ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้าไป โดยจะต้องอ่านค่าการทำงานผ่านแอปที่ติดตั้งเข้าใปอีกทีนึง โดยราคาของ OBD II แบบ Bluetooth หลักร้อยบาท เดี๋ยวนี้ไม่แพงมาก ลองหาดูตามเว็บขายของออนไลน์ดูได้
อินเตอร์เฟสการเชื่อมต่อ OBD II ที่หน้าตาเดียวกัน แต่มีโปรโตคอลการสื่อสารที่แตกต่างกันออกไป แต่อุปกรณ์การอ่านค่า ส่วนมากมันจะรองรับโปรโตคอลการสื่อสารได้หลากหลาย
ติดตั้ง OBD II แบบ Bluetooth เข้ากับพอร์ตรับ OBD II ของตัวรถ ที่จะมีไฟติดสว่างขึ้นมา คำเตือนอุปกรณ์พวกนี้มีการใช้พลังงานตลอดเวลาแม้ไม่ได้สตาร์ทเครื่องรถยนต์ ถ้ารถแบตอ่อน แบตเสื่อม แล้วไม่ได้ใช้รถทุกวัน อาจทำให้รถแบตหมดได้
มาถึงขั้นตอนการเตรียมแอปบนสมาร์ทโฟน OBD II แบบ Bluetooth จะใช้งานได้ไม่มีปัญหากับฝั่ง Android ถ้าเป็น iOS มันต้องทำการเจลเบรค (ถ้าไม่เจลเบรค ต้องซื้อ OBD II แบบ Wi-Fi ที่มีราคาสูงและความยุ่งยากในการเชื่อมต่อสูงกว่า) ซึ่งแอปก็มีมากมาย แต่ที่ผมใช้เป็นแบบเสียเงินกับ Torque Pro ซื้อครั้งเดียวใช้ได้ยาวๆกับรถทุกคัน คุ้มครับราคานี้ (ผมซื้อเอาไว้ใช้หลายปีแล้ว)
ทำการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับ OBD II ผ่านทาง Bluetooth
เมื่อเปิดแอปเข้ามา ก็ลองดูว่าตัวแอปสามารถดึงค่าการทำงานที่อ่านได้จาก OBD II แบบ Bluetooth หรือไม่
เข้าไปที่หัวข้อเกี่ยวกับการอ่านความผิดพลาดของระบบ ซึ่งในการอ่านค่านั้นจะแสดงออกมาเป็น Code ที่สามารถใช้ Code นี้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ ว่าปัญหามันเกิดมาจากชิ้นส่วนไหน ซึ่งตัวอย่างของผมก็จะมี Air flow sensor และ คอล์ยจุดระเบิดผิดพลาด ระหว่างลูกสูบที่ 1-2
มาถึง Air flow sensor ที่เป็นตัววัดปริมาณอากาศที่เข้าห้องเผาไหม้ หาซื้อของมือสองได้ในราคาหลักร้อย ของใหม่หลักพัน แต่ตัวนี้ผมไม่ได้ซื้อ ไปถอดจากซากเครื่องที่กองๆไว้อยู่หน้าบ้าน จัดการเปลี่ยนให้เรียบร้อย ใช้ไขควงสี่แฉกตัวเดียว
คอล์ยจุดระเบิด ดูจากสภาพคงจะเจอกับความร้อนสะสม แล้วที่สำคัญมันคือของปลอมที่เพื่อนหามาให้ตอนรถเสียที่ต่างจังหวัด ใส่ไว้ขับกลับบ้านได้ ประแจเบอร์ 10 ตัวเดียว ก็ถอดออกได้ง่ายๆ
จัดการสั่งของแท้มาเปลี่ยนใหม่ให้จบๆ ซึ่งปัญหาของรถที่เกิดขึ้น บางทีอาจไม่ได้เกิดจากอุปกรณ์ซะทีเดียว หนูนี่ก็ตัวทีเด็ดสามารถสร้างปัญหาได้ครับ โดยระบบมันก็จะแจ้งว่าเป็นที่ส่วนไหน ต้องลองไล่เช็คดู ในภาพจะเห็นร่องรอยที่หนูมันเคยมาเที่ยว และ กัดเทปพันสายไฟในห้องเครื่องยนต์เหมือนกัน
หลังจากสตาร์ทเครื่องรถเสร็จ ไฟสถานะความปิดปกติของเครื่องยนต์ก็ยังคงโชว์อยู่ หยิบสมาร์ทโฟนให้ทำการเปิดแอป เข้าไปที่หัวข้อเกี่ยวกับการอ่านความผิดพลาดของระบบ แล้วจัดการล้าง Code ความผิดพลาดทิ้งไป ไปซ่อมที่ไหนก็ต้องใช้การล้าง Code แบบนี้ครับ
หลังจากที่ล้าง Code ความผิดพลาดในระบบออกไป ไฟรูปเครื่องที่โชว์มา ก็จะหายไปเรียบร้อย ก็ติดเครื่องยนต์ สังเกตุอาการของรถ ลองขับดูรอบๆหมู่บ้านซักรอบว่ามีความผิดปกติ หรือ ไฟยังเด้งกลับมาโชว์อีกไหม
นอกจากการใช้สมาร์ทโฟนเข้ามาตรวบสอบปัญหาของรถ ก็ยังสามารถใช้สมาร์ทโฟนอ่านค่าการทำงานต่างๆ ที่เหนือกว่าหน้าปัดจะแสดงผลได้ เช่นความร้อนหม้อน้ำ ที่เดี๋ยวนี้มีแต่เตือนไฟแดงอย่างเดียว ใครใช้เครื่องเสียงรถที่เป็น Android ก็เอามาทำแบบนี้ได้เช่นกัน ส่วนในภาพเป็นช่วงที่ผมทำเครื่องมาใหม่ และ จูนน้ำมัน E85 เลยเอามาใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบค่าอัตราส่วนผสมน้ำมันและอากาศ ตามภาพ คือไอ้ค่า 9.77 นั้นแหละ ไปลงทุนซื้อ A/F Meter ก็เปลืองโดยใช่เหตุ
ระบบป้องกันล้อล็อกก็คืออีกระบบ ที่มีระบบประมวลผลเข้ามาอีกหนึ่งส่วน ซึ่งการทำงานของระบบ ABS ที่เรียกได้ว่ามันต้องประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ ที่ระบบคำนวนจังหวะในการจับ-ปล่อยเบรค เพื่อให้รถเบรคอยู่ โดยที่ล้อไม่เกิดอาการล็อกจนไถลไม่สามารถควบคุมรถได้ ซึ่งการใช้สมาร์ทโฟนอ่าน Code ผ่าน OBD II แบบ Bluetooth ถึงซ่อมเองไม่ได้ รู้ไว้ไม่เสียหายจะได้ไม่โดนฟันให้เจ็บใจ
พวกรถข้ามสายพันธุ์ ไฟโชว์รูปเครื่องไม่ใช่เรื่องแปลก ถอดหลอดออกครับ คงเอาวิธีการนี้มาเช็คไม่ได้ เอาเป็นว่าเราไม่ใช่เว็บรถซิ่ง ไม่ขอลงรายละเอียดก็แล้วกัน
ถึงแม้จะเป็นรถในยุค 90 ที่เริ่มมีการพัฒนา On-board diagnostics (OBD) กันแล้ว แต่สมัยก่อนโปรโตคอลยังมีการพัฒนาไปคนละทาง ต้องใช้เครื่องมือโดยเฉพาะทางในการตรวจสอบปัญหารถ เอาเข้าจริงรถยุค 90 มันพัฒนาพื้นฐานในยุค 80 ถึงอาจมีระบบหัวฉีด บางรุ่นก็เป็นหัวฉีดแบบกลไก หรือ กล่องควบคุมสำหรับหัวฉีดน้ำมันแบบกาฝาก ยังไม่ได้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์มาประมวลผลรวบรวมข้อมูลแบบยุค ODB II เอาเป็นว่าไปสังเกตุหาพอร์ต OBD II ในรถที่ใช้กันก่อนก็แล้วกัน
Conclusion
วันนี้เป็นอีกหนึ่งแนวทางการที่นำสมาร์ทโฟน มาใช้ประโยชน์ให้มากขึ้นไปอีกหนึ่งทาง ด้วยการซื้อ OBD II แบบ Bluetooth ก็เข้ามาช่วยตรวจสอบปัญหาในจุดต่างๆ ที่มันจะแสดงโชว์จากไฟแจ้งเตือนที่หน้าปัด ซึ่งใครที่พอมีความรู้ หรือ กล้าทำเอง ก็สามารถซ่อมรถหรือแก้ไขปัญหาได้ ไม่ต้องออกไปมีโอกาสเสี่ยงพบเจอผู้คนอื่นในช่วงโควิดระบาด อยู่กันบ้านให้มากที่สุด หรือ ใครทำเองไม่เป็น ก็ยังพอรู้ว่าอะไรเสียอะไรมีปัญหา ไปให้อู่ซ่อมจะได้เปลี่ยนอะไหล่ให้ตรงจุด สำหรับวันนี้ก็ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ