กราบสวัสดีงามจากกระผม นายทองดีอีกครั้ง ในยามที่อากาศร้อนระอุหลังแผ่นดินไหว หวังว่าจะปลอดภัยกันดีทุกคนนะครับ ในวันนี้เอาของดีมาฝากกันอีกแล้วครับ SONOS ARC Ultra ซาวด์บาร์ Dolby Atmos ที่มีเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำที่ถูกปรับปรุงมาจาก SONOS ARC ในรุ่นก่อนหน้านี้
มาในกล่องยาวที่อลังการ แค่เห็นกล่องก็รู้แล้วว่าต้องไม่ธรรมดา
แกะกล่องออกมาแล้ว ต้องถือว่าเป็น ซาวด์บาร์ ที่ยาวมาก มีขนาด สูง 75 mm ความยาว1,178 mm และกว้าง110.6 mm น้ำหนัก 5.9 กก. หนักเอาเรื่องเลย แนะนำว่า น่าจะใช้กับ TV ขนาดตั้งแต่ 65 นิ้วขึ้นไป ถึงจะดูสมศักดิ์ศรีหน่อย (ในคู่มือแนะนำ 50 นิ้วขึ้นไป) มีรูปทรงโค้งมนที่ดูสบายตา ซึ่งช่วยให้มันดูไม่เกะกะเมื่อวางบนทีวีหรือโต๊ะกลาง ตัวเครื่องทำจากวัสดุพลาสติกที่มีคุณภาพสูง มีการเคลือบผิวให้ดูเรียบหรู ไม่สะท้อนแสงมากเกินไป
SONOS ARC Ultra มีขนาดค่อนข้างใหญ่ การออกแบบดูเรียบหรู จะมีสี 2 สี ขาว และ ดำ ให้เลือก
ตำแหน่งของลำโพงด้านข้างทั้งสอง ช่วยในการกระจายเสียงในระบบ Dolby Atmos
แถบเพิ่มเสียงและลดเสียง วางตำแหน่งไว้ที่ด้านบนของตัว Soundbar
ปุ่มควบคุมการเล่น ก็ถูกวางไว้ที่ด้านบนเช่นกัน
ด้านหลัง จะเป็นตำแหน่งจุดต่อสายแลน ปุ่มปิดเปิดไมค์ และ Bloetooth
ช่องต่อ HDMI Arc หรือ eArc ถ้า TV มีแค่ HDMI
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตำแหน่งของ สาย AC
ภาพส่วนประกอบต่างๆจากทาง Sonos ซึ่งดูซับซ้อนพอตัวเลย ภายในประกอบไปด้วย แอมพลิฟายเออร์ Class D 15 channel ที่ขับเคลื่อนไดรเวอร์ 14 ตัว มีทวีตเตอร์ 7 ตัว วูฟเฟอร์เสียงกลาง 6 ตัว และวูฟเฟอร์ 'Sound Motion' ใช้มอเตอร์ขนาดเล็กน้ำหนักเบาสี่ตัวในมุมตรงข้ามกัน มอเตอร์เหล่านี้จะผลักดันกรวยลำโพงให้มวลอากาศ เพื่อให้สร้างเสียงเบสได้มากขึ้น
ด้วยตัวของ SONOS ARC Ultra มีขนาดค่อนข้างใหญ่ หลังจากหาตำแหน่งวางที่เหมาะสมแล้ว การต่อสายมีแค่เพียงสองเส้นคือสายไฟ AC และสาย HDMI eARC ซึ่งสาย eARC ปัจจุบันทีวีรุ่นใหม่ๆก็มีมาให้อยู่แล้ว แต่ถ้าบังเอิญทีวีคุณเป็นรุ่นคุณปู่ แล้วไม่มีช่องต่ออันนี้แต่ก็ยังอยากจะใช้ซาวด์บาร์ตัวนี้อยู่ ก็ต้องซื้อ adapter แปลง Optic to e-arc converter แต่จะมีข้อจำกัดคือระบบเสียงจะไม่เป็น Dolby Atmos ซึ่งตามความเห็นของกระผมลงทุนซื้อซาวด์บาร์ระดับนี้เปลี่ยนทีวีเถอะครับถ้าไม่ได้ใช้ระบบ Dolby Atmos เสียของเปล่าๆ การควบคุมการทำงานของซาวด์บาร์ตัวนี้ ทำผ่านแอพ Sonos ซึ่งมีรองรับทั้ง iOS และ Android
หลังจากลงแอพ Sonos แล้วเชื่อมต่อกันแล้ว ก็จะเจอหน้าจออันนี้
บริการต่างๆในแอพ ก็จะมีประมาณนี้
การปรับแต่งเสียงก็จะมีมาให้ สำหรับ ทุ้ม แหลม และ Loundness
ก่อนการใช้งานเราก็ต้องมาปรับแต่งเสียง เพื่อให้เข้ากันกับห้องที่เราวางเจ้า SONOS ARC Ultra โดยแอพจะทำการปรับแต่งให้โดยอัตโนมัติ เรียกว่า สะดวกมากมายครับ
เพื่อนๆที่ใช้งานระบบเสียงในการชมภาพยนตร์ น่าจะเจอปัญหาที่ เวลาเสียงพูดจะค่อนข้างเบา แต่เวลาเสียงเอฟเฟค จะดังสนั่น ทำให้เวลานั่งดูหนัง จะต้องถือรีโมทไว้เพื่อปรับเสียงอยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับเจ้า SONOS ARC Ultra นี้ จะมีฟังชั่น Speech Enhancement ให้เลือก เพื่อยกระดับเสียงพูดในหนังให้มีดังชัดขึ้น โดยมีให้เลือกถึง 3 ระดับ ปรับได้ตามความต้องการเลย แต่กระผมว่า ปรับไว้ตรง Medium กำลังดีครับ
หลังจากที่ให้ทางแอพพลิเคชั่นมันปรับจูนลำโพงเป็นที่เรียบร้อยแล้วเราก็มาเริ่มทดสอบการฟังกัน เราก็เปิดดูหนังใน Netflix หรือทาง Disney+ ผมทดสอบเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง Avatar ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ได้ให้ระดับความดังได้ค่อนข้างที่จะดังมากเลยทีเดียวเสียงรายละเอียดค่อนข้างชัดเจนแต่ก็ต้องยอมรับว่าเสียงเบสที่เราทดสอบในแบบไม่มีซับวูฟเฟอร์ความมันส์มันก็เลยจะลดลงเล็กน้อยแต่เฉพาะตัวมันเองที่ไม่มีซับวูฟเฟอร์ ก็ถือว่าให้เสียงได้เร้าใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่อย่างว่าแหละครับถ้าต้องการความสะใจแนะนำให้เพิ่มซัพครับ
บทสรุป Sonos Arc Ultra ให้เสียงที่สมจริง ชัดเจน ให้รายละเอียดและมิติเสียงได้ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ฟังชั่น Speech Enhancement ช่วยทำให้ช่วงสนทนาในภาพยนตร์ เสียงชัดเจนขึ้น ไม่ต้องคอยปรับเสียงในช่วงที่เอฟเฟคที่มีระดับเสียงที่ค่อนข้างดัง เสียงทุ้มแม้ว่าจะไม่สะใจเท่ากับการที่มีซับวูฟเฟอร์ในระบบ แต่ก็ถือว่ามีให้ไม่ขาดแคลน แนะนำว่า ใครที่กำลังมองหา Soundbar ระดับไฮเอนด์มาใช้งาน ไม่ควรที่จะพลาดไปทดลองฟังกันดู สำหรับวันนี้ กระผมนายทองดีคงต้องสมควรแก่เวลาต้องขอลาไปก่อน โอกาสหน้า จะหาอะไรที่เด็ดๆมาฝากกันใหม่ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ
ขอขอบคุณ TC Acoustic (Thailand) ที่ได้ส่ง Sonos Arc Ultra มาให้ลองฟัง
รายละเอียดเพิ่มเติม https://sonosthailand.com/