เมื่อโซนี่บุกตลาดคอมพิวเตอร์และแล็ปท็อปอีกรอบนึง, จึงถือกำเนิดคอมพิวเตอร์ชั้นดีที่หลายคนมองข้าม.
โซนี่, บริษัทญี่ปุ่นที่ทำทุกอย่างมานานหลายปี ตั้งแต่วิทยุที่คุณปู่ชอบฟัง, จนกระทั่งหนังในโรงที่เราชอบไปดู, โซนี่คือบริษัทใหญ่ ที่มีฝีมือในการทำสินค้าแนวเครื่องใช้ไฟฟ้าและความบันเทิงมาแถบไม่ถ้วน.
ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 หลังจากการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2, มาซารุ อิบุกะ เปิดร้านซ่อมวิทยุในตึกของห้างสรรพสินค้า "ชิโรคิย่า" ที่โดนระเบิด, ปีต่อมาอิบุกะได้เพื่อนร่วมงานที่เคยทำงานค้นคว้าด้วยกันช่วงสงคราม อากิโอะ โมริตะ และร่วมกันเปิดบริษัท Tokyo Tsushin Kogyo K.K. (Tokyo Telecommunications Engineering Corporation) ผลิต Tape Recorder เครื่องแรกของญี่ปุ่น ในนาม "Type-G"
ในช่วงต้นยุค 50's อิบุกะได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวที่อเมริกา เพื่อสรรหาไอเดียและตลาดเพื่อวางขายสินค้าของตน, อิบุกะได้เห็นตัวทรานซิสเตอร์ที่ผลิตขึ้นโดย Bell Lab's ของ Alexander Graham Bell, อิบุกะจึงเลยขอ Bell ขอใช้ทรานซิสเตอร์กับสินค้าของบริษัท, Bell ยินยอมและแนะนำให้ทำเครื่องช่วยฟังด้วยระบบทรานซิสเตอร์ด้วย.
ในเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 1955, TTK ได้ส่งวิทยุทรานซิสเตอร์รุ่นแรกที่ผลิตขายในญี่ปุ่น, Sony TR-55 และรุ่น TR-72 ที่โด่งดังจนขายดิบขายดีออกนอกประเทศ จนทำให้โซนี่กลายเป็นผู้ผลิตวิทยุทรานซิสเตอร์ที่ร้อนแรงมากในขนาดนั้น วัยรุ่นในยุคนั้นต้องซื้อมาฟังจนยอดขายพุ่งแรงแซงหลากยี่ห้อ จาก 100,000 เครื่องสู่ 5,000,000 เครื่องในปลายปี ค.ศ. 1968, ในปี ค.ศ. 1958 TTK เปลี่ยนชื่อเป็น SONY เพื่อให้ผู้บริโภคนอกประเทศญี่ปุ่นสามารถเรียกชื่อได้ง่ายมากขึ้น, ในปี ค.ศ. โซนี่ได้ส่ง Sony TV8-301 โทรทัศน์ระบบทรานซิสเตอร์รุ่นพกพาวางขายในตลาด และในปี ค.ศ. 1968 โซนี่ได้กำเนิดโทรทัศน์สีที่สร้างตำนานให้กับโซนี่ Trinitron ที่เป็นจุดแข็งของโซนี่ในด้านโทรทัศน์ยาวนานจนถึงปี ค.ศ. 2006.
จนมาถึงปลายยุค 70's ที่เสียงเพลงดิสโก้ที่กำลังบรรเลง, คอมพิวเตอร์เริ่มเข้ามาในชีวิตผู้คน, และโซนี่ที่ส่ง Walkman เครื่องเล่นเทป Cassette พกพามาเขย่าตลาดให้สั่นสะเทือนนั้น, กำลังเข้าสู่ตลาดคอมพิวเตอร์อย่างเต็มตัวในช่วงยุค 80's, โดยคอมพิวเตอร์ในช่วงแรกของยุคนั้น, เป็นคอมพิวเตอร์เสียบจอโทรทัศน์ ที่ใช้งานได้ง่ายไม่ยุ่ง แต่มีโปรแกรมน้อย ซึ่งรายใหญ่ที่ผลิตนั้นมี อาตาริ, คอมแมนดอร์ 64 และ ซินแคลร์.
และยุคหลังๆ นั้นคอมพิวเตอร์เริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น, และยี่ห้อใหญ่ๆ ที่ชำนาญก็เริ่มส่งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่มาพร้อมจอและโปรแกรมที่หลากหลาย, ออกวางขายให้ทุกคนได้ใช้, ในขนาดเดียวกันที่ตลาดคอมพิวเตอร์ของญี่ปุ่นนั้น, หลากหลายแบรนด์ก็ส่งคอมพิวเตอร์ออกมาขายให้ชาวญี่ปุ่นเหมือนกัน, โดยมีเจ้าใหญ่อย่าง NEC ที่ประเดิมวางขายเป็นเจ้าแรกปลายยุค 70's และวางขายรุ่นต่อมาในยุค 80's และมีศัตรูอย่าง ชาร์ป, ฮิตาซิ และ ฟูจิซุ ที่ไล่ตามมาติดๆ.
โซนี่ที่กำลังส่งเครื่องเสียงและทีวีออกขายได้ยินว่าสงครามคอมพิวเตอร์กำลังประทุในญี่ปุ่นอย่างมาก, จึงเลยส่งคอมพิวเตอร์ MSX มาร่วมตลาดด้วยนาม Sony HItBit HB-75B, คอมพิวเตอร์แบบ MSX 1 ที่มาพร้อมโปรแกรมติดตั้งในเครื่องพร้อมและออกแบบได้ถูกใจผู้ใน Europe และในประเทศญี่ปุ่น, และนำไอดอลนักร้องขวัญใจชาวญี่ปุ่นในยุคนั้น Seiko Matsuda มาโฆษณาด้วย, แต่ไม่ทันใดนั้นเอง, โซนี่ก็ยกเลิกการผลิตคอมพิวเตอร์ เหตุผลเพราะด้วยความสนใจของผู้บริโภคที่น้อยมากๆ.
หลังจากที่ตัดใจทำคอมพิวเตอร์ขาย, ในปี ค.ศ. 1992 นั้น, โซนี่ได้คิดค้น MiniDisc แผ่นบันทึกข้อมูลขนาดเล็กที่สามารถบรรจุเพลงได้นานถึง 60, 74 และ 80 นาที, ซึ่งทำให้โซนี่กลับมาครองตลาดเครื่องเล่นเพลงอีกครั้งและมีศัตรูอย่างแผ่นซีดีติดตามมากัดด้วย, โดยตอนเปิดตัว MiniDisc ในญี่ปุ่นนั้นโดงดังมาก และลามมาถึงอเมริกาโดยการแจ้งเกิดของ Mariah Carey นักร้อง Diva ชื่อดัง และ MiniDisc ตัวแรกของอเมริกาคือ MTV Unplugged.
จนมาถึงกลางยุค 90's ที่โซนี่กำลังพัฒนาสินค้าของตนให้ไกลไปมากขึ้น, และเริ่มมีกำลังใจในการคอมพิวเตอร์มากขึ้น, จึงเลยเปิดบริษัท VAIO เพื่อผลิตคอมพิวเตอร์และแล็ปท็อปวางขายในตลาด, และพยายามใส่การใช้งานแปลกๆ แต่สามารถใช้งานได้จริง และมีประโยชน์เช่น การเสริมตัวอ่าน Memory Stick เพี่อจัดการภาพและวิดิโอที่ถ่ายมาจากกล้องของโซนี่, Jog Dial ในแล็ปท็อปรุ่น VAIO Note XR ที่มีหน้าที่เหมือน Mouse, ระบบ i. LINK ที่สามารถต่อกับเครื่องแปลง Mini Disc/VHS เพื่อตัดต่อวิดิโอลง Mini Disc และเชื่อมต่อตัวแล็ปท็อปเพิ่อตัดต่อวิดิโอได้สดๆ, ตัว Cover แป้นพิมพ์ที่สามารถแปลงเป็นที่วางมือได้, โปรแกรม MD Editor เพิ่มและเปลี่ยนลำดับเพลง Mini Disc โดยเฉพาะของโซนี่ และแป้นแป้นพิมพ์ไร้สาย.
ด้วยสีม่วงอ่อนที่ดูเด่น และการใช้งานที่โดนใจผู้ใช้โดยเฉพาะ, VAIO คือหนึ่งใน Line สินค้าชั้นนำของ Sony ที่ขายดิบขายดีจนผู้บริโภคทั่วโลกต้องยกนิ้วให้, แต่แล้วความรู้สึกที่มีความสุขของโซนี่ก็จางหายไป, พร้อมกับกาลเวลาที่เทคโนโลยีกำลังก้าวสู่ยุคใหม่อีกรอบ, ในช่วงต้นปี ค.ศ. 2014 โซนี่ขายธุรกิจของ VAIO ของตัวเองออก, เนื่องจากยอดขายที่ต่ำมาก, และทำให้ VAIO กลายเป็นบริษัทเดี่ยวที่มุ่งหน้าขาย Smartphone, Tablet และแล็ปท็อปในรูปโฉมใหม่.
ถึงแม้ว่าจะผ่านไปหลายปีตั้งแต่ VAIO กับโซนี่แยกกัน, หลายคนก็คิดถึงแล็ปท็อปสีม่วงอ่อนที่เคยใช้อยู่ตลอด, VAIO คือหมัดเด็ดอีก 1 หมัดที่โซนี่ฟาดลงตลาดมาเรียบร้อย, และตีตราความแตกต่างและเป็น 1 ลงบนประวัติศาสตร์ไปอีกนาน.
ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://en.wikipedia.org/wiki/Vaio?wprov=sfla1
https://en.wikipedia.org/wiki/Sony?wprov=sfla1
https://youtube.com/channel/UCn30Z3IT3XciZ96wp16XOrA
ช่องยูทูปที่รวมโฆษณาของโซนี่ในญี่ปุ่น ซึ่งมีครบทุกอย่างตั้งแต่ Walkman ยัน VAIO