ทาง Synology ได้ส่งตัว DS1621+ มาให้เราได้รีวิวกันในวันนี้
DS1621+ ตัวนี้เป็นตัว 6 BAY สูงสุด 96TB สามารถต่อ DX517 เพิ่มจำนวน Storage ได้อีก 2 เครื่อง 16 Bay ผ่าน eSATA รองรับความจุถึง256 TB
และรองรับการเพิ่มความเร็วเครือข่าย 10/25GbE โดย SFP+ หรือ RJ-45 ในอนาคตได้
Spec คร่าวๆของ DS1621+
CPU : AMD RyzenTM V1500B quad-core 2.2 GHz
Memory : 4 GB DDR4 ECC SODIMM สูงสุด 32GB
Lan : 4 x 1GbE RJ-45
อุปกรณ์ในกล่องที่มีมาให้นั้น ประกอบด้วย
Lan cable CAT5e x2
Keys x2
Power Cord x1
Installation guides x1
Screws Pack 28pcs x1
ตัวเครื่องจะเป็นสีดำทั้งหมด ดูบึกบึน สวยงามตามสไตล์ Synology
ด้านบนเครื่องจะเป็นไฟแสดงสถานะ
ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อ ทางด้านหน้า จะมี USB อยู่ทางขวาล่างซ่อนอยู่
ถาด Tray จะเป็นพลาสติกทั้งหมด การใช้งาน กดเข้าไปแล้วตัวจับจะเด้งออกมาให้เราสามารถดึงออกได้โดยง่าย
( ผมลองอุตริ ลองงัดออกมาโดยไม่กดก็สามารถทำได้ครับ แต่ตัวขาล๊อคจะใช้งานได้ไม่เหมือนเดิมแล้ว "ล๊อคไม่ค่อยอยู่" ฉนั้นอย่าลองอุตริแบบผมครับ )
สามารถนำกุญแจที่ให้มาขันล็อคได้
ในกรณีใส่ HDD 3.5 สามารถใส่ได้ทันทีจะมีตัวล็อคด้านข้างโดยไม่ต้องขันน๊อตแต่อย่างใด
ในกรณีใส่ 2.5 ก็จะมีช่องให้ใส่น๊อตตามรูปเลยครับ
เมื่อดึง ถาดออกมาทั้งหมดก็จะเห็น พัดลม 2 ตัว และ SATA PCB อย่างชัดเจน การยึดแผง SATA PCB กับคานดูมั่นคงและแข็งแรงดีครับ
ทางด้านซ้ายมือ เมื่อมองจากหน้าเครื่องจะเห็น ช่อง m.2 2280 NVMe อยู่ 2 ช่องตามรูปนี้ครับ
( การออกแบบทำได้ดี มีขาล็อค โดยไม่ต้องไปหาน๊อตมายึด อันนี้ขอชื่นชมครับ )
ด้านล่างของตัวเครื่อง ก็จะมีช่องสำหรับ เสียบ Console และ RAM สามารถเข้าถึงได้ง่าย
ในส่วนของ Console จะมียางปิดไว้ สามารถใช้นิ้วดึงออกได้สบายๆ
ในส่วนของ RAM ขันน๊อต 2 ตัว ก็สามารถเปิดออกได้ทันที
( อันนี้ถูกใจมากครับ เพราะ บางเครื่องนี่แทบจะต้องชำแหละเครื่องออกมาเพื่อที่จะใส่ RAM เพิ่มเลย )
ส่วน RAM ที่ให้มานั้น จะเป็น DDR4 2666 4GB ECC ตามรูปเลยครับ
ด้านข้างของตัวเครื่องก็มีตัวหนังสือ Synology และ เจาะรูสำหรับอากาศเข้า อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง พอใช้ไปสักพักขี้ฝุ่นก็จะมาเกาะตรงรูนี้ครับ
โดยเครื่องนี้ จะปิดรูอากาศไว้ 1 ฝั่ง คือ ฝั่งทางด้านขวา ถ้ามองจากทางหน้าเครื่อง
ด้านหลังของเครื่อง
USB 3.0 x2
RJ45 1G x4
eSATA x2
เปิดเครื่องมาดูด้านในกันบ้าง เริ่มจากทางด้านซ้ายของตัวเครื่อง ก็จะเห็น Expansion slot PCI Express สำหรับการ์ด SPF+ , RJ-45 สามารถอัพเกรดใส่เพิ่มได้ในอนาคต
ด้านขวาของตัวเครื่องจะเป็น PSU จากทาง DELTA 80Plus Bronze
(ความคิดเห็นส่วนตัว) ด้านหลังของ PSU นี้ผมมองว่าการระบายอากาศค่อนข้างคับแคบไปหน่อยครับ ประมาณนิ้วโป้งสอดเข้าไป ซึ่งผมมองว่าจะมีความร้อนสะสมตรงจุดนี้
จากการที่เปิดใช้งานจริงๆ ก็พบว่ามีความร้อนสะสมอยู่หน่อยๆ ความร้อนก็ประมาณเอามือไปจับหน้าผากของผู้ป่วยที่มีไข้ครับ
( สายโมฯอาจจะเจาะรูแผ่นโลหะข้างๆ เพื่อให้ระบายอากาศออกให้ง่ายขึ้่นก็ได้ครับ )
รูปด้านหลังเครื่องหลังจากเสียบสายไฟเข้าไปแล้ว หัวสายไฟเข้าไปอยู่ด้านใน ดูแล้วเรียบร้อยดีครับ
เริ่มเปิดเครื่องใช้งาน
เปิดเครื่องลองเล่นกันเลย เปิดเครื่องขึ้นก็ทำการ Setup ผ่าน http ในขั้นผมจะให้ลง DSM Version ล่าสุดด้วย
ในส่วน QuickConnect สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยใช้บริการของ Synology ก็ไป Register ให้เรียบร้อยก่อนครับ
หลังจากนั้น Login และมาตั้งค่าของ QuickConnect ได้เลย QuickConnect มีไว้ให้เราสามารถConnectจากภายนอกหรือภายในได้โดยง่ายเพียงจำแค่ชื่อที่เราตั้งเท่านั้น
เข้ามาก็จะพบกับหน้าหลักตามนี้
มาดู Information ของตัวเครื่องกันคร่าวๆครับ
Version ล่าสุดที่ติดตั้งอัตโนมัติก็จะเป็น DSM 6.2.4-25556 ผมยังไม่ Manual update เป็น DSM 7 ครับ
อย่างแรกเลยเราต้อง Create Volume กันก่อนเลย วิธีการก็ตามนี้ สามารถปรับให้เหมาะสมกับท่านได้ตามสะดวก
( ผมอุตริลองเสียบ m.2 SATA WD green ไป ตัวเครื่องมองไม่เห็นนะครับ "ไม่มี NVMe ให้ลองเลย ขออภัยด้วยครับ" )
เท่านี้ NAS ของเราก็พร้อมใช้งานแล้ว
เราสามารถติดตั้งSoftware ที่เราต้องการใช้งานได้เลย
Synology Drive
หลักๆที่ออฟฟิศของเราใช้งานก็จะเป็นในส่วนของ Synology Drive Server สามารถกดติดตั้งบน Package Center ได้ทันที
Synology Drive ก็จะเป็นตัวหลักๆในการ Sync ข้อมูลบน Devices ของเราไม่ว่าจะเป็น PC , Smartphone ก็จะมารวบรวมอยุ่ในนี้ทำให้เวลาเราเรียกใช้งานจะสะดวกมาก
เช่น เราทำงานบน PC ของเราแล้วเราต้องการเรียกใช้ข้อมูลกรณีอยู่ข้างนอกบ้าน เราก็สามารถเข้าถึงข้อมูลของเราได้บน Smartphone ของเราทันที
การติดตั้ง Synology Drive client บน PC ของเราก็ทำได้โดยง่าย เพียง Download ผ่านเว็บไซต์ Synology และติดตั้ง
สามารถเลือกเป็น Sync หรือ Backup Task ได้ หลังจากนั้นก็มาเลือก Folders ที่เราต้องการ
หลังจาก Backup หรือ Sync แล้ว ข้อมูลของเราก็จะมาอยู่บน NAS ของเราทันทีตามรูปนี้
Docker
ต่อมาในส่วนที่ผมใช้บ่อยอีกตัวก็จะเป็น Docker เราสามารถติดตั้ง OS หรือ Software ที่ต้องการทดสอบได้ง่ายๆเพียงปลายนิ้ว
ตั้งค่า CPU , Ram ตามที่เราต้องการ
เพียงไม่กี่นาทีเราก็พร้อมใช้งานทันที
Virtual Machine Manager ตัวนี้ก็ตามชื่อเลยครับ จำลองเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเพื่อติดตั้ง OS , Software เพื่อใช้งาน
ในกรณีที่บ้านผมใช้หลักๆเลยจะเป็นการทดสอบ Software ต่างๆ
หรือถ้าท่าน ต้องการใช้งานจริงๆเปิด 24 ช.ม. เช่น pfSense, Home assistant , Openhab , Homebridge, hoobs ท่านก็สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องไปเสียเงินซื้อ Hardware เพิ่มแต่อย่างใด
ครั้งนี้ผมจะลองติดตั้ง Windows XP ให้เพื่อนได้ดูกัน
เสร็จเรียบร้อยแล้วสำหรับ Windows XP ของเรา สามารถใช้งานได้ทันที
เราสามารถบังคับเครื่องผ่าน Browser ของเราได้เลยตามรูป
Hyper Backup เป็นอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับ การ Backup ข้อมูลของเรา
ท่านใดที่ใช้บริการ Cloud อยู่แล้วสามารถ Backup ข้อมูลสำคัญของเราเข้า Cloud ได้ทันที
ตรงนี้ผมขอข้ามวิธีตั้งค่าไปนะครับ เพราะ แต่ละค่ายก็ตั้งค่าไม่เหมือนกัน
ก็ให้ดูโดยคร่าวๆละกันนะครับว่าสามารถใช้บริการของที่ใดได้บ้าง
หลังจากที่ Google Photo ไม่ฟรีแล้ว ผมก็มาใช้ NAS ในการเก็บรูปภาพไม่ว่าจะเป็น Synology Photos , Moment , Photo Station
ทั้ง 3 ก็มีข้อแตกต่างในการใช้งานเช่นกัน ในครั้งนี้จะทดลองในส่วนของ Synology Photos ครับ
ในการใช้งาน Synology Photos นั้นมีข้อดีในการจำแนก Filter ที่ดีมาก
เราสามารถหา รูปภาพที่เราต้องการโดยแบ่งเป็น ISO , F (Aperture) , Focal length , Model และยังมีอีกมากให้เลือกสำหรับ Filter
ซึ่งผมชอบมากๆเลย
เรามาทดลอง DSM7 กันบ้างว่ามีอะไรใหม่ๆ
เราสามารถ upgrade ได้โดยไป Donwload Firmware มาจากหน้าเว็บจากทาง Synology ได้เลย แล้วก็กดติดตั้งแบบ Manual upgrade ครับ
รอสักครู่ก็จะได้พบกับหน้าตาโฉมใหม่ตามนี้เลย
เรียกได้ว่าหน้าตาสวยงามทันสมัยขึ้นเลยจริงๆครับ
มี Active Insight ที่เราสามารถตรวจสอบสถานะของ NAS ทั้งหมดของเราผ่าน Cloud ได้โดยผ่านทาง Web portal ตรงนี้น่าจะถูกใจสำหรับ Admin หลายๆท่านเลยแหละครับ
มี ระบบ 2FA มาให้ใช้งานด้วยแล้วครับ
Benchmark
Himeno Benchmark 3.0
Score : 2476.88

CacheBench (READ)
Score : 1519.30

สรุป
Synology DS1621+ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บข้อมูลจำนวนมาก
เพราะ ตัวนี้ค่อนข้างยืดหยุ่น ถ้าคุณกำลังลังเลที่จะซื้อ NAS อยู่แล้วรู้สึกว่าไม่แน่ใจในอนาคตว่า จะเพียงพอสำหรับขอมูลที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากหรือไม่ ตัวนี้น่าจะตอบโจทย์คุณทันที เพราะ ในอนาคตคุณสามารถเพิ่ม DX517 เพื่อใส่ Storage ได้มากถึง 16 ลูก ความจุถึง 256 TB
- Network เนื่องจากมี RJ45 มาถึง 4 ช่อง คุณสามารถรัน Virtual machine สามารถทำเป็น Firewall , router os ต่างๆได้ ถ้าคุณต้องการ
Bandwidth ก็สามารถ Upgrade ไปได้ถึง 10GbE ทั้ง RJ45 , SFP+
- ความร้อน หายห่วงด้วยพัดลม 2 ตัวปรับรอบได้เมื่อมีความร้อนสูงขึ้น ส่วนความแรงสูงสุดของพัดลมนั้นบอกได้เลยว่าเป่าผมแห้งเลยครับ ความดังของพัดลมที่ความเร็วสูงสุด เสียงน้องๆเครื่อง server 1u เลยครับ
ส่วนการใช้งานปรกติตามบ้านที่ทดสอบ อุณหภูมิห้อง 25-35 c พัดลมเงียบกริบครับ