นอกจาก NAS แล้ว ทาง Synology เองก็มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เราเตอร์ไร้สาย ซึ่งขณะนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 รุ่น คือ เราเตอร์ RT2600ac และ MR2200ac โดยเราเตอร์ MR2200ac ที่เรากำลังจะพาคุณไปสัมผัสนั้นอยู่ในกลุ่ม Mesh Router แน่นอนว่า ในการทดสอบของเราครั้งนี้ เราได้ทดสอบเราเตอร์ตัวนี้ทั้งในรูปแบบปกติและแบบ Mesh System และเนื้อหาต่อจากนี้ก็จะช่วยให้คุณรู้ว่า เราเตอร์ MR2200ac เป็นอุปกรณ์เครือข่ายที่คุณควรนำไปพิจารณาหรือไม่
เราเตอร์ MR2200ac นับเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับผู้ใช้ดังต่อไปนี้
- ต้องการเครือข่ายไร้สายที่มีความปลอดภัยสูง
- ต้องการควบคุมระบบ Mesh Wi-Fi ผ่านการรีโมทจากภายนอกด้วยแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
- ต้องการระบบเครือข่ายไร้สายที่มีความเป็นส่วนตัว
- ต้องการใช้งานพอร์ต USB 3.0 ที่ขยายการทำงานได้ทั้งไฟล์เซิร์ฟเวอร์ คลาวด์เซิร์ฟเวอร์ 3G/4G Dongle แม้กระทั่งดาวน์โหลดสเตชั่น
- ต้องการจำกัดหรือควบคุมการใช้งานออนไลน์ของลูกๆ หลานๆ
- ต้องการใช้งานฟีเจอร์การเก็บข้อมูลบนเครือข่าย
ฮาร์ดแวร์และการออกแบบภายนอก
บรรจุภัณฑ์ของเราเตอร์ Synology MR2200ac ไม่ได้มีความดึงดูดผู้ใช้งานเลย มาแบบธรรมดาด้วยกล่องกระดาษสีน้ำตาลอ่อน ภายในมีเราเตอร์ อแดปเตอร์ สายเคเบิ้ล GbLAN คู่มือแนะนำการติดตั้ง ซึ่งใช้เวลาในการอ่านก่อนลงมือติดตั้งได้ในเวลาไม่กี่นาที
ตัวเครื่องของเราเตอร์ไม่ได้มีความสวยงามเหมือนกับ Mesh System ที่วางจำหน่ายในตลาด ด้านหน้าเป็นบอดี้สีดำเรียบๆ มีรอยบากช่องอยู่ส่วนล่าง ตำแหน่งไฟ LED มีอยู่ 3 ดวง โดยสองดวงแรกจะแจ้งสถานะของสัญญาณ Wi-Fi ส่วนด้านล่างจะแจ้งสถานะของเราเตอร์ เช่น ไฟสีน้ำเงินจะแจ้งว่าเราเตอร์กำลังอยู่ในขั้นตอนบูต ส่วนสีเหลืองคือ สถานะพร้อมทำงาน หากการทำงานของเราเตอร์ทำงานได้ดีหรือไม่เกิดปัญหาใดๆ ไฟ LED ควรจะติดทั้งหมด (สามารถเปิดเปิดได้ใน Synology Router Management และแอพฯ DS Router
ขณะที่สันด้านบน ด้านหลัง หรือใต้เครื่องมีช่องระบายความร้อนอยู่มากมาย ซึ่งมันถูกออกแบบมาให้ใช้งานแบบตั้งเท่านั้น ไม่สามารถติดตั้งบนผนังได้ องค์ประกอบอื่นๆ ในจุดนี้ได้แก่ ช่องต่อ USB 3.0 ปุ่ม WPS ปุ่ม Wi-Fi ช่องต่อ LAN, WAN ช่องเสียบอแดปเตอร์ ปุ่มเปิดเครื่อง และช่องรีเซ็ตอุปกรณ์
องค์ประกอบภายในของเราเตอร์ MR2200ac ถือว่าน่าสนใจทีเดียว ใช้ซีพียู Qualcomm Dakota IPQ4019 ซึ่งเป็นซีพียู Quad Core ความเร็ว 717MHz พร้อมแรม DDR3 256MB สำหรับคีย์ฟีเจอร์ด้านเครือข่ายจะให้การสนับสนุนมาตรฐาน 802.11ac แบบ Wav 2 และส่งสัญญาณไร้สายแบบ 2x2 MU-MIMO โดยกระจายสัญญาณวิทยุแบบ Tri-band ด้วยความเร็วในทางทฤษฎี 400Mbps สำหรับ 2.4GHz และ 867Mbps สำหรับความถี่ 5GHz ทั้งสองช่องสัญญาณ สำหรับใครอยากรู้ข้อมูลทางเทคนิคเป็นจัดเต็ม คลิกลิงก์นี้ได้เลย https://www.synology.com/th-th/products/MR2200ac#specs
การติดตั้งใช้งาน
คุณสามารถติดตั้งเราเตอร์ MR2200ac ได้ทั้งแบบดั้งเดิมด้วยการต่อสาย LAN เข้ากับเราเตอร์หรือติดตั้งผ่านเครือข่ายไร้สายบนโน้ตบุ๊ก รวมถึงแอพฯ DS Router ของ Synology ตามตัวอย่างในคู่มือ หลังจากนั้นเราเตอร์จะดำเนินการการเชื่อมต่อ WAN และการตั้งค่าอื่นๆ โดยอัตโนมัติ คุณเพียงแค่ตั้งชื่อผู้ดูแลระบบ รหัสผ่าน และชื่อ SSID ของเครือข่ายไร้สาย อย่างไรก็ดี ระยะเวลาทั้งหมดจนพร้อมใช้งานอยู่ราวๆ 3-5 นาที
สำหรับ SRM หรือ Synology Router Management นั้นไม่ใช่เฟิร์มแวร์แบบทั่วไป แต่เป็นระบบปฏิบัติการ Linux แบบ Custom อินเทอร์เฟซต่างๆ หรือแม้กระทั่งหน้าตาของมันนั้นถอดแบบมาจากระบบปฏิบัติการบน NAS กันเลย สิ่งที่น่าสนใจก็คือ มันสามารถปรับแต่งระดับความปลอดภัยได้ในขั้นสูง มีการแยกการรายงานข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ที่จำเป็น การบริหารจัดเครือข่าย นอกจากนั้นยังมีบริการเสริมที่ดาวน์โหลดมาติดตั้งได้อย่างเช่น เซิร์ฟเวอร์ VPN เซิร์ฟเวอร์ DNS เซิร์ฟเวอร์คลาวด์ ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ หรือฟีเจอร์ Safe Access ซึ่งช่วยในเรื่อง Parental Controls ที่ดูแลและปรับแต่งการทำงานแยกจากระบบปฏิบัติการ
เราค่อนช้างชื่นชอบเครื่องมือด้านความปลอดภัยที่ทาง Synology บรรจุมาให้ สามารถเปิดใช้งานได้โดยง่าย นอกจากนั้นยังมี Security Advisor ที่ช่วยให้คุณมองหาจุดอ่อนของการป้องกันเครือข่ายและเข้าไปแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันการควบคุมการใช้งานเน็ตเวิร์กสำหรับลูกๆ หลานๆ ก็ทำได้อย่างน่าพอใจ ทั้งกำหนดเวลาการเข้าอินเทอร์เน็ตอย่างละเอียด การคัดกรองเว็บไซต์ที่มี Rule สำเร็จรูปมาให้แล้ว ฯลฯ และในกรณีที่คุณใช้งานร่วมกับแอพฯ DS Router และเปิดใช้งาน DDNS ของทาง Synology เองเพื่อเข้าถึงเราเตอร์จากภายนอกเครือข่าย หากมีการละเมิดข้อกำหนดก็จะมีการแจ้งเตือนกลับมาที่แอพฯ ตรงนี้รวมถึงกรณีอื่นๆ ด้วย ยกตัวอย่างเช่น เราเตอร์ขาดการเชื่อมต่อ ฯลฯ
ประสิทธิภาพเครือข่ายไร้สาย
สำหรับการตั้งค่าการทดสอบ เริ่มแรกเราวางตำแหน่งของเราเตอร์ Synology MR2200ac เอาไว้ที่ชั้น 1 หรือห้อง Living Room ซึ่งออฟฟิศ OverclockZone เป็นอาคาร 3 ชั้น ขนาด 12x5 เมตร เราเตอร์ไร้สายหลายตัวๆ จะทำการทดสอบในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกันทั้งหมด (ไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีที่สุดในการใช้งานจริง) แต่สำหรับ Wi-Fi Mesh ตัวที่ 2 หรือในบทความนี้คือ Synology MR2200ac จะถูกวางเอาไว้บนชั้น 2 หน้าห้อง Working Room
ในการทดสอบแรก เราจะทดสอบการทำงานในลักษณะของเราเตอร์แบบเดี่ยวๆ ไม่เปิดใช้งาน Mesh Router อีก 1 ตัว โดยเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตความเร็ว 500/500Mbps และทำการทดสอบเทียบกับเราเตอร์ Archer A10 ที่เป็นเราเตอร์ไร้สาย AC2600
ความแรงสัญญาณเครือข่ายไร้สาย 2.4GHz ด้วยแอพฯ WiFiAnalyzer ของ VREM บนสมาร์ทโฟน Mi 8SE ซึ่งคุณสามารถตตรวจสอบระดับความแรงสัญญาณในกราฟด้านล่าง สังเกตดีๆ จะเห็นว่า สัญญาณของ Synology MR2200ac บริเวณชั้น 3 อยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างแย่ โทรศัพท์ iPhone ของเราเกาะสัญญาณไม่ติดเลย
จากนั้น ทดสอบด้วย Speed Test ผ่านสมาร์ทโฟน iPhone 8 Plus เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของเครือข่ายในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนเครือข่าย 2.4GHz จากตัวเลขที่ออกมา ถือว่า เราเตอร์ MR2200 นั้นทำได้ดีมากในบริเวณชั้น 1 แต่เมื่อเข้าสู่ชั้น 2 แล้ว ความเร็วอินเทอร์เน็ตก็ลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ดี เรายกเว้นการทดสอบในชั้น 3 เนื่องจากห่างจากตัวเราเตอร์ค่อนข้างมากและมีสิ่งกีดขวางทั้งกำแพงและเพดานหลายชั้น
ส่วนค่า Speed Test ในขาอัพโหลดก็มีแนวโน้มของความเร็วที่ลดลงเช่นเดียวกัน แต่สัดส่วนเปอร์เซ็นต์การลดทอนที่มากกว่า
ต่อมาเราทำการหาค่าแบนด์วิดธ์ในเครือข่ายไร้สายว่า สามารถให้ค่าแบนด์วิดธ์สูงสุดได้เท่าไหร่ในแต่ละตำแหน่งของออฟฟิศ โดยตั้งเซิร์ฟเวอร์ iPerf3 อยู่ด้านหลังเราเตอร์ MR2200ac ผ่านช่องต่อ GbLAN (Asus K45U) ขณะที่อุปกรณ์ไคลเอนต์ยังคงใช้สมาร์ทโฟน iPhone 8 Plus เช่นเดิม ผลที่ได้ถือว่าน่าพอใจ สำหรับย่านความถี่ 2.4GHz
ขั้นตอนต่อมา เป็นการวัดประสิทธิภาพของเครือข่ายไร้สาย 5GHz เริ่มจากระดับของความแรงสัญญาณกันก่อน ซึ่งสังเกตว่า ในห้องชั้น 1 ระดับความแรงวัดออกมาดีกว่า 2.4GHz ขณะที่บนห้องชั้น 2 ดูดรอปลงไปนิดนึง ส่วนชั้น 3 ทั้งหมดก็ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างจากความถี่ 2.4GHz
ความเร็วอินเทอร์เน็ตบนความถี่ 5GHz นี้ เราเตอร์ MR2200ac ทำค่าดาวน์โหลดได้ใกล้เคียงความเร็วของแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตของเราเลย ขณะที่ความเร็วบนชั้น 2 ก็ลดหลั่นลงไปตามสภาพ แต่ก็ดีขึ้นกว่าความถี่ 2.4GHz มาก
ส่วนค่าอัพโหลดก็ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตาเช่นกัน ซึ่งในห้องทำงานชั้น 2 ค่าอัพโหลดนั้นยังคงสูงกว่าค่าที่ดีที่สุดในขาดาวน์โหลดของย่าน 2.4GHz ในชั้น 1 นี่คือ พัฒนาการด้านความเร็วของเน็ตเวิร์ก AC-5GHz
กลับมาที่ค่าแบนด์วิดธ์ในเครือข่ายไร้สาย 5GHz ด้วย iPerf3 ค่าที่ได้ก็ถือว่า น่าพอใจสำหรับการสื่อสารร่วมกับ iPhone 8 Plus ตัวเลขอาจจะไม่สวยหรูเหมือนกับ Speed Test (อาจเกิดจากประสิทธิภาพของโน้ตบุ๊กที่ใช้ทดสอบ)
ประสิทธิภาพของ Mesh Wi-Fi
การทดสอบต่อมา เราทำการติดตั้งเราเตอร์ MR2200ac อีกหนึ่งตัวบนชั้น 2 การสร้างไม่ได้มีขั้นตอนอะไรยุ่งยาก เพียงแค่คุณเสียบปลั๊กอแดปเตอร์ให้กับเราเตอร์ตัวที่ 2 และอยู่ในสถานะพร้อมทำงาน (ไฟสีน้ำเงินกระพริบ) ดำเนินตามขั้นตอนใน SRM จากนั้นเราเตอร์ที่เป็น Primary จะค้นหา Wi-Fi Point ตัวที่ 2 จากนั้นกดยืนยัน ระบบจะดำเนินการโดยอัตโนมัติ ในขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 นาที คาดว่า นอกจากจะอัพเดตข้อมูลเครือข่ายแล้ว ยังทำการอัพเดตเฟิร์มแวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด (เราทำการอัพเดต Primary Router ก่อนหน้านี้มาก่อนแล้ว)
ใน Wi-Fi Connect ก็มีเครื่องมือตรวจสอบประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อระหว่างเราเตอร์ MR2200ac ให้ใช้งาน ซึ่งความเร็วการเชื่อมต่อระหว่างกันก็อยู่ในระดับสูงกว่า 200Mbps ไม่ว่าจะเป็นจาก Primary ไปยัง Wi-Fi Point หรือเชื่อมต่อกลับไปยังเราเตอร์ตัว Primary
การวัดค่าความแรงสัญญาณเราเริ่มต้นที่ชั้น 2 เป็นต้นไป ความแตกต่างจะเริ่มเห็นชัดเจนในชั้นที่ 3 จากค่าความแรง –58dBm ก็ดีขึ้นมาแตะที่ระดับ -40dBm
ในย่านความถี่ 5GHz ค่าความแรงสัญญาณดีขึ้นชัดเจนตั้งแต่ชั้นที่ 2 ขณะที่ชั้น 3 ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ใกล้เคียงกับคลื่น 2.4GHz
ความเร็วอินเทอร์เน็ตผ่านย่านความถี่ 2.4GHz ทำได้ดีขึ้นเล็กน้อยในห้องทำงาน แต่สำหรับชั้น 3 แล้ว ก็ใช้งานได้สบายๆ จากเดิมที่แทบพึ่งพาอะไรไม่ได้
สำหรับขาอัพโหลดก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ค่าอัพโหลดจะต่ำกว่าค่าดาวน์โหลดเกินครึ่งหนึ่ง แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้งานได้
ขยับมาที่ 5GHZ กันบ้าง จากตัวเลขถือว่า แก้ไขปัญหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตบนชั้น 3 ได้อย่างหมดจด ถึงจะทำได้ต่ำกว่า 100Mbit/s แต่ก็ถือว่าใช้งานได้ดีทีเดียว
ส่วนค่าอัพโหลดจากสมาร์ทโฟน iPhone 8 Plus ในชั้น 2 ไม่ได้แตกต่างจากค่าเดิมมากนัก แต่ในชั้น 3 ถือว่าน่าพอใจมากๆ
ประสิทธิภาพของพอร์ต USB
ไดรฟ์ยูเอสบีที่เราใช้ทดสอบเป็นของ SP Bolt B80 Portable SSD ความจุ 120GB ทำการอัพโหลดและดาวน์โหลดไฟล์วิดีโอขนาด 951MB ร่วมกับโน้ตบุ๊ก Asus K56U ผ่านทางพอร์ต GbLAN ซึ่งวัดความเร็วออกมาได้ 217Mbit/s ในการอัพโหลดผ่านเราเตอร์ ขณะที่การดาวน์โหลดกลับมาทำได้เร็วถึง 596.4Mbit/s คิดเป็นหน่วย MB/s ก็ราวๆ 74.5MB/s ตรงนี้ไม่ได้เปรียบเทียบกับ Mesh Wi-Fi รุ่นใด เพราะส่วนใหญ่แล้วอุปกรณ์เหล่านี้มักไม่มีพอร์ตยูเอสบีมาให้ นอกจากเสียจากเราเตอร์ไร้สายที่รองรับการทำ Mesh Wi-Fi System แล้วมาจำหน่ายกันแบบแพ็คคู่
บทสรุปและความคิดเห็น
เรามองว่า เราเตอร์ Synology MR2200ac เป็นอุปกรณ์ Mesh Wi-Fi ที่ออกมาเพื่อขยายขอบเขตสัญญาณเครือข่ายไร้สายร่วมกับเราเตอร์ Synology RT2600ac มากกว่าที่จะทำงานแบบเดี่ยวๆ เพราะตัวของมันเองมีพอร์ต LAN มาให้เพียงน้อยนิดถ้าเทียบเราเตอร์ไร้สายในราคาเดียวกัน ถ้าใครจะนำไปใช้งานแทนที่เราเตอร์ของผู้ให้บริการก็ไม่ได้ด้อยในเรื่องความสามารถแต่อย่างใด ทว่าก็ต้องยอมรับในเรื่องความแรงสัญญาณและความเร็วที่ออกมา เนื่องจากเราเตอร์ไร้สายหลายๆ ตัวที่เป็นเสาสัญญาณภายนอกนั้นทำงานได้ดีกว่าเสาสัญญาณภายในของเราเตอร์ MR2200ac อย่างน้อยก็เราเตอร์ Archer A10 ที่นำมาเปรียบเทียบกัน
ข้อดีของเราเตอร์ Synology MR2200ac มีอยู่หลายเรื่อง เช่น ประสิทธิภาพของเครือข่าย 2.4GHz ที่น่าพอใจ งพอร์ต USB 3.0 ที่ทำงานได้รวดเร็ว มีคุณสมบัติขั้นสูงในการปรับแต่ง Mesh Wi-Fi ขณะเดียวกันก็ใช้งานร่วมกับแอพฯ บนสมาร์ทโฟนของ Synology ได้หลากหลายเสมือนคุณมี NAS ของ Synology อยู่ในบ้าน สามารถเข้าถึงเราเตอร์ได้จากภายนอกเครือข่าย ช่วยให้คุณดูแลทำงานของเราเตอร์ได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนั้นยังมีเครื่องมือในการจัดการความปลอดภัยและควบคุมการใช้งานเครือข่ายที่ดีมาก
ในกรณีที่คุณต้องการจะสร้างเครือข่าย Mesh โดยใช้ผลิตภัณฑ์ของ Synology ก็ยอมรับก่อนว่า ค่าใช้จ่ายนั้นไม่ได้ถูกอย่างแน่นอน ซึ่งมันอาจจะดูแพงเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ Mesh Wi-Fi ที่เป็น Tri-Band ด้วยกันเสียอีก นอกจากเสียจากว่า คุณต้องการคุณสมบัติหลายๆ อย่างที่หาไม่ได้จาก Mesh Wi-Fi ในตลาด และมีความเชี่ยวชาญในการปรับแต่งมันให้ทำงานอย่างเต็มความสามารถ เพราะคุณสมบัติของมันนั้นถือว่า อยู่ในระดับชั้นนำเมื่อเทียบในกลุ่ม Mesh Router ด้วยกัน
ราคาโดยประมาณ: 5,000 บาท
Special Thanks: Synology Inc.