ตั้งแต่ปี 2022 เราได้เห็นสหภาพยุโรป (European Union) ได้มีการออก USB Type-C Mandate บังคับให้ค่ายผู้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆเปลี่ยนพอร์ตการเชื่อมต่อ โดยเฉพาะการชาร์จมาให้เป็น USB-C ทั้งหมดภายในปี 2024 .. นั่นหมายความว่าแบรนด์ผู้ผลิต Smartphone, Tablet, กล้อง ที่ขายในโซน EU จะมีเวลา 2 ปีที่จะยกเลิกช่องชาร์จเฉพาะของตัวเอง และเปลี่ยนมาเป็นหัว USB-C ทั้งหมด
แน่นอนครับ เมื่อคืนนี้ก็ผ่านวันปีใหม่ จบปี 2024 ไปเป็นที่เรียบร้อย นั่นทำให้กฏหมายนี้มีผลบังคับใช้ 100% หมายความว่าอุปกรณ์ที่ขายในสหภาพยุโรป หลังจากนี้เป็นต้นไปจะต้องมีหัวชาร์จเป็น USB-C เท่านั้น .. และนี่ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นด้วย
ทางการของยุโรปได้ให้คำอธิบายไว้ว่ากฏใหม่นี้จะทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้หัวชาร์จและสายชาร์จแบบเดียว สำหรับอุปกรณ์พกพาได้ทุกอย่าง .. หัวชาร์จ USB-C นั้นจะรองรับกับอุปกรณ์ที่เปิดตัวหลังจากนี้ทั้งหมด ทำให้มีมาตรฐานสำหรับอุปกรณ์ Electronics พกพา ที่ใช้กำลังไฟผ่าน Protocol Power Delivery ไม่เกิน 100W และหลังจากปี 2026 เป็นต้นไป Laptop ก็จะต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันด้วย
EU ยังบอกเพิ่มเติมอีกด้วยว่า อุปกรณ์ที่รองรับ Fast Charging จะสามารถใช้งานอุปกรณ์ชาร์จอันเดียวกันได้ เพราะตัว Charger จะสามารถชาร์จผ่าน Protocol เดียวกัน ซึ่งเป็นผลดีทั้งสำหรับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม
กฏใหม่นี้จะทำให้ทางเลือกของผู้บริโภคมีมากขึ้นในการเลือกซื้ออุปกรณ์ชาร์จ และเป็นการบังคับแบรนด์ให้ยกเลิกระบบ Lock-in บังคับ หรือ ยัดเยียดให้ผู้ใช้ซื้อหรือใช้งานอุปกรณ์ชาร์จแบบเฉพาะของตัวเอง
โดย Apple ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่มีพฤติกรรมแบบนี้ .. อย่างในปี 2022 ทาง Apple ก็ได้อ้างว่า การบังคับให้ทุกอุปกรณ์ใช้หัวชาร์จแบบเดียวกัน เป็นเหมือนการยังยั้งนวัตกรรม และยังบอกด้วยว่าจะเป็นโทษต่อผู้ใช้งานในยุโรปและเศรษฐกิจโดยรวม .. แต่สุดท้าย Apple ก็ยอมรับนโยบายดังกล่าวและหันมาใช้ USB-C ในอุปกรณ์ของตัวเองในที่สุด
การที่ Apple เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C ใน iPhone 15 ก็ถือเป็น Gen แรกที่ Apple เลิกใช้งานพอร์ต Lightning ที่ถูกวิจารณ์มาอย่างยาวนาน .. ตรงนี้จากการคาดการณ์ของ EU แล้ว การที่ผู้ใช้สามารถใช้ที่ชาร์จเก่าหรือร่วมกับอุปกรณ์อื่นได้ จะประหยัดเงินจากฝั่งผู้บริโภคโดยรวมถึง 250 ล้านยูโรต่อปี และนอกจากนั้น ด้านสิ่งแวดล้อมก็มีผลมากด้วย เพราะการเปลี่ยนหัวชาร์จบ่อยๆนั้น ทำให้มีขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น 11,000 ตันต่อปี
ข้อมูล : TechSpot