ตอน Windows 11 เปิดตัวออกมา ถ้าใครจำได้คือ ตอนนั้นมีฟีเจอร์ Virtualization Based Security (VBS) และ HyperVisor Enforced Code Integrity (HVCI) ที่ถูกเปิดมาให้เป็นแบบค่าเริ่มต้น ทำให้หลายๆคนคิดว่ามันจะมีผลอะไรเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการใช้งานหรือเปล่า ? แน่นอนครับ ก็มีคนออกมาสนใจประเด็นนี้เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงมี Benchmark ที่ออกมาทดสอบด้วยเช่นกัน แต่แล้วหลังจากนั้นกระแสเรื่องนี้ก็เงียบไป
จนกระทั่งล่าสุดในปี 2023 นี้ มีรายงานจากเว็บไซต์ Tom's Hardware ออกมาว่า ในช่วงเดือนที่ผ่านมา Microsoft ได้มีการเปลี่ยนไปเปิดฟีเจอร์ VBS อีกแล้ว โดยที่ผู้ใช้ยังไม่ได้เลือกอะไรเลย .. และเหมือนว่า Windows 10 ที่ได้อัปเดทก็มีการเปิดฟีเจอร์นี้เป็นแบบ Default ด้วยแล้วเช่นกันครับ
แน่นอนว่าระดับนักเขียนของ Tom's Hardware แม้ว่าจะไม่ได้เข้าไปเช็คในส่วนของฟีเจอร์ตรงๆ แต่จากประสบการณ์ที่ทดสอบ Hardware เป็นจำนวนมาก ก็ต้องเห็นอะไรที่ผิดแปลกไปบ้าง โดยเฉพาะในเรื่องของประสิทธิภาพ .. บวกกับที่ตอนนี้มี Hardware ใหม่ๆออกมาเยอะ เขาจึงมีการทดสอบประสิทธิภาพของการเล่นเกมเทียบกัน ระหว่างการเปิดและปิดฟีเจอร์ VBS อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้จะมีการใช้ GeForce RTX4090 รวมไปถึง CPU ที่จะมาเป็นรุ่นใหม่มากขึ้นด้วย
ตอนที่ Windows 11 เปิดตัวออกมาใหม่ และมีประเด็นเรื่อง VBS นั้น จะเป็นยุคของ GeForce RTX30 Series ซึ่งก็ได้เห็นผลกับประสิทธิภาพไประดับนึง แต่เหมือนว่าครั้งนี้จะมีผลเรื่องประสิทธิภาพมากกว่าในยุคนั้นอีกครับ .. การทดสอบนั้นจะแบ่งเป็นเกมทั้งหมด 15 เกม ที่การตั้งค่าแบบหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นความละเอียด หรือ คุณภาพของภาพเอง ในการทดสอบจะเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกันทั้งหมด โดยระหว่างการทดสอบนั้นจะไม่มีอัปเดทอะไรให้กับ Software อะไรทั้งสิ้น เพื่อให้มันแฟร์มากที่สุด จึงมีการเปลี่ยนแปลงแค่ค่า VBS ที่เปิดหรือปิดเท่านั้น
ผลก็ออกมาอย่างที่เห็นเลยครับ คือประสิทธิภาพนั้นแตกต่างกันอยู่พอสมควร แต่จะต่างจนหลายๆคนรู้สึกได้หรือเปล่านั้น อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละเกมไปด้วย เพราะหลายๆเกมก็มีความแตกต่างกันแค่ 2% ในช่วงการเล่นเกมแบบ 4K ปรับสุด แต่โดยเฉลี่ยแล้วตัวเลขนั้นจะต่างกันอยู่ประมาณ 5% .. ส่วนที่หนักหนาที่สุดก็จะเป็นเกม Microsoft Flight Simulator ที่หลังจากปิดฟีเจอร์ VBS ไปแล้ว ได้เห็นเฟรมเฉลี่ยเพิ่มเติมขึ้นมาถึงระดับ 10% ซึ่งอันนี้เป็นตัวเลขที่เยอะมากๆครับ และนอกจากนั้นค่า 1% Low ยังดีขึ้นถึง 15% ด้วย
แต่จากทั้งหมดนี้ก็ยังมีบางเกมที่ VBS อาจจะไม่ได้มีผลกับประสิทธิภาพเลย อย่างเช่น Bright Memory Infinite ที่แทบไม่เห็นความแตกต่าง ส่วน Minecraft นั้นก็ต่างกันเล็กน้อยมากๆในการตั้งค่าแบบ Full HD 1080p
ส่วนคำถามจริงๆก็คือ เราควรจะเข้าไปปิด VBS หรือเปล่า ? อันนี้ก็ต้องมองจากหลายมุมนะครับ อันแรกเรื่องประสิทธิภาพนั้นก็เห็นไปแล้ว ว่ามันแตกต่างกันในบางส่วน และบางส่วนอาจจะไม่ได้แตกต่างกันมากมายอะไร ทีนี้เราต้องมามองในส่วนของประโยชน์ที่ VBS ให้เราบ้าง ไม่ใช่แค่จะปิดมันทุกฟีเจอร์เพื่อให้เกมไหลลื่นขึ้น 10% .. คำตอบก็คือ VBS เองเป็นฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับความปลอดภัย ที่จะได้ประโยชน์โดยเฉพาะกับ Desktop ของผู้ใช้ตามบ้านทั่วไปมากที่สุด เพราะตัว VBS เองจะมีการแบ่ง Process บางส่วนไว้แยกกับ OS เลย ไอเดียง่ายๆก็คือ ถ้าบางส่วนโดนโจมตีนั้น มันจะก็จะเสียหายอยู่แค่ในส่วนของ VM ที่ทาง VBS ใช้ Run Process ต่างๆ ไม่ไปโดนตัว Windows หลักที่ใช้งานอยู่ อย่างเช่นถ้าโดน Ransomware ก็จะไม่เสียทั้งตัวระบบด้วยนั่นเอง
แต่อันนี้ผู้ใช้ก็ต้องลองถามตัวเองครับ ว่า 5-10% ของประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน มันคุ้มกับการปิดฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ทาง Microsoft ให้มาหรือเปล่า ..
ข้อมูล : Tom's Hardware