โปรเจกต์ซอฟต์แวร์ที่ในเวลาต่อมาจะกลายเป็น Windows นั้น จริง ๆ แล้วถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในปี 1981 โดยนักวิทยาการคอมพิวเตอร์ Chase Bishop และในยุคแรกมันมีชื่อที่ “เนิร์ด” กว่านั้นมาก คือ “Interface Manager” ซึ่งตั้งตามหน้าที่ตรงตัว เพราะตัวโปรแกรมถูกออกแบบให้รันทับบน MS-DOS เพื่อเพิ่มชั้นของส่วนติดต่อแบบกราฟิก (GUI) ทำให้ระบบที่เดิมขับเคลื่อนด้วยข้อความล้วน ดูใช้งานง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
แต่ภายใน Microsoft ทีมการตลาดมองเห็นอย่างรวดเร็วว่า ชื่อ “Windows” นั้นเข้าใจง่ายกว่าและสื่อสารฟีเจอร์เด่นที่สุดของซอฟต์แวร์ได้ชัดเจน—นั่นคือ การจัดการ “หน้าต่าง” หลายบานบนหน้าจอเดียว จึงมีการเปลี่ยนชื่อโปรเจกต์อย่างเป็นทางการ และในปี 1983 Microsoft ก็เปิดตัวแนวคิดใหม่นี้ต่อสาธารณชนในฐานะ GUI ที่ทำงานทับบน MS-DOS ซึ่งในเวลานั้นเป็นระบบหลักของ IBM PC และคอมพิวเตอร์เข้ากันได้จำนวนมากที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
ในยุคนั้น GUI ถือเป็นนวัตกรรมที่ล้ำหน้าอย่างมาก และเป็นการปฏิวัติจากโลกของหน้าจอคำสั่งกระพริบ ๆ ที่ผู้ใช้ต้องพิมพ์คำสั่งจากความจำทั้งหมด Windows ทำให้ผู้ใช้ “คลิก” ผ่านไอคอน เมนู และพาเนลที่ขยับได้ แทนที่จะต้องจำคำสั่งเป็นชุด ๆ
อย่างไรก็ตาม Windows เวอร์ชันแรก ๆ ยังห่างไกลจากการเป็นระบบปฏิบัติการเต็มรูปแบบเหมือนปัจจุบัน—จนถึงยุค Windows 95 เกือบสิบปีต่อมา Windows ยังเป็นเพียงไฟล์ .exe หนึ่งตัวที่ครอบระบบ DOS เอาไว้
Windows 1.0 เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนปี 1985 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของอีโคซิสเต็มซอฟต์แวร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดระบบหนึ่งในประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์ รุ่นแรกมาพร้อมแอปพื้นฐานหลายตัวเพื่อโชว์ความสามารถของอินเทอร์เฟซกราฟิก เช่น Calculator, Calendar, Clipboard Viewer, Clock, Notepad, Paint, Reversi, Cardfile, Terminal และ Write โปรแกรมประมวลผลคำขั้นพื้นฐาน
แต่ประสบการณ์ใช้งานก็มีข้อจำกัดสำคัญ—Windows ไม่สามารถวางซ้อนกันได้ ทุกหน้าต่างจะต้องเรียงในรูปแบบกริดอย่างเป็นระเบียบ ทำให้การมัลติทาสก์รู้สึกเหมือนกำลังจัดเรียงตัวต่อปริศนามากกว่าจะจัดหน้าโปรแกรมจริง ๆ ซึ่งปัญหานี้ได้รับการแก้ไขใน Windows 2.0 ที่เพิ่มฟีเจอร์หน้าต่างซ้อนทับและปรับขนาดได้ ถือเป็นรากฐานของเดสก์ท็อปสมัยใหม่
การเปิดตัว Windows 1.0 ได้รับเสียงตอบรับแบบผสม แม้จะถูกชมว่าเป็นแนวคิดที่ล้ำสมัย แต่ก็ยังไม่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในช่วงแรก เนื่องจากข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพและความต้องการฮาร์ดแวร์ที่สูงกว่าเดิม ถึงอย่างนั้น Windows 1.0 ก็วางรากฐานให้ Microsoft ขึ้นสู่อำนาจในตลาด PC และส่งอิทธิพลต่อวิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลตลอดหลายทศวรรษต่อมา
ที่มา: TechSpot



