AMD เปิดตัว Ryzen รุ่นที่สามแล้ว โดยมีด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่นด้วยกัน ซึ่งก็มีราคาและฟีเจอร์ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งหมดเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 7 กรกฏาคมทั่วโลกเป็นต้นไป โดยรุ่นถูกที่สุดราคาอยู่ที่ $199 ดอลลาร์สหรัฐ และรุ่นแพงที่สุดอยู่ที่ $499 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งหมดใช้สถาปัตยกรรม Zen 2 และกระบวนการผลิตขนาด 7 นาโนเมตร รองรับ PCIe 4.0 ด้วย
สำหรับชิป Ryzen 3000 ทั้งห้ารุ่นมีสเปคดังนี้
- Ryzen 5 3600 (6C / 12T) ความเร็ว 3.6 - 4.2 GHz, TDP 65W ราคา $199
- Ryzen 5 3600X (6C / 12T) ความเร็ว 3.8 - 4.4 GHz, TDP 95W ราคา $249
- Ryzen 7 3700X (8C / 16T) ความเร็ว 3.6 - 4.4 GHz, TDP 65W ราคา $329
- Ryzen 7 3800X (8C / 16T) ความเร็ว 3.9 - 4.5 GHz, TDP 105W ราคา $399
- Ryzen 9 3900X (12C / 24T) ความเร็ว 3.8 - 4.6 GHz, TDP 105W ราคา $499
รุ่นบนสุดจัดว่าน่าสนใจมาก เพราะ Ryzen 9 3900X นั้นมี 12 คอร์ด้วยกัน เมื่อร่วมกับการแบ่งเธรดแล้วจะมีทั้งหมด 24 เธรดช่วยกันทำงาน แถมสัญญาณนาฬิกาเริ่มต้นอยู่ที่ 3.8 GHz ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเชื่อใจได้เลยว่าเร็วแรงแน่นอน
ทาง AMD อวดว่า Ryzen 9 3900X นั้นประสิทธิภาพเทียบเคียงได้แก่ Intel Core i9-9920X เลยทีเดียว แต่ราคานั้นต่างกันลิบลับ (3900X ราคา $499 ขณะที่ i9-9920X ราคา $1,189) ส่วน 3700X นั้นทาง AMD ก็ระบุว่าสเปคชนกับ Core i7-9700K ได้สบายๆ
ชิปเซ็ตรุ่นใหม่สำหรับ AMD Ryzen 3000 จะใช้ AMD X570 ขึ้นไป แปลว่าบอร์ด AM4 ที่เคยออกมาก่อนหน้านี้ก็สามารถอัพเดทแล้วนำไปใช้ต่อได้ทันที อย่างไรก็ตามในการใช้งานจริงอาจจะมีเรื่องของพลังงานเข้ามาเกี่ยวด้วย แปลว่าไม่ใช่บอร์ด AM4 ทั้งหมดจะใช้งานได้ ต้องไปเช็คกับทางผู้ผลิตเสียก่อน แต่ไม่ต้องกลัวไปว่าถ้าอยากจะหาบอร์ดใหม่เอี่ยมเลยจะหายากไหม เพราะ AMD บอกว่าจะมีบอร์ด X570 จากพันธมิตรกว่า 56 รายรอเปิดตัวเร็วๆ นี้
ที่มา - The Verge