ก็อย่างที่เห็นกันเลยครับ ว่าช่วงนี้ตลาด Crypto โดยเฉพาะสำหรับสายเหมืองนั้นอาจจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ด้วยความที่ภาวะของตลาดโดยรวมอยู่ในจุดต่ำเมื่อเทียบกับหลายๆปีก่อน ประมาณว่าต่อให้เป็นสายเทรดยังเล่นกันยากเลยช่วงนี้ .. แต่สำหรับสายขุดแล้วหล่ะก็ เหมือนจะหนักกว่า เพราะต้องมีต้นทุนด้าน Hardware และค่าไฟเข้ามาเพิ่มเติมด้วย ทำให้เหมืองหลายๆแห่งก็ต้องปิดทำการ เอาการ์ดขุดมาระเบิดขายกัน
แต่ดูเหมือนว่ากระแสล่าสุดนี้จะสามารถทำให้อดีตชาวเหมืองที่ยังไม่ได้ขายการ์ดออกไปกลับมาหายใจได้อีกครั้ง ด้วยการมาถึงของ AI .. ยกตัวอย่างเช่น Hive Blockchain ที่มีการ์ดจอสำหรับขุด Ethereum อยู่ราวๆ 38,000 ใบ จนกระทั่งในช่วงปีที่แล้วที่ทางบริษัทนั้นได้เปลี่ยนมาโฟกัสจากการขุด Cryprocurrency มาเป็นการประมวลผล AI ให้กับลูกค้าแทน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนทั้งหมดนะครับ เพราะว่ายังมีการ์ดจอบางส่วนของบริษัทที่ยังทำงานขุด Altcoin ตัวอื่นๆอยู่ .. สงสัยว่าหวังให้ตลาดกลับมาอีกครั้งแหละนะ
เมื่อประมาณไม่กี่เดือนก่อน เราก็ได้เห็นบริษัทอย่าง Hive Blockchain และ Hut 8 Mining ออกมาให้ข้อมูลว่า GPU Farm สำหรับขุดของตัวเอง ถูกเปลี่ยนไปทำงานในกลุ่ม HPC หรือ High Performance Computing (งานประมวลผล) แทน ส่วนตลาด Crypto นั้นทางบริษัทก็ไม่ได้ละทิ้งซะทีเดียว เพราะยังมีบางส่วนที่เทรดไปเรื่อยๆอยู่เช่นกัน
ซึ่งบริษัทเหล่านี้ก็จะมีการเปลี่ยน GPU Farm ของตัวเองให้เป็นเหมือนการเช่าพลังการประมวลผลแทน โดยลูกค้านั้นจะเอาไปทำ Compute Workload อะไรก็ได้ และทางบริษัทก็จะมีการทำสัญญาไว้ด้วยว่าจะเก็บข้อมูลของลูกค้าไว้เป็นความลับและแยกออกจาก Large Language Model สาธารณะ .. อันนี้จึงเป็นข้อที่แตกต่างกันระหว่างบริษัทเล็กๆแบบนี้ กับพวกบริษัท Tech เจ้าใหญ่ทั้งหลาย
แต่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางธุรกิจของ Hive Blockchain นั้นก็ยังไม่ได้เสร็จสมบูรณ์ 100% เพราะว่าตอนนี้ก็จัดว่าขาดทุนอยู่ครับ อย่างในปีงบประมาณ 2023 ก็ยังมีตัวเลขขาดทุนสูงถึง $236.4 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ในขณะที่มีรายรับเข้ามาแค่ $79.6 ล้านดอลล่าร์สหรัฐเท่านั้น แต่ตัวเลขการขาดทุนหลักๆของเขานั้นก็มาจากมูลค่า Bitcoin ที่หายไป ซึ่งถ้านับแค่ตรงนี้ บริษัทก็ติดลบไปแล้ว $182 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งปัจจุบันนี้ Hive Blockchain มี Bitcoin และเครื่องขุด ASIC ของ Bitcoin โดยเฉพาะมูลค่ารวม $66 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
อีกตัวอย่างก็คงจะเป็นบริษัท Satoshi Spain ที่เคยเป็นบริษัทสำหรับขายและปล่อยเช่า Mining Rigs หรืออุปกรณ์ขุด Crypto ทั้งหลาย ที่ให้ข้อมูลกับ The Wall Street Journal ไว้ว่าทางบริษัทเห็นโอกาสทางด้านการประมวลผล AI เป็นเหมือน "Mining 2.0" และไปขายพลังการประมวลผลให้กับพวกกลุ่มองค์กรเล็กๆเช่น มหาวิทยาลัย, บริษัท Startup หรือแม้กระทั่ง Developer เจ้าเล็กๆแทน .. ซึ่งกลุ่มพวกนี้ไม่สามารถไปซื้อพลังการประมวลผลจากยักษ์ใหญ่เช่น OpenAI, Microsoft, Amazon ได้ เพราะว่าบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านั้น มักจะโควต้าเต็มหรือไม่ก็ไม่อยากทำธุรกิจกับดีลเล็กๆตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม .. แม้ว่าการเปลี่ยนโมเดลทางธุรกิจจากการประมวลผลขุด Crypto ไปเป็น AI อาจจะดูไม่ได้มีพิษภัยหรือยากลำบากอะไรมาก แต่ก็ใช่ว่ามันจะดีเสมอไป เพราะว่าการ์ดประมวลผลรุ่นเก่าๆตั้งแต่สมัย Ethereum กำลังบูมๆนั้น เอามาใช้งานสำหรับ AI ตอนนี้ก็แทบไม่มีค่าอะไรเลยเหมือนกัน นั่นแปลว่าทางบริษัทก็อาจจะต้องลงทุนเพิ่มเติมเพื่อหาการ์ดใหม่ๆเข้ามาเสริมทัพจากของเดิมที่มีอยู่ดี และตรงนี้สำหรับบริษัทที่เขาลงทุนก็อาจจะเป็นเรื่องที่ทำได้ ส่วนชาวเหมืองบ้านๆที่มีการ์ดจอต่ำกว่า 500 ตัว จะมาทำแบบนี้ก็คงไม่ได้หรอกครับ
ข้อมูล : Tom's Hardware