แน่นอนว่าใครหลายๆคนก็ต้องเคยใช้ Incognito Mode หรือโหมดไม่ระบุตัวตน เวลาต้องการจะทำอะไรลับๆล่อๆ ที่ไม่อยากให้คนรู้ .. หลักๆแล้วคนก็มักจะใช้โหมดนี้สำหรับการดูสารคดีการสืบพันธุ์ หรือ บางทีเราอยากจะค้นหาอะไรโง่ๆบนอินเตอร์เน็ต แต่ไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นประวัติการค้นหาของเรา จนเป็นที่อับอาย เราก็มักจะใช้โหมดนี้แหละครับ
หลักการทำงานของโหมดไม่ระบุตัวตนก็คือ ทุกอย่างที่คุณค้นหาหรือเข้าดูในโหมดนี้จะไม่มีการบันทึกไว้ในเครื่อง เพราะเช่นนั้นแล้วคุณจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เพราะสิ่งที่คุณทำลงไปขณะที่อยู่ในโหมดนี้ จะไม่เป็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์แต่อย่างใด
แต่หลายๆคนยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว ไอ้เจ้าโหมดเนี้ย มันแค่ไม่บันทึกข้อมูลลงในประวัติส่วนตัวของคุณเฉยๆ แต่ถ้ามีการตรวจสอบขึ้นมาจริงๆ ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตหรือเจ้าหน้าที่ก็ยังสามารถรู้ได้อยู่ดี เพราะอย่างไรก็ตาม ข้อมูลมันถูกส่งออกไปคล้ายๆกับโหมดปกตินั่นแหละครับ
โดยประมาณ 9 เดือนที่แล้ว .. เราก็ได้เห็นรายงานว่า Google นั้นอาจจะต้องโดนปรับเงินเป็นจำนวน $5 พันล้าน เหรียญสหรัฐ เนื่องจากมีการ Track หรือติดตามผู้ใช้ใน Incognito Mode และล่าสุดนี้ รายงานจาก Bloomberg ก็มีการพูดถึงเคสดังกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง ว่าการดำเนินคดีนั้นจะมีต่อไป เพราะ Google นั้นไม่ได้มีการชี้แจงให้ผู้ใช้งานทราบว่า Google นั้นกำลังทำการเก็บข้อมูล แม้ว่าผู้ใช้จะอยู่ใน Incognito Mode ก็ตาม .. ซึ่งการทำแบบนี้มันก็เหมือนผิดจุดประสงค์ของ Private Browsing ที่แท้จริงแล้วควรจะไม่มีการติดตามทั้งหมด
ซึ่งการติดตามนี้มีอยู่ตลอดเวลาแม้กระทั่งผู้ใช้ปฏิเสธไม่ให้ Chrome Browser ทำการติดตามแล้วด้วย ! สาเหตุก็คือแอพที่มีการลิงค์เข้ากับระบบ Google Analytics ทั้งหลาย ยังสามารถเก็บข้อมูลประเภทเดียวกันได้อยู่ดี แม้ว่าการเข้าชมต่างๆนั้นจะทำผ่านแอพอื่นหรืออุปกรณ์ Android ก็ตาม
ค่าปรับ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐนี้ก็คิดกันเป็นเคสไป โดยที่ทางศาล California ก็ระบุไว้ว่าค่าเสียหายเฉลี่ย $5000 ต่อผู้ใช้งานหนึ่งคน .. ซึ่งในขณะนี้ Google เองก็พยายามต่อสู้คดีเพราะว่าทางบริษัทเชื่อว่ามีการแจ้งผู้ใช้งานแล้ว ผ่านข้อความที่ว่า "websites might be able to collect information about your browsing activity" .. แต่ดูท่าทางแล้วจะยังไม่เพียงพอ เพราะว่าการดำเนินคดีทางกฏหมายนั้นยังคงเดินหน้าต่อไป
สรุปนะครับ .. หลายๆคนอาจจะเข้าใจว่า Incognito Mode หรือ Private Browsing นั้นปลอดภัยที่สุดแล้ว พอเปิดใช้งานนี่เราจะเข้าชมเว็บไซต์ หรือ เขียนอะไรบนอินเตอร์เน็ต โดยที่จะไม่มีใครมาเอาผิดเราได้ เพราะมันเป็นโหมด "ไม่ระบุตัวตน" บอกได้เลยครับ ว่าถ้าคุณคิดแบบนี้ คุณเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะมันไม่ระบุตัวตนแค่ในเครื่องของคุณเท่านั้น แต่ข้อมูลที่ส่งออกไปนั้นแทบไม่ได้มีความแตกต่างกับข้อมูลที่คุณใช้งานในโหมดปกติเลย ! เพราะเช่นนั้น ถ้าคุณต้องการจะทำอะไรลับๆล่อๆบนอินเตอร์เน็ต เราแนะนำให้คุณใช้วิธีอื่นครับ อย่างน้อยก็ควรจะเป็น VPN .. แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากทางการต้องการจะสืบประวัติการเข้าชมของคุณจริงๆแล้ว ไม่ว่าคุณจะพยายามมากแค่ไหน เขาก็จะหาวิธีตามคุณให้เจออยู่ดีครับ
ข้อมูล : wccftech