ในวงการ Overclock สำหรับ PC เนี่ย การใช้ Liquid Nitrogen หรือ ไนโตรเจนเหลว จัดว่าเป็นอะไรที่เห็นได้บ่อยครั้ง เพราะมันคือก๊าซในรูปแบบของเหลวที่มีอุณหภูมิต่ำถึง -196 องศา c แน่นอนครับ ว่าอุณหภูมิแบบนี้เขาใช้เพื่อคุมความร้อนที่ปล่อยออกมาของตัว Hardware ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น CPU หรือ GPU
แต่ใครจะคิดหล่ะครับ ว่ามีคนเอาไปใช้กับ iPad เพื่อทดสอบประสิทธิภาพชิป Apple Silicon M4 ด้วย ?
อย่างล่าสุดนี้ทีมที่ Geekerwan ได้ลองใช้วิธีเดียวกันกับ iPad Pro M4 ที่เพิ่งเปิดตัวไป เพื่อที่จะได้เห็นว่าแท้จริงแล้วมันสามารถทำประโยชน์ให้ได้หรือไม่ .. โดย Geekerwan ได้ทดสอบตัว M4 ในรูปแบบ 3+6 Core และได้ซื้ออีกรุ่นที่เป็น 4+6 Core เข้ามาแล้ว เพื่อที่จะทดทอบใหม่ในอนาคต
สำหรับชุดที่ใช้ก็จะเป็น Kingpin Cooling T-Rex Rev 4 ซึ่งปกติแล้วเอาไว้ใช้กับ CPU แต่เขาเอามาวางอยู่บริเวณด้านหลัง iPad Pro แบบดื้อๆ พร้อมกับเล็งให้ตำแหน่งนั้น น่าจะตรงกับตัวที่ชิป Processor วางอยู่ .. อันนี้ไม่ได้รื้อออกมาแปะกับ CPU โดยตรงเหมือนที่ทำกับคอมนะครับ แค่วางไว้ด้านนอกเฉยๆ
และเมื่ออุณหภูมิลดลง ตัว Apple Silicon ก็สามารถรันได้ที่ความเร็ว 4.41GHz .. ส่วนคะแนน Benchmark ก็จัดว่าทำออกมาได้ดีเลยครับ ตัว GeekBench 6 Single Core นั้นก็ทำได้ที่ 4,001 คะแนน สูงกว่า M3 Max ใน MacBook Pro 16 นิ้วอยู่ราวๆ 28% และสูงกว่า M2 Ultra ที่อยู่ใน Mac Studio ถึง 44%
อันนี้ก็จัดว่าสูงกว่าคะแนนปกติที่เราได้เห็นตอนไม่ได้ใช้ Liquid Nitrogen อยู่พอสมควร ตอนนั้นเราจะเห็นได้ว่ามันทำคะแนน Single Core ได้อยู่ราวๆ 3,6xx - 3,7xx ครับ เพราะเช่นนั้นก็พิสูจน์ให้เห็นว่า จริงๆแล้วชิปมันแรงได้มากกว่านั้นอีก ถ้ามีการคุมอุณหภูมิที่ดีเพียงพอ .. แต่ก็แน่นอนนะ ว่าเอาไปใช้จริง คงไม่มีใครทำแบบนี้อยู่แล้วครับ ที่น่าลุ้นกันคือถ้าเอาไปใช้กับ MacBook หรือ Mac Mini และ Mac Studio ที่มีชุดระบายความร้อนแบบ Active Cooling จะไปได้ไกลกว่านี้แค่ไหน .. ยังไงก็คงไม่เท่าการใช้ Liquid Nitrogen หรอกครับ แต่ก็น่าจะดีกว่า iPad ที่เป็น Passive Cooling แน่ๆหล่ะ
ส่วนคะแนน Multi-Core ก็จัดว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ออกมาที่ 13,595 ยังคงตามหลัง M3 Max (20,597) และ M2 Ultra (21,330) อยู่พอสมควรครับ นั่นก็เป็นเพราะว่าสองตัวที่ว่านี้มันมีจำนวน Core ที่มากกว่า จึงไม่แปลกอะไรที่จะสู้คะแนนไม่ได้ และตัวนี้ก็เป็นรุ่น 9-Core ที่มี 3 P Core และ 6 E-Core ในขณะที่ iPad Pro M4 เองก็จะมีรุ่นที่เป็ฯ 10-Core มาในรูปแบบ 4+6 ครับ ซึ่งตัว 10-Core ก็น่าจะแรงกว่านี้เหมือนกัน
ข้อมูล : Tom's Hardware