Apple เปิดตัว iPhone 16 มาพร้อมกับการอัปเกรดภายในหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็น หน่วยประมวลผล และ Memory .. อีกอย่างนึงที่ Apple ใส่ให้มาก็จะเป็น Connectivity มาตรฐานใหม่ โดยทุกรุ่นนั้นจะรองรับมาตรฐาน Wi-Fi 7 เพื่อใช้คู่กับ Router ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ๆ .. เพราะเช่นนั้นแล้ว ในเรื่อง Networking ตัว iPhone นี้ก็จะทำประสิทธิภาพได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนอยู่พอสมควรเลยครับ
แต่ดูแล้วมันอาจจะไม่ใช่แบบนั้น .. เพราะผลการทดสอบกลับออกมาว่า มันไม่ได้มีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างที่หลายๆคนคาดหวังกันไว้ครับ !
ตามที่ Apple เคลมไว้ก็คือ ประสิทธิภาพด้านความเร็วนั้นจะต้องดีขึ้นกว่า iPhone 15 ที่รองรับ Wi-Fi 6E มากถึง 5 เท่า ซึ่งตามหลักการแล้ว Bandwidth สูงสุดก็จะเพิ่มขึ้นจาก 2.4Gbps ไปเป็น 5.8Gbps และในการใช้งานจริงก็ควรจะเห็นผลดีขึ้นด้วยจากประสิทธิภาพในด้านอื่นๆ
แต่จากการทดสอบของ Les Numeriques เราจะได้เห็นว่าประสิทธิภาพของ Wi-Fi 7 ที่ Apple ใส่มาให้กับ iPhone 16 นั้น มันอาจจะดูไม่ได้น่าประทับใจซักเท่าไหร่ครับ .. โดยการทดสอบนั้นจะใช้ TP-Link Deco BE85 Mesh Wi-Fi ซึ่งก็จัดว่าเป็น Router ทีดีในระดับนึงเลย
แน่นอนว่าทั้ง iPhone 16 และ iPhone 16 Plus ที่เขาเอามาทดสอบนั้นก็จะเชื่อมต่อกับคลื่น 6GHz อย่างที่ควรจะเป็นนั่นแหละ ซึ่งผู้ทดสอบก็ใช้งานคู่กับ Network ความเร็วระดับ 10Gbps ด้วย .. แต่ผลการทดสอบกลับออกมาว่าทั้งสองเครื่องนั้นทำความเร็วได้ไม่เกินระดับ 1.6Gbps และ 1.7Gbps ซะอย่างนั้น .. และความเร็วประมาณนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับ iPhone 15 Pro Max ของปีที่แล้วเลย แม้ว่า iPhone รุ่นก่อนหน้าจะใช้ Wi-Fi 6E ไม่ใช่ Wi-Fi 7 ก็ตาม
หลังจากที่เขาหาสาเหตุเพิ่มเติมก็ได้พบว่า Apple นั้นล๊อคประสิทธิภาพของตัว Wi-Fi 7 จากที่ควรจะใช้ Channel Width ที่ 320MHz ที่รองรับในมาตรฐาน Wi-Fi 7 กลับถูกล๊อคไว้ที่ 160MHz เท่านั้น .. แบบนี้ก็หมายความว่าประสิทธิภาพด้าน Wi-Fi ของ iPhone 16 นั้นก็จะถูกตอนไปประมาณครึ่งนึงครับ
นอกจากผู้ทดสอบคนดังกล่าวแล้ว ก็จะเห็นเพิ่มเติมใน Reddit ว่ามีอีกหลายคนที่เจอประเด็นดังกล่าว .. ส่วนสาเหตุที่ Apple ล๊อคไว้ อันนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกันครับ ทาง Apple เองก็ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงอะไรด้วย .. แต่ถ้าจะล๊อคแบบนี้ไว้ตลอด ก็ไม่ควรจะมาโฆษณาว่าสินค้าของตัวเองรองรับ Wi-Fi 7 เพราะมันก็ไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพของ Wi-Fi 7 ได้แบบเต็มที่อยู่ดีครับ
สุดท้ายก็ต้องรออัปเดทกันต่อไป ว่า Apple จะมีการออกแพทช์มาปลดล๊อคเรื่องดังกล่าวหรือไม่
ข้อมูล : Wccftech