นอกจากรุ่น iPhone 11 Pro ที่ใช้หน้าจอ OLED แล้ว ทาง Apple เองก็มีรุ่นราคาประหยัดลงมาสำหรับคนที่ไม่ต้องการใช้ฟีเจอร์ที่รุ่น iPhone 11 Pro ให้มา .. โดยรุ่นนี้จะเรียกเป็น iPhone 11 ธรรมดา แต่แท้จริงแล้วมันจะมาแทน iPhone XR ด้วยราคาเปิดตัวราวๆ $699 หรือราวๆ สองหมื่นต้นๆเท่านั้น !
รายละเอียดของเจ้า iPhone 11 ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปจาก iPhone XR มากนัก .. ตัวจอจะยังคงใช้แบบ Liquid Retina HD IPS LCD ขนาด 6.1" ด้วยความละเอียดที่ทำให้หลายๆคนหันหน้าหนี เพราะว่ามันต่ำกว่า Full HD .. แต่หลายๆคนที่ใช้ก็ไม่ได้ซีเรียสครับ เพราะว่าถ้าไม่ได้เอาไปเทียบกับรุ่น Pro แล้ว มันก็ไม่ได้ขี่เหร่อะไรมากมาย ยิ่งรองรับมาตรฐานสี P3 แล้วด้วย ทำให้มันน่าจะเป็นจอ LCD บน Smartphone ที่คุณภาพสูงที่สุดรุ่นนึง
รายละเอียดที่อัพเกรดขึ้นอย่างมากเลยก็คงหนีไม่พ้นตัวกล้องด้านหลัง ที่จากเดิม XR จะมีแค่หนึ่งคตัว แต่ครั้งนี้ iPhone 11 ให้มาสองตัว โดยจะเพิ่ม Ultra-Wide Angle มา ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพที่มีมุมมอง 120 องศาได้ เวลาเก็บวิว หรือภาพหมู่ก็จะดูง่ายขึ้นอีกเยอะ ไม่จำเป็นต้องถอยหลังออกไปไกลเหมือนเลนส์ธรรมดาอีกต่อไป .. ซึ่งการถ่ายนั้นสามารถถ่ายด้วยโหมด Normal ธรรมดา และ Zoom Out ออกมาเป็น Ultrawide Angle ได้ด้วย
รายละเอียดของตัวกล้อง Ultrawide ก็จะเป็น 13mm f/2.4 แบบ Five-Elements ส่วนกล้องเลนส์ Wide อันเดิมจะเปด็น 26mm ที่ f/1.8 แบบ six-element , มี Optical Image Stabilization และ 100% Focus Pixel .. เซนเซอร์ทั้งคู่เป็นแบบ 12 ล้านพิกเซล และเน้นประสิทธิภาพการถ่ายได้ทั้งในที่มืด , การวัดระยะที่แม่นยำของ Portrait Shot (ครั้งนี้ถ่ายสัตว์ได้ด้วยแล้ว เวอร์ชั่นที่แล้วรองรับแค่คน) , โหมด HDR และการอัดวีดีโอ 4K ก็ยังคงทำได้
กล้องหน้าที่มี TrueDepth นั้นก็มีการอัพเกรดมาเป็น 12 ล้านพิกเซล ส่วนตัวตรวจจับ Face ID จะยังคงเป็นรุ่นเดิม การรองรับ Portrait Lightning Effect , Smart HDR , อัดวีดีโอ 4K , Animoji และ Memoji ก็จะยังคงรองรับเหมือนเดิมด้วย
เรื่องประสิทธิภาพนี่แหละครับน่าสนใจ .. มันจะมากับ A13 Bionic เช่นเดียวกับตัว iPhone 11 Pro แต่ด้วยความที่ความละเอียดจอน้อยกว่านั้น การทำงานของ Processor ในฝั่งกราฟฟิคก็จะน้อยลงด้วย ทำให้หน่วยประมวลผลมีประสิทธิภาพสูงแบบเหลือเฟือเลย .. เพราะเพียวๆก็จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า A12 Bionic ของปีที่แล้วอยู่ราวๆ 50% แล้ว บวกกับ GPU ตัวใหม่ ทำให้มันเป็น Processor ฝั่ง Smartphone ที่ทรงพลังที่สุดเลยก็ว่าได้ นอกจากนั้นจะยังคงมีความสามารถของ Neural Engine และ Machine Learning ที่เพิ่มขึ่นด้วย
แบตเตอรี่จากเดิมที่รุ่น XR ว่าดีแล้ว รุ่นนี้ทาง Apple บอกว่าจะดีกว่าอีกประมาณ 1 ชั่สโมง (ไม่ได้บอกว่าเป็น 1 ชั่วโมง Stand-by หรือ Screen-On) ... และลำโพงครั้งนี้จะมากับระบบ Dolby Atmos เพื่อคุณภาพเสียงที่เพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนตัวเลือกด้านสีก็ถือว่าจัดเต็มครับ ตั้งแต่ ขาว, ดำ, แดง, เขียว, เหลือง, ม่วง เอาใจทุกเพศทุกวัยกันเลยทีเดียว
ที่มาของข้อมูล : AppleInsider