Google Chrome คือ Browser ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด แต่ก็มีคนล้อเลียนกันอยู่บ่อยๆว่ามันกิน RAM หนักมากๆ ประมาณว่ามีเท่าไหร่มันก็เอาไปใช้ได้หมดนั่นแหละ .. ส่วน Microsoft Edge เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็ได้มีการเปลี่ยนมาใช้พื้นฐาน Chromium ซึ่งคล้ายๆกับ Google Chrome ทำให้มันก็ได้รับชื่อว่าเป็น Browser ที่กิน RAM ดุเช่นเดียวกัน
แต่สำหรับ Microsoft Windows 11 เอง เราก็ได้เห็นการพัฒนาหลายๆอย่างที่จัดไปในทางที่ดี ทั้งเรื่องความเสถียรและฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ .. อย่างล่าสุดใน Test Build ของ Windows เราก็ได้เห็น Microsoft เพิ่มตัวเลือกในหน้า Settings ให้ผู้ใช้สามารถจำกัดการใช้ RAM ของ Browser อย่าง Microsoft Edge ได้ด้วย
ฟีเจอร์ที่ว่านี้จะอยู่ใน PC Gaming Mode โดยผู้ใช้จะตั้งค่าให้ฟีเจอร์การ Limit การใช้งานของ Memory ทำงานต่อเมื่อเล่นเกมเท่านั้น หรือว่าจะเปิดไว้ตลอดเวลาเลยก็ได้เช่นกัน .. ซึ่งอันนี้ก็จัดว่าเป็นเรื่องที่ดีเลยครับ เพราะต่อไปนี้ผู้เล่นที่มี Memory ไม่มาก ก็ไม่จำเป็นต้องสั่งปิด Tab ทั้งหมด ก่อนที่จะกดเข้าเกมอีกต่อไป
และนอกจากนั้นแล้ว Microsoft Edge ก็จะมีการบอกสถานะการใช้งาน RAM โดยละเอียดด้วย ในนั้นก็จะระบุว่าตอนนี้มี Tab กี่อันที่ถูกดันเข้า Sleep Mode และมี Memory เหลือให้ใช้งานอีกเท่าไหร่
ทั้งหมดนี้ก็จัดว่าเป็นฟีเจอร์ที่ดีครับ โดยเฉพาะกับผู้ที่มี Memory จำนวนพอเหมาะอย่างเช่น 16GB ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในยุคปัจจุบันได้อย่างสบายๆ แต่ก็อาจจะสบายแค่ในเรื่องของการทำอย่างใดอย่างนึงเท่านั้น เช่นการทำงานก็ทำงานไป เล่นเกมก็เล่นเกมอย่างเดียว มาไล่ปิด Tab ของ Browser เอา .. พอเปิดฟีเจอร์นี้ของ Edge แล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาปิด Browser อย่างสมบูรณ์อีกต่อไป แค่เข้าไปล๊อคจำนวน RAM ที่ให้ Browser ใช้ก็เป็นอันจบ .. ส่วนผู้ที่มี RAM มากขึ้นมาหน่อยอย่าง 32 และ 64GB อาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ตรงนี้มาก เพราะจำนวนนั้นเพียงพอทั้งการเล่นเกมและเปิด Browser ทิ้งไว้พร้อมๆกันได้สบายอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะเอาไว้ดูว่าแต่ละ Tab นั้นกิน Memory ไปเท่าไหร่ และป้องกันไม่ให้ตัวเว็บไซต์นั้นเรียกทรัพยากรของเครื่องมากเกินไปก็ได้ครับ
แล้วคุณหล่ะครับ ถ้า Microsoft Edge มีฟีเจอร์เข้ามาเพิ่มมากมายขนาดนี้ ถ้ายังไม่ได้ใช้ Edge อยู่ จะเริ่มพิจารณาที่จะเปลี่ยนมาใช้หรือยัง ?
ข้อมูล : TweakTown