มาถึง ณ เวลานี้ ก็คงไม่มีใครไม่รู้แล้วหล่ะว่าโลกเรากำลังอยู่ในสภาวะสงครามอยู่ โดยหลักๆแล้วผลกระทบของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนก็ทำให้ทุกคนเดือดร้อนกันไปตามๆกัน ตั้งแต่ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้า ค่าครองชีพนั้นแพงขึ้นตามกันไปด้วย
อีกปัญหานึงที่คนในวงการเทคโนโลยีเจอกันมาอย่างยาวนานก็คือในเรื่องของชิปขาดตลาดอันเป็นปัญหามาซักพักใหญ่ๆ ทำให้สินค้าประเภทเทคโนโลยีนั้นมีราคาสูงหรืออาจจะหาซื้อได้ยากกว่าแต่ก่อน .. อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนี้เหมือนว่าปัญหากำลังจะหนักหน่วงขึ้นอีกแล้วครับ
วันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียได้ออกประกาศว่าการส่งออก Noble Gas นั้นจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลก่อนตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า โดยข้อกำหนดนี้จะมีผลไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม
การกระทำนี้จะเป็นการลด Supply ของ Noble Gas ที่ถูกส่งออกไปยังประเทศที่รัสเซียเรียกว่า "Unfriendly Countries" หรือ "ประเทศที่ไม่เป็นมิตร" และเป็นการตอบโต้มาตรการ Sanction รอบที่ 5 ที่ทาง European Union ได้ประกาศออกมาตั้งแต่เดือนเมษายน
Noble Gas หรือที่ภาษาไทยเรียกว่าก๊าซเฉื่อย ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญในการผลิตชิปต่างๆ ซึ่งทางรัสเซียและยูเครนก็ต่างเป็นประเทศหลักที่ผลิตและส่งออกก๊าซเฉื่อยไปยังทั่วโลก .. รัสเซียเองก็เป็นผู้ผลิตหลักของก๊าซ Neon อันเป็นผลพวงมาจากการผลิตโลหะต่างๆ ซึ่งหลังจากนั้นก็มีการส่งก๊าซนี้ไปยังประเทศยูเครนเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนทำให้บริสุทธิ์ (Purification) .. ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากที่มีประเด็นสงครามระหว่างสองประเทศนี้ ดีลนี้ก็ต้องเป็นอันยุติลง
ก๊าซเฉื่อยเช่น Neon, Argon, Xenon และ Helium เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต Microelectronic ทั้งหลาย ซึ่งมันอยู่ในอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือ รถยนต์ ยุคใหม่ๆ .. โดยหลักๆแล้ว Neon นั้นจะเป็นส่วนสำคัญมากในขั้นตอน Optical Lithographic ที่เอาไว้สร้าง Pattern บน Silicon Wafer และสร้าง Circuit บน Semiconductor Chip ทั้งหลาย .. ปัจจุบันนี้ Supply ของ Neon บนโลกกว่า 70% (ราวๆ 540,000 ตัน) ก็ถูกใช้ไปกับการผลิต Semiconductor นี่แหละครับ
แต่ในข่าวร้ายตรงนี้ก็ยังมีข่าวดีอยู่นะ เพราะเหมือนว่าผู้ผลิตชิปทั้งหลายก็ได้มีการเตรียมการรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นแล้ว .. อันนี้ก็แน่นอนว่าบริษัทต่างๆก็ได้รู้สึกถึงกลิ่นไม่ดีตั้งแต่รัสเซียมีการบุก Crimea ในปี 2014 ทำให้ตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา บริษัทต่างๆก็ได้มีการพยายามลดการพึ่งพา Noble Gas จากรัสเซียและยูเครนไปราวๆ 30% และมีการสะสม Supply ไว้ล่วงหน้าเป็นระยะเวลา 3-6 เดือน .. โดยบางประเทศอย่างเช่นจีนก็ได้มีการพยายามผลิต Supply ของตัวเองด้วย ซึ่งตลอดเหตุการณ์ที่ผ่านมา จีนสามารถผลิต Noble Gas ได้มากขึ้นกว่าเดิม 5-6 เท่า
ด้วยสถานการณ์ ณ ตอนนี้ ผู้ผลิตชิปทั้งหลายยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลดกำลังการผลิตชิปลง ซึ่งตรงนี้ก็แน่นอนว่า ในเมื่อการผลิตชิปนั้นเท่าเดิม แต่ราคาวัตถุดิบแพงขึ้น ก็จะทำให้ต้นทุนการผลิตแพงขึ้น อันเป็นสาเหตุที่จะทำให้ผู้บริโภคนั้นต้องจ่ายแพงขึ้นในอนาคต .. เพราะเช่นนั้น ก็เตรียมรับมือกันให้ดีหล่ะครับ
ข้อมูล : TechArp