ปัจจุบันนีเราได้เห็นการ์ดจอขนาดใหญ่โตมหึมากันมามากขึ้นเรื่อยๆ บางตัวตอนนี้กินพื้นที่แบบ 3-4 Slot ก็สามารถเห็นกันได้เป็นปกติแล้ว จริงอยู่ว่าการ์ดจอที่มีขนาดใหญ่นั้นมันมีมาหลายปีแล้ว แต่สมัยก่อนเราได้เห็นแค่พวกการ์ดแบบ Custom เท่านั้นที่มีขนาดใหญ่เกินมาตรฐาน ในขณะที่พวกตัว Reference หรือ Founders Edition ทั้งหลายนั้นจะยังอยู่ในขนาดตัวที่ปกติ แต่พอมาหลังๆนี้เราได้เห็นการ์ด Founders Edition ทั้งหลายมีขนาดใหญ่โตขึ้นแบบก้าวกระโดด และก็แน่นอนแบรนด์การ์ด Custom ทั้งหลายก็มีการขยับขนาดตัวเองออกไปใหญ่ขึ้นกว่าเดิม จนบางค่ายนี่เรียกว่าใหญ่กว่า Mainboard แล้วก็ว่าได้
เรื่องการ์ดจอใหญ่มันก็ไม่มีปัญหาอะไรมากหรอกครับ หลักๆก็มีอยู่แค่สองอย่างก็คือในเรื่องของการเลือกซื้อเคสที่ถ้าการ์ดใหญ่มาก จะใส่เคสขนาดมาตรฐานบางตัวไม่ได้ และอีกอย่างนึงก็คือปัญหาเรื่องการห้อยของตัวการ์ด เพราะการรับน้ำหนักของการ์ดจอนั้น จะมีหลักๆอยู่แค่ในส่วนของ Bracket ด้านหลัง Expansion Slot ที่ยึดด้วยน๊อตอยู่ กับ PCI-E Slot ที่เสียบเข้ากับ Mainboard เท่าน้ัน และแม้ว่าค่ายผู้ผลิต Mainboard หลายๆเจ้าจะพยายามใส่ Slot ของตัว PCI-E ให้เป็นโลหะในสินค้ารุ่นกลางถึงบนแล้วก็ตาม ปัญหาเรื่องการ์ดจอห้อยลงด้านหน้าก็ยังเห็นได้อยู่ทั่วๆไป
ซึ่งจะว่าไปแล้ว เราก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า "ห้อยแล้วยังไง" ตราบใดที่ไม่ทำให้ PCB หัก หรืองอจนขา Pin ข้างในไม่สัมผัสกันก็น่าจะใช้ได้ปกติถูกไหม ? ตอนแรกผมก็คิดอย่างนั้นครับ เพราะว่าจากที่ใช้งานมา ต่อให้มันห้อยมันก็ใช้ได้ปกติไม่เห็นเป็นอะไรหนิ ! แต่เหมือนว่าล่าสุดนี้จะมีข้อมูลออกมาแล้วว่าการปล่อยให้ตัวการ์ดห้อยแบบนั้นไม่ดีแน่นอน
ข้อมูลตรงนี้มาจาก YouTuber ชาวเยอรมนี ช่อง KrisFix ใน YouTube ออกมารายงานว่า NVIDIA GeForce RTX2080Ti ซึ่งเป็นหนึ่งในการ์ดจอที่ดีที่สุดของปี 2018 พังหลังจากใช้งานไปหลายปี สาเหตุหลักๆเลยก็มาจากตัว GPU ที่ห้อยด้วยน้ำหนักตัวของมัน ซึ่งทางนาย KrisFix ก็ได้แสดงให้เห็นว่า Memory Module แบบ GDDR6 ของตัวมันนั้นถูก PCB งอจนขาสัมผัสหลุดจากจุดบัดกรีด้านล่าง
ถ้าข้อมูลของ KrisFix ถูกต้อง ก็แปลว่าหลังจากนี้เราจะได้เห็นการ์ดจอ อย่างน้อยก็ต้องเป็นตัว GeForce RTX2080Ti ได้รับความเสียอีกหลายตัวหลังจากนี้ เพราะระยะเวลาการใช้งานและอายุของตัวการ์ดนั้นก็ใกล้เคียงกันทั้งหมด .. แม้ว่าการ์ดจอรุ่นดังกล่าวจะมีอายุกว่า 4 ปีแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในเรื่องประสิทธิภาพและฟีเจอร์ที่มันให้มา ก็ยังคงสามารถเล่นเกมในยุคปัจจุบันได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร ทำให้มันยังคงเป็นการ์ดจอที่ได้รับความนิยมสูงมากๆในหมู่ Gamer ทั้งหลาย
ปัญหาหลักๆที่เกิดขึ้นได้กับตัว RTX2080Ti เลยก็คือ Memory ของตัวการ์ดที่อยู่ใกล้กับ PCI-E Slot ซึ่งบริเวณนี้จะมีอาการ PCB Flex หรือว่า PCB งอมากที่สุด ทำให้เกิดแรงตึงทั้งกับชิป Memory และอุปกรณ์ใกล้เคียง ซึ่งพอใช้ไปนานๆเจอความร้อนสะสมต่อเนื่องก็อาจจะเคลื่อนที่หลุดออกมาได้ ซึ่งนาย KrisFix ก็แสดงให้เห็นชัดเจนถึงจุดที่มีคราบ Oxidation ตรง Contact Point และจุดบัดกรีที่หลุดออกมาด้วยเช่นกัน
สำหรับการซ่อมนั้น ก็สามารถทำได้ครับ เพราะนาย KrisFix เขาเป็นช่องสำหรับการซ่อมอุปกรณ์พวกนี้อยู่แล้ว เขาก็เลยมีความสามารถในการถอดและวางเม็ดแรมได้เป็นเรื่องปกติ แต่ก็อย่าลืมว่าการซ่อมการ์ดจอนั้นเป็นอะไรที่วัดดวงมาก ถ้าเจอช่างที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความเชี่ยวชาญก็อาจะซ่อมมาแล้วใช้ไม่ได้เหมือนเดิม หรืออาจจะเสียหายหนักกว่าเดิมก็เป็นได้ .. เพราะเช่นนั้นการป้องกันปัญหาที่ดีที่สุดตรงนี้ก็คงจะเป็นการใส่ที่ค้ำการ์ดจอนั่นแหละครับ
แม้ว่าตอนนี้รายงานของนาย KrisFix จะระบุรุ่นเป็น RTX2080Ti อย่างเดียว แต่ก็แน่นอนครับ มันสามารถเกิดขึ้นได้กับการ์ดจอทุกรุ่น ทุกตัว โดยเฉพาะกับรุ่นที่มีน้ำหนักมาก ซึ่ง RTX2080Ti นี่น่าจะเป็นตัวแรกของวงการการ์ดจอที่มีการเพิ่มน้ำหนักและความแน่นของตัวการ์ดเข้ามาอย่างก้าวกระโดดเทียบกับ Gen ก่อนหน้า ทำให้เราได้เริ่มเห็นปัญหาที่การ์ด Gen นี้ ทีนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงเลยว่าการ์ดรุ่นที่ใหม่กว่านั้น ก็มีโอกาสเจอปัญหาได้เช่นกันถ้าถีงอายุแล้ว ยิ่งกับการ์ดรุ่นใหม่ๆที่มีน้ำหนัก 1.5Kg ขึ้นไปแล้วด้วย
สำหรับตัวค้ำการ์ดจอเองก็เป็นอะไรที่ไม่ได้หายากซักเท่าไหร่ครับ ผู้ใช้สามารถ DIY เอาอุปกรณ์อะไรมาวางค้ำไว้เลยก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่ความสูงอยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่วนเรื่องหน้าตาและความสวยงามก็แล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละคนไป .. แต่สำหรับแบรนด์การ์ดจอที่ขายการ์ดแบบ Custom หลายๆเจ้าตอนนี้ ก็มีการแถมที่ค้ำการ์ดจอมาให้ในกล่องด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งอันนี้ผมก็แนะนำว่าควรหยิบออกมาใช้นะครับ จะได้ปลอดภัยต่อการ์ดจอราคาแพงที่คุณควักเงินไปซื้อมา
ข้อมูล : KrisFix , Tom's Hardware