สำหรับพอร์ตการเชื่อมต่อบนคอมพิวเตอร์ ถ้าถามว่าพอร์ตไหน "ล้ำ" ที่สุด ผมเชื่อว่าหลายๆคนต้องตอบว่า "Thunderbolt 3" อย่างแน่นอน ด้วยหน้าตาที่เป็น USB-C ธรรมดา แต่ความสามารถนั้นหลากหลายมาก .. และไม่ใช่แค่หลากหลายธรรมดา แต่ว่ามันดีในทุกด้านด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานหน้าตาของ USB-C ที่เสียบด้านไหนก็ได้, ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลระดับ 40Gb/s, ความสามารถในการชาร์จพลังงานได้ถึงระดับ 100W, ความสามารถในการต่อจอแสดงผลและนำสัญญาณภาพได้มากกว่าระดับ 4K, ต่อการ์ดจอ External Graphic Card, รวมไปถึงการต่อ Daisy Chain ให้หลายๆอุปกรณ์สามารถลิงค์กันกับตัวคอมพิวเตอร์ได้ในพอร์ตเดียว !
ในขณะที่ปีที่แล้ว คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่นั้นไม่มีพอร์ต Thunderbolt 3 เพราะว่ามันจำเป็นต้องมี Controller แยกตางหากจากทาง Intel ทำให้เป็นต้นทุนในการผลิตที่สูงขึ้น .. เราจึงเห็นพอร์ต Thunderbolt 3 นั้นมากับคอมพิวเตอร์และโน๊ตบุ๊คระดับ Hi-End เท่านั้น
ปีนี้ทาง Intel ก็พยายามชูโรง Thunderbolt 4 โดยที่จะใส่ Controller มาในชิพของ Tiger Lake เลย .. แต่สำหรับเรื่องสเปคนั้นก็อาจจะทำให้ใครหลายๆคนงงอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะหลักๆแล้วมันเหมือนกับ Thunderbolt 3 "แทบ" จะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเร็ว ที่ทำได้ราวๆ 40Gb/s เช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อวานนี้ Intel เองก็ได้ออกมาให้รายละเอียดเพิ่มเติมแล้วว่า Thunderbolt 4 นั้นมันดีกว่า 3 ยังไงบ้าง
อย่างแรกก็คือการรองรับความเร็ว 40Gb/s (เท่าเดิม) โดยใช้สายได้ยาว 2 เมตร , รองรับจอ 4K สองจอ แทนที่จะเป็นจอเดียว หรือรองรับจอ 8K ก็ทำได้หนึ่งจอ , อย่างน้อยพอร์ตนึงจะต้องรองรับการจ่ายพลังงานได้ที่ 100W สำหรับการชาร์จ Notebook , ตัว Docking จะต้องรองรับฟีเจอร์ Wake from Sleep , จะต้องมี DMA Protection เพื่อป้องกัน Thunderspy Attack
และถ้าเรามามองกันในส่วนของความเร็วกันแบบเจาะลึก ถึงแม้ความเร็วสูงสุดจะเท่ากัน แต่ PCIe ของ Thunderbolt 3 นั้นจะรองรับสูงสุดที่ 16Gb/s แต่ Thunderbolt 4 จะรองรับที่ 32Gb/s นั่นทำให้การใช้งานอุปกรณ์จะหลากหลายมากขึ้น และมีปัญหาเรื่องคอขวดน้อยลง
สรุปง่ายๆครับ Thunderbolt 4 ไม่ได้มีอะไรพัฒนาขึ้นจาก Thunderbolt 3 มากนัก สำหรับการใช้งานทั่วๆไป เพียงแค่ทาง Intel นั้นออกมาเพื่อคุมคุณภาพของมาตรฐานอุปกรณ์ต่างๆ เวลาผู้ใช้งานจะเลือกซื้อสายหรืออุปกรณ์มาใช้ แค่เห็นมาตรฐาน Thunderbolt 4 ก็อุ่นในได้ระดับนึงแล้วว่าต้องตอบโจทย์มาตรฐานล่าสุดได้อย่างแน่นอน ผิดกับตอนยุค Thunderbolt 3 ที่คุณภาพของสายและอุปกรณ์นั้นมีหลายระดับ ทำให้บางทีซื้อมาแล้วอาจจะใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพบ้าง .. งานนี้พอมาเป็นมาตรฐานใหม่ผู้ผลิตที่ชอบลักไก่ก็น่าจะผ่านมาตรฐานได้ยากขึ้นนั่นเอง / ส่วนคนที่ต้องการจะต่อจอแสดงผลความละเอียดสูงหลายๆจอ คุณอาจจะได้เห็นพอร์ต Thunderbolt 4 นี้บ่อยซักหน่อยครับ