รู้หรือไม่ว่าใน Windows 10 แม้คุณจะปิด Google Chrome ไปแล้วแต่มันจะยังคงทำงานต่ออยู่ในแบ็กกราวด์ซึ่งแน่นอนว่ามีการกันทรัพยากรระบบบางส่วนเอาไว้โดยเฉพาะหน่วยความจำ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพและทำให้โน้ตบุ๊กเปลืองแบตมากขึ้นด้วย
ส่วนเหตุผลที่ Google Chrome ยังทำงานอยู่ในแบกกราวนด์แม้เราจะปิดมันไปแล้วก็คือการคอยตรวจสอบการซิงโครไนซ์ข้อมูลของบริการต่างๆ ปลั๊กอินบางอย่างยังคงทำงาน การแจ้งเตือน Notification ต่างๆ แบบเรียลไทม์ รวมไปถึงการเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อคุณเรียกเปิดใช้งานอีกครั้ง ซึ่งถ้ามันไม่ได้จำเป็นสำหรับคุณซักเท่าไหร่ ต่อไปนี้คือวิธีการปิด Google Chrome แบบสมบูรณ์เพื่อป้องกันไม่ให้มันใช้ทรัพยากรระบบอยู่ในแบกกราวนด์จนส่งผลทำให้เครื่องช้า
- เปิด Google Chrome ขึ้นมาใช้งานตามปกติ
- คลิกปุ่มเมนู (รูปจุดสามจุดมุมบนขวา) หรือใช้คีย์บอร์ดชอร์ทคัต [ALT] + [E]
- เลือกคำสั่ง Settings
- ที่หน้าต่าง Settings คลิกปุ่ม Advanced ด้านล่างสุดของหน้าต่าง
- ที่แท็บ Advanced ให้ปิดออปชั่นการทำงาน “Continue running background apps when Google Chrome is closed” ภายใต้หัวข้อ System (ปิดโดยเลื่อนปุ่มให้แถบให้กลายเป็นสีเทา)
- รีสตาร์ท Google Chrome เพื่อให้การตั้งค่ามีผลสมบูรณ์ในการทำงานครั้งต่อไป
หลังจากนี้ ถ้าเราปิดการทำงานของ Google Chrome ก็จะหมายถึงปิดจริงๆ ไม่มีการแอบรันอยู่ในแบ็กกราวนด์คอยกินทรัพยากรระบบเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป