Ghostrunner เกมแนว Free Running สุดมันส์ พื้นหลังสไตล์ Cyberpunk

ลับคมดาบและเตรียมหัวใจคุณให้พร้อม สังหารศัตรูในพริบตาเดียว แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด... เกริ่นมาซะขนาดนี้ก็ไปดูกันดีกว่า ว่าในวันนี้เกมที่เราจะเอามาแนะนำให้ได้ชมกันจะน่าเล่นขนาดไหน กับตัวเกมที่ชื่อว่า Ghostrunner ผลงานเกมจากทีมผู้พัฒนาชื่อคุ้นหูอย่าง One More Level และ 3D Realms ที่ถึงจะเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการมาไม่นานก็ได้เสียงตอบรับและยอดการสั่งซื้อที่ค่อนข้างสูงลิ่วเลยทีเดียว ซึ่งในตอนนี้เปิดให้เล่นแล้วบนแพลตฟอร์ม PC, PS4, Xbox One และ Nintendo Switch

Ghostrunner เป็นเกมแนว Free Running แอ็คชั่นมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ผสมผสานกับความเป็น Hack and slash ที่จะให้ผู้เล่นวิ่งและปีนป่าย ตะลุยด่านไปตามเส้นทางต่าง ๆ และกำจัดศัตรูอย่างเมามันส์ด้วยการต่อสู้สุดระห่ำและรวดเร็ว ไปพร้อมกับอาวุธคู่ใจอย่างดาบ KATANA เท่ฝุด ๆ โชกโชนด้วยกราฟิกสุดสมจริง เอฟเฟกเลือดสาดแบบจัดเต็ม บรรยากาศเกมแนวไซไฟไฮเทคสไตล์ Cyberpunk ที่ออกแบบมาได้อย่างสวยงาม มาพร้อมเพลงประกอบสุดเร้าใจ การันตีงานภาพด้วย Unreal Engine 4

เนื้อเรื่องของ Ghostrunner จะเป็นเรื่องราวในโลกอนาคต เหตุการณ์หลังจากหายนะวันสิ้นโลก เนื่องจากการโดนคุกคามและทรัพยากรที่ลดน้อยลงทุกที ทำให้ผู้ที่อยู่รอดต้องออกมาต่อสู้กับกองทัพมนุษย์และหุ่นยนต์ และเผชิญหน้ากับศัตรูบนหอคอยชั้นสูงสุดที่ถูกเรียกว่า Keymaster เพื่อทวงคืนโลกให้กับมนุษยชาติ

ด้วยความเป็น Free Running ระบบการเล่นของเกมนี้จะเน้นไปที่การวิ่งไปตามเส้นทางต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดมาให้ในระยะสั้น ๆ โดยเราจะสามารถสไลด์ระหว่างวิ่ง , ไต่กำแพง , โหนสลิง และวิ่ง Dash ทำทุกอย่างได้ตามสไตล์เกมแนว Free Running ไปพร้อม ๆ กับการต่อสู้กับศัตรู ซึ่งเราจะต้องคอยกำจัดศัตรูให้หมดเพื่อผ่านไปยังด่านต่อ ๆ ไป ซึ่งการต่อสู้จะเป็นรูปแบบของการโจมตี 1 Hit เราสามารถกำจัดศัตรูได้จากการฟันดาบเพียงครั้งเดียว และศัตรูก็สามารถจัดการเราได้จากการยิงครั้งเดียวเช่นกัน แต่เราสามารถใช้ไหวพริบและความไวทำการหลบหลีกและปัดการโจมตีออกไปได้ แต่หากเราตายจากการโดนฆ่าหรือตกจากที่สูง ตัวเกมก็จะให้เรากลับไปเกิดที่จุด Checkpoint ได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะพอใจ ( ไปให้สุดแล้วหยุดที่หัวร้อนนนน ) ซึ่งในส่วนของการควมคุมและ Interface ต่าง ๆ ภายในเกมไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แต่ก็ต้องแอบมีความเชี่ยวชาญสักนิดนึงถึงจะพริ้ว

และถึงแม้ว่าตัวเกมจะออกแบบมาเพื่อเล่นแบบ Single-player ( ผู้เล่นคนเดียว ) แต่ก็ยังคงจุดเด่นที่ผู้เล่นสามารถเพิ่มความท้าทายให้กับตัวเองโดยการทำเวลาให้ดีที่สุดและจำนวนการตายน้อยที่สุด เพื่อไปโชว์สถิติของตัวเองบน LEADERBOARDS ให้ชาวโลกได้เห็น

สำหรับใครที่อยากจะเข้าไปทดสอบระบบเกมเบื้องต้น ทางทีมผู้พัฒนาก็จัดตัวเกมในเวอร์ชั่น Demo แบบ Free-to-play มาให้ผู้เล่นได้ทำการลองเล่นและตัดสินใจก่อนกดหยิบตัวเกมเวอร์ชั่นจริงใส่รถเข็นอีกด้วย ซึ่งในเวอร์ชั่น Demo จะมีให้เล่นเพียง 2 ด่านเท่านั้น แต่บอกได้เลยว่าแค่ 2 ด่านก็ทำคนรีวิวกลายเป็นคนฮ็อต ๆ ไปได้สักพักเลยแหละ ( ฮ็อตเฮด ) ซึ่งหลังจากได้เข้าไปลองเล่นก็ขอบอกเลยว่าเป็นเกมที่สนุกมากเลยทีเดียว ทั้งกราฟิกการเคลื่อนไหวของตัวละครที่ทำออกมาได้ลื่นไหลสุด ๆ บรรยากาศเกมสีสันสดสวย และเพลงประกอบที่เข้ากันไปซะหมด แต่ในส่วนของระบบการเล่น และเส้นทางบางส่วนอาจจะแอบยากเกินไปสักหน่อยสำหรับเกมเมอร์ที่ไม่ค่อยได้เล่นเกมแนวนี้ และหากเล่นไปนาน ๆ ก็อาจจะทำให้เวียนหัวหน่อย ๆ แต่โดยรวมถือว่าเป็นเกมที่สนุกควรค่าแก่การซื้อติดเครื่องไว้จริง ๆ

ราคา : 899 บาท