อย่างที่รู้ๆกันครับ ช่วงนี้ปัญหาหนักที่สุดของวงการไอทีและเทคโนโลยีก็คือเรื่อง "ชิปขาดตลาด" ชิปในที่นี้ก็หมายถึงพวกชิปประมวลผลในอุปกรณ์ยุคใหม่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นของคอมพิวเตอร์เอง หรือจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆที่มีการประมวลผลก็ตาม .. ผลกระทบโดยตรงก็คือ สินค้าหายากขึ้น และถ้าหาได้ก็อาจจะต้องเจอราคาที่ขยับขึ้นตามกลไกตลาดของ Demand และ Supply
แต่ถ้าคุณคิดว่า Chip ขาดตลาดเป็นเรื่องที่แย่แล้ว วันนี้มีเรื่องที่แย่กว่านั้นมาเล่าให้ฟังอีกครับ ! ตอนนี้อุปกรณ์ Passive Component ที่เกี่ยวข้องอย่างเช่นพวก Capacitor, Resistor, Inductor หรืออื่นๆก็เจอปัญหาขาดตลาดไปแล้วด้วยเช่นกัน !
ปัญหานี้เกิดจาก Lockdown ที่เกิดขึ้นที่ Malaysia และ Indonesia ซึ่งสองแห่งนี้ก็เป็นแหล่งผลิต Capacitor คุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็น Chemi-Con, Nichicon, และ Rubycon .. โรงงานเหล่านี้ก็จำเป็นต้องหยุดผลิตไปในช่วงเดือน 6 ถึง เดือน 8
ทีนี้อาจจะมีคำถามว่า แค่ Capacitor เนี่ยนะ ? ผลิตจากโรงงานอื่นหรือเอาเข้าจากที่อื่นไม่ได้เหรอ? คำตอบก็คือ ได้ครับ แต่สามเจ้าด้านบนที่เขียนไปเนี่ย คุม Supply ของ Capacitor ราวๆ 50% ในตลาดเลยทีเดียว เพราะเช่นนั้นต่อให้เอาจากที่อื่นได้ ก็ต้องยอมรับว่าจำนวนของในตลาดนั้นหายไปเยอะมาก .. ซึ่งจากการคาดการณ์แล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงกว่าจำนวนโดยรวมของ capacitor อาจจะลดลงราวๆ 30-60%
ในขณะเดียวกัน ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนคอมพิวเตอรหรืออุปกรณ์เกี่ยวกับพลังงานทางเลือก ก็สวนทางกับวัสดุสำหรับผลิตที่มีอยู่ในตลาด .. ทำให้ตอนนี้บริษัทหลายๆแห่งจำเป็นต้องไปพึ่งโรงงานในประเทศไต้หวันและจีนแทน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ของเลยนะครับ เพราะของพวกนี้มันต้องสั่งจองกันก่อน ซึ่งเมื่อก่อนระยะเวลาการสั่งล่วงหน้านั้นจะอยู่ที่ประมาณ 4-6 อาทิตย์ แต่หลังจากเกิดปัญหาขาดแคลนก็กลายเป็น 3-6 เดือนแทน และนี่คือคุณต้องโชคดีแล้วด้วยนะ ถึงจะได้ระยะเวลานี้ ! ซึ่งทางสื่ออย่าง DigiTimes เองก็ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า อัตราการเติบโตของผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านี้ของไต้หวัน มีการเติบโตทางรายได้แบบ YoY เพิ่มขึ้น 20% หรือมากกว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2021 (กลายเป็นเรื่องดีไป)
แม้ว่าจะเป็นผลดีสำหรับบริษัทสัญชาติไต้หวัน แต่ถ้าสถานการณ์ในมาเลเซียและอินโดนีเซีย ยังดำเนินต่อไปแบบนี้ก็อาจจะมีผลกระทบกับราคาของเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกรูปแบบ .. แต่จากการคาดการณ์แล้ว ถ้าสองประเทศนี้กลับมาดำเนินงานตามปกติได้เร็ว ปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์เหล่านี้ก็อาจจะดีขึ้นภายในสิ้นปี 2021 นี่แหละครับ
ข้อมูล : TechPowerUp