จากที่มีข่าวลือมาหลายเดือน วันนี้ NVIDIA ก็เปิดตัว GeForce RTX40 SUPER รุ่น Refresh อย่างเป็นทางการซะทีครับ มาถึงตอนนี้เราคงไม่ต้องเท้าความอะไรกันมากแล้ว ไปดูในเรื่องของรายละเอียดและสเปกเลยดีกว่า
รุ่นแรกที่เข้าสู่ตลาดเลยก็คือ RTX4070 SUPER โดยจะวางขายวันที่ 17 มกราคม ด้วยราคา $600 ซึ่งเป็นราคาเดียวกับ RTX4070 รุ่นมาตรฐาน ตอนเปิดตัว ส่วนตัว RTX4070 มาตรฐานก็ยังไม่ได้เลิกขายแต่อย่างใด แต่ว่าจะลดราคาลงไปอยู่ที่ $550 แทน .. ทางด้านรายละเอียดของสเปกภายในคร่าวๆก็คือ มันจะใช้ Silicon รหัส AD104 คล้ายกับตัว RTX4070 และ RTX4070Ti แต่จะมีรายละเอียดที่ใกล้กับตัว RTX4070Ti มากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX4070 แล้ว ตัวนี้จะการเพิ่ม Streaming Multiprocessor จาก 46 ไปเป็น 56 และมาคู่กับ CUDA Core จำนวน 7,168 หน่วย ซึ่งน้อยกว่า RTX4070Ti ที่มี SM ที่ 60 หน่วยและ CUDA Core 7,680 หน่วย อยู่เล็กน้อยเท่านั้น ทางด้าน Memory ก็จะใช้ 12GB GDDR6X บน Bus 192-bit เหมือนกันกับ RTX4070
ส่วนด้านประสิทธิภาพที่ถูกนำเสนอออกมานั้น NVIDIA ก็เอาไปเทียบกับตัว RTX3070 และ RTX2070 เพื่อให้กราฟนั้นดูอลังการและแตกต่างชัดเจนมากขึ้น แต่ก็ยังมีการเปรียบเทียบให้เห็นกับตัว RTX4070 และ RTX4070Ti อยู่เหมือนกัน โดยจากที่เห็นเลยก็คือ RTX4070 SUPER นั้นจะแรงขึ้นกว่า RTX4070 อยู่ราวๆ 15% และจะด้อยกว่าตัว RTX4070Ti อยู่ 5% อันนี้ถึงแม้ว่าจำนวน Core Config จะสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 20% แต่ประสิทธิภาพไม่ได้เพิ่มขึ้นมากขนาดนั้น คงจะเป็นเพราะว่า Memory Bandwidth นั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิมแต่อย่างใด
โดยรวมสำหรับ RTX4070 Super ก็คือ NVIDIA นั้นเปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ ในกลุ่มราคา $600 ซึ่งมีความแรงมากขึ้น 15% เพราะเช่นนั้นมันจะเป็นคู่แข่งที่ดีของ AMD Radeon RX7800XT ส่วนตัว RTX4070 ธรรมดาก็ราคาลงไปอีก อันนี้ก็ต้องมารอดูกันครับ ว่าพอเข้าไทย เป็นรูปแบบการ์ดแบรนด์แล้ว ความแตกต่างของราคาจะอยู่ประมาณไหน คุ้มกับ % ของความแรงที่เพิ่มขึ้นหรือเปล่า
รุ่นถัดมาก็จะเป็น RTX4070Ti SUPER ที่จะวางจำหน่ายวันที่ 24 มกราคม ด้วยราคา $800 โดยจะมาแทนที่ RTX4070Ti รุ่นมาตรฐานอย่างสมบูรณ์ รุ่นเดิมก็จะเลิกขายไปด้วยเช่นกัน ซึ่งรายละเอียดก็จะประกอบไปด้วย GPU รหัส AD103 ที่มาแทน AD104 และครั้งนี้ Memory ก็จะมีการอัปเกรดอย่างชัดเจน เปลี่ยนไปใช้ 256-bit Interface กับขนาด 16GB GDDR6X เพิ่มขึ้นจาก 12GB ในรุ่นก่อนหน้า โดยอันนี้ก็จะมี Memory Bandwidth เพิ่มขึ้น 33% แต่ก็อาจจะยังตามหลังตัว RTX4080 รุ่นมาตรฐานอยู่ เพราะว่า Clock ของ Memory ในรุ่นนี้นั้นไม่สูงเท่า
ว่ากันด้วยพื้นฐานจริงๆแล้ว AD103 ที่ใช้ใน RTX4070Ti Super ก็จะเป็น AD103 ที่เอามาหั่นสเปกออก แต่ก็แน่นอนว่ามันจะต้องมี Core จำนวนมากกว่า AD104 ที่มากับ 4070Ti ตัวแรก โดยครั้งนี้จะมี SM ทั้งหมด 66 หน่วย CUDA Core 8,778 หน่วย เพิ่มขึ้นจากเดิม 10% แต่ TGP จะอยู่เท่าเดิมที่ 285W .. ส่วนความแรง NVIDIA ก็เคลมว่ารุ่นนี้น่าจะแรงขึ้นกว่าตัว RTX4070Ti เฉยๆประมาณ 10% ส่วนเมื่อเทียบกับ RTX4080 แล้ว ตัวนี้จะมี SM น้อยงมา 13% และ Memory Bandwidth น้อยลงมา 6% เพราะเช่นนั้นถ้ามันจะตามหลัง RTX4080 แบบไม่ห่างก็คงไม่ได้แปลกอะไรมาก
ทีนี้คำถามก็คือมันจะแข่งกันในเรื่องราคากับ RTX4070 SUPER และ AMD Radeon RX7900XT ได้ยังไงบ้าง เพราะแม้ว่าความแรงจะสูงกว่า RTX4070 SUPER อยู่ 20-25% แต่ราคานั้นจะสูงกว่า 33% เลย .. แต่อันนี้ก็ต้องยอมรับครับ ว่าสำหรับสินค้าที่ยิ่งอยู่กลุ่มบนเท่าไหร่ ความแตกต่างของราคาและประสิทธิภาพก็จะน้อยลงไปเท่านั้น ประมาณว่าความคุ้มค่าอาจจะไม่ใช่ปัจจัยหลักของ Segment บนๆแล้ว
สุดท้ายก็จะเป็น GeForce RTX4080 SUPER ตัวนี้จะมีการเปิดตัวมาวันที่ 31 มกราคม ด้วยราคา $1000 และการเปลี่ยนแปลงภายในเทียบกับตัวก่อน SUPER แล้วอาจจะดูไม่ค่อยอลังการเท่าไหร่ โดยตัว RTX4080 มาตรฐานก็จะถูกยกเลิกวางขายไปด้วยเช่นกัน
สเปกภายในมันจะยังคงใช้ Silicon รหัส AD103 ปลดล๊อคสเปกเต็ม มี SM ทั้งหมด 80 หน่วย และ CUDA ทั้งหมด 10,240 หน่วย ส่วน Memory เราก็จะยังได้ GDDR6X ขนาด 16GB แต่ความเร็ว Frequency สูงขึ้นเล็กน้อย (23Gbps) ส่วนความแรงทาง NVIDIA ก็เคลมว่ามันจะเพิ่มขึ้นกว่าตัว RTX4080 รุ่นมาตรฐานอยู่ราวๆ 3% เท่านั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ เพราะว่าภายในด้าน Hardware แทบไม่มีอะไรแตกต่างกัน
แต่สิ่งที่แตกต่างจริงๆที่ทำให้มันน่าสนใจก็คือราคาครับ เพราะ RTX4080 รุ่นมาตรฐานเปิดตัวมาที่ $1200 เพราะเช่นนั้นก็เท่ากับว่า NVIDIA ขายการ์ดตัวใหม่ ที่แรงกว่า 3% ในราคาที่ถูกลง 17% .. แต่ถึงแม้ว่า $1000 จะยังไม่ใช่การ์ดจอที่ราคาคุ้มค่าจับต้องได้ แต่ยังไงมันก็ดีกว่า $1200 ที่เราเห็นกันในตัว RTX4080 ก่อนหน้าอยู่หลายขุมแหละนะ ต่อให้ความแรงจะไม่ต่างจากเดิมมากก็เถอะ
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการ์ดรุ่นไหนที่เราพูดถึงมา อันนี้ก็เป็นข้อมูลอย่างเป็นทางการของ NVIDIA เท่านั้น พอมาถึงประเทศไทยในรูปแบบการ์ดแบรนด์ เราก็ต้องมาดูกันอีกทีครับ ว่าความแตกต่างด้านราคากับประสิทธิภาพนั้นจะเป็นยังไง และตัวไหนจะเป็นตัวที่คุ้มที่สุด ไม่สามารถเอาราคาเปิดตัวและสเปกที่เคลมกันบนกระดาษมาสรุปได้อย่างเดียว เพียงแค่ดูไว้เป็น Guideline ได้เฉยๆครับ