WinRAR ในอดีตเคยเป็นแอปยอดฮิตติดเครื่องของใครหลายๆคนเลย เพราะมันมีความสามารถในการบีบอัดไฟล์ ตั้งรหัสผ่านให้ไฟล์ หรือ ที่ใช้บ่อยสุดสมัยก่อนเลยก็คือ การแบ่ง Part ให้ไฟล์ขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็นหลายๆไฟล์ จะได้อัปโหลดลงเว็บฝากไฟล์ที่จำกัดตัวขนาดได้ .. แต่ตอนนี้เราได้เห็นเว็บฝากไฟล์หรือการโอนถ่ายไฟล์ขนาดใหญ่ทำได้ในครั้งเดียว ไม่ต้องมาแบ่งเป็น Part เหมือนสมัยก่อนแล้ว จำนวนผู้ใช้จึงหายไปเยอะ แต่ก็ยังคงมีคนใช้อยู่นั่นแหละนะ
สำหรับใครที่ใช้อยู่ ก็แนะนำให้ไปอัปเดทเป็นเวอร์ชั่น 6.23 ด้วยนะครับ เพราะตัว WInRAR เวอร์ชั่นก่อนหน้านั้น ถูกรายงานโดย YouTuber ที่ชื่อว่า Beeping Computer ว่ามีช่องโหว่ (Vulnerability) ในระดับอันตราย (High-Severity) CVE-2023-40477 ซึ่งสามารถทำให้ผู้ไม่หวังดีสั่ง Arbitrary Code Execution ได้ ถ้าหากผู้ใช้งานนั้นเกิดหลงกลไปเปิดไฟล์ RAR ที่ถูกผู้ไม่หวังดีลงไว้
Security Researcher ที่ชื่อว่า Goodbyeselene เป็นผู้ค้นพบช่องโหว่ดังกล่าวและได้รายงานให้กับผู้พัฒนา WinRAR ไปแล้วในช่วงเดือนมิถุนายน จนกระทั่งวันที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา WinRAR ก็ได้ปล่อยอัปเดทเวอร์ชั่น 6.23 ออกมาแก้ไข และหลังจากนั้นวันที่ 17 สิงหาคม ก็ได้มีข่าวเกี่ยวกับช่องโหว่ดังกล่าวออกมาให้คนได้ทราบกัน
ช่องโหว่นี้จะทำงานก็ต่อเมื่อผู้ใช้นั้นกดเปิดไฟล์ WinRAR ที่ผู้ไม่หวังดีตั้งใจสร้างขึ้นมา เพื่อเป็นการเปิดช่องโหว่ดังกล่าว แต่สำหรับใครที่ไม่ได้โหลดไฟล์ RAR มั่วๆมาหรือใช้งานเฉพาะไฟล์ที่รู้จักอยู่แล้ว ก็สามารถใช้งานได้ปกติโดยที่ไม่ต้องกังวลอะไรครับ ... แต่ถ้าให้สบายใจก็อัปไว้หน่อยก็ดี เพราะทุกวันนี้ช่องโหว่มันสามารถมาได้ทุกรูปแบบจริงๆ
คำตามต่อมาคือ WinRAR นั้นใกล้จะถึงจุดจบหรือยัง .. อันนี้หลายๆคนน่าจะทราบแล้วตั้งแต่ประมาณเดือน 5 ว่า Windows 11 เวอร์ชั่นใหม่จะมีการรองรับการใช้งานไฟล์ RAR แบบ Native ในตัว Windows เองเลย เหมือนกับที่เราได้ใช้ไฟล์ ZIP โดยไม่ต้องลง WinZIP นั่นแหละครับ .. อันนี้ก็เป็นผลมาจากการเอา Open-Source Project อย่าง Libarchive เข้ามาใช้กับ File Explorer ทำให้ต่อไปนี้ Windows File Explorer เองจะสามารถใช้งานไฟล์ที่ถูกบีบอัดได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็ฯ lha, pax, tar, tgz, 7z และ rar เอง .. ซึ่งตอนนี้ใน Developers Update ก็มีให้ใช้งานกันแล้ว ส่วนคนส่วนใหญ๋นั้นก็น่าจะได้ใช้กันในช่วงเดือนหน้านี้แหละ