Microsoft Windows 10 จัดว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับการยอมรับว่าดีและเสถียร ถึงขั้นที่บางคนที่อัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ ยอมอยู่กับ Windows 10 ต่อไปยาวๆกันเลยทีเดียว แต่ข่าวร้ายก็คือ Microsoft นั้นจะยุติการ Support ตัว Windows 10 นี้ในช่วงตุลาคม 2025 นี้ นั่นหมายความว่าพวก Security Patch ต่างๆก็จะหมดสิ้นไปหลังจากตอนนั้นด้วย ทำให้ Windows 10 เป็นระบบปฏิบัติการที่อาจจะมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย จนผู้ใช้ต้องเลิกใช้ไปเองนั่นแหละ
ล่าสุดนี้เราได้รับรายงานมาว่า 0patch (Zero Patch) ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับแพทช์ความปลอดภัยของซอฟท์แวร์ต่างๆ ได้มีการออกมาเสนอทางเลือกสำหรับผู้ใช้ Windows 10 ให้สามารถอัปเดทต่อได้ แม้ว่าจะยุติการ Support อย่างเป็นทางการจาก Microsoft แล้ว โดยจะสามารถอัปได้ยาวๆถึงปี 2030 หรืออีก 5 ปีต่อจากที่ Microsoft ยุติการซัพพอร์ต
หลักการทำงานของ Patch ตัวนี้ก็จะเป็น Unofficial Patch นะครับ โดยตัว Patch จะมาในลักษณะ Micropatch ขนาดเล็กที่จะประกอบไปด้วยชุดคำสั่งของ CPU ไม่กี่ตัว .. ส่วนการทำงานของมันก็ไม่ใช่ว่าจะไปแพทช์เข้าใน Windows นะครับ แต่จะเป็น Process ที่รันอยู่ใน Memory นั่นแปลว่าตัวไฟล์ของ Microsoft Windows จะไม่ถูกยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด และข้อดีของวิธีก็คือมันสามารถ Deploy อัปเดทได้ทันทีโดยไม่ต้อง Reboot หรือขัดการทำงานของผู้ใช้งาน .. ยกตัวอย่างเช่น พนักงานกำลังทำงานสำคัญอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องหยุดงานที่ทำเพื่อ Reboot เหมือนตอนที่กำลังทำ Windows Update ปกติ และถ้าเป็นเครื่อง Server ที่ต้องมี Uptime ตลอดเวลา ไม่สามารถ Reboot ได้ ก็จะได้ประโยชน์ตรงนี้ไปเต็มๆครับ
แต่เรื่องราคาก็อาจจะทำให้สะดุ้งได้เหมือนกัน คือในช่วงปีแรก (ตุลาคม 2025-2026) ผู้ใช้จะต้องจ่ายราคาที่ $61 หรือ 22xx บาท และปีต่อมา (ตุลาคม 2026-2027) ราคาจะขึ้นไปที่ $122 หรือ 44xx บาท ปีต่อมา (2027-2028) ราคาจะขึ้นไปที่ $244 หรือ 89xx บาทเลย ก็คือง่ายๆครับว่าราคาขึ้นเท่าตัวทุกปีที่ยังต้องการใช้ต่อ
ถามว่าคุ้มมั้ย อันนี้แล้วแต่การใช้งานของคนเลยครับ สำหรับคนทั่วไปอาจจะดูแพง แต่ถ้าคุณยอมจ่ายตัวเลขเท่านี้ เพราะต้องการใช้ Windows 10 และห่วงเรื่องความปลอดภัยจริงๆ อันนั้นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ส่วนถ้าเป็นระดับองค์กร ที่จำเป็นต้องใช้ Windows 10 เพื่อให้ทำงานได้อย่างไม่มีสะดุด อาจจะเป็นตัวเลขที่เหมาะสมก็ได้ครับ
แต่ถ้าไม่อยากจ่ายเงินก็มีตัวเลือกฟรีให้เหมือนกัน แต่อันนี้จะเป็นการแก้ช่องโหว่ Zero-Day เท่านั้น และก็จะมีเวอร์ชั่น Pro และ Enterprise เข้ามาที่ราคา 25 และ 35 Euro ซึ่งตัว Pro จะได้แพทช์มากขึ้นมานิดหน่อยนอกจากตัว Zero Day และ Enterprise ก็จะได้ฟีเจอร์เพิ่มเติมอย่างตัว Silent Run, Central Management, และการใช้งานหลาย User โดยจะสามารถควบคุมเครื่องได้หลายเครื่องด้วย .. แต่ถ้าอยากได้ฟีเจอร์แบบครบที่สุดก็จะต้องไปจ่ายตามเรตราคาที่ขึ้นแบบปีละสองเท่าอย่างที่ว่าไปตอนแรกนั่นแหละครับ
ส่วนจะรองรับต่อจาก 2030 อีกหรือไม่นั้น อันนี้ขึ้นอยู่กับว่ามีความต้องการมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีก็อาจจะได้ไปต่ออีกครับ แต่ถ้าความต้องการน้อย บริษัทก็อาจจะไม่ลงทุนพัฒนาตรงนี้เพิ่มเติมครับ
ข้อมูล : TechPowerUp