ก่อนหน้าที่ TSMC จะประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ไฟของ “สงครามชิปสหรัฐ–จีน” ก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ปักกิ่งประกาศเข้มงวดกฎควบคุม การส่งออกแร่หายาก (Rare Earths) อีกระดับ โดยระบุว่าชิ้นส่วนและวัสดุที่เกี่ยวข้องกับ เซมิคอนดักเตอร์และ AI ต้องผ่านการตรวจสอบ “รายกรณี (case-by-case)” จากทางการจีนก่อนส่งออก
ตามประกาศของ กระทรวงพาณิชย์จีน (MOFCOM) กฎใหม่นี้ครอบคลุมถึง
-
ชิป logic ขนาด 14nm หรือต่ำกว่า
-
หน่วยความจำ 256 ชั้นขึ้นไป (256-layer+)
-
อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
-
และเทคโนโลยี AI ที่มีศักยภาพนำไปใช้ทางทหาร
ที่สำคัญคือ สินค้าที่ผลิตในต่างประเทศใด ๆ ก็ตามที่มี ส่วนผสมของแร่หายากจากจีน ≥ 0.1% เช่น แม่เหล็ก Samarium-Cobalt, Neodymium-Iron-Boron, Cerium magnets หรือ rare-earth alloys จะต้องขอใบอนุญาตส่งออกก่อนทุกครั้ง
ผลกระทบต่อโรงงานผลิตชิป (Foundries): ความไม่แน่นอนของอุปกรณ์และวัตถุดิบ
รายงานจาก Commercial Times ระบุว่า โรงงานผลิตชิปส่วนใหญ่ยังมองว่าผลกระทบในระยะสั้นอาจไม่รุนแรง แต่ความเสียหายระยะยาวจะขึ้นอยู่กับการปรับตัวของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า
-
วัสดุบางชนิดจะเริ่ม ขาดแคลนและมีราคาแพงขึ้น
-
ระยะเวลาส่งมอบอุปกรณ์และชิ้นส่วนจะ ยืดออก ส่งผลต่อแผนการผลิตในอนาคต
Bloomberg เสริมว่า มาตรการใหม่นี้อาจกระทบต่อ 2 กลุ่มหลักคือ
1. ผู้ผลิตชิปที่ใช้สารเคมีจากแร่หายากในขั้นตอนการผลิตเวเฟอร์
2. ผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้แม่เหล็กแร่หายากในระบบขับเคลื่อน
รายงานยังชี้ว่า มาตรการนี้อาจทำให้การส่งมอบเครื่อง EUV Lithography ล่าช้า เพราะระบบดังกล่าวต้องใช้ แม่เหล็กถาวรแร่หายาก ในมอเตอร์ DC และระบบลอยตัวแม่เหล็ก (Magnetic Levitation) ซึ่งจำเป็นต่อความแม่นยำระดับนาโนเมตร
นอกจากนี้ แร่หายากยังสำคัญในกระบวนการ Ion Implantation และ CMP (Chemical Mechanical Polishing) อีกด้วย โดย Commercial Times ระบุว่า หากจีนจำกัดการส่งออก Cerium ก็จะกระทบต่อการใช้ Cerium Oxide (CeO₂) ซึ่งเป็นสารหลักในน้ำยาขัดเวเฟอร์ที่ยากจะหาทดแทน
South China Morning Post (SCMP) ยังรายงานเพิ่มเติมว่า นักวิเคราะห์บางรายเผย TSMC ยังคงพึ่งพาวัตถุสิ้นเปลืองจากจีนราว 30% สำหรับกระบวนการผลิตชิป 7nm ลงไป ซึ่ง TSMC เองก็ได้ระบุไว้ในเอกสารทางการเงินว่า “ความไม่สามารถจัดหาวัตถุดิบสำคัญได้ในระยะสั้นหรือระยะยาว” ถือเป็นหนึ่งในความเสี่ยงทางธุรกิจที่ต้องจับตา
ผู้ผลิตอุปกรณ์ชิป (ASML) เตรียมรับแรงกระเพื่อม
ASML ซึ่งเป็นผู้นำตลาดเครื่อง Lithography สำหรับการผลิตชิประดับสูง อาจได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะหลายส่วนของเครื่องต้องใช้แร่หายากจากจีน
รายงานของ Bloomberg ระบุว่า การส่งมอบเครื่องของ ASML อาจ ล่าช้าไปหลายสัปดาห์ จากข้อจำกัดใหม่ในการนำเข้าแร่ ขณะที่ Commercial Times เสริมว่า ASML กำลังเตรียมแผนสำรองโดยร่วมมือกับพันธมิตรใน เนเธอร์แลนด์และสหรัฐฯ เพื่อหาทางจัดหาวัสดุทดแทน
ภาคหน่วยความจำและสตอเรจ (Memory & Storage) ก็โดนด้วย
มาตรการควบคุมใหม่นี้ยังอาจกระทบต่ออุตสาหกรรม หน่วยความจำ NAND และฮาร์ดดิสก์ (HDD) โดยเฉพาะส่วนประกอบที่ใช้แม่เหล็กหายาก
รายงานของ Tom’s Hardware ชี้ว่า HDD ต้องใช้ voice-coil actuators และ spindle motors ที่พึ่งพาแม่เหล็กแร่หายากเพื่อรักษากำลังแม่เหล็กในอุณหภูมิสูง เมื่อจีนเข้มงวดการส่งออก ผู้ผลิตชิ้นส่วนเหล่านี้จะเริ่มเผชิญแรงกดดันด้านต้นทุนและซัพพลาย
สำนักวิจัย TrendForce ยังระบุว่า มาตรการนี้อาจกระทบโดยตรงต่อการผลิต HDD ของ Seagate และ Western Digital (WDC) เพราะมอเตอร์หลักของพวกเขาใช้แร่หายากเป็นส่วนประกอบสำคัญ
ด้าน SCMP ก็ระบุว่า Samsung อาจได้รับผลกระทบจากการผลิต V-NAND รุ่นที่ 9 ซึ่งอาจล่าช้าออกไป 1–2 ไตรมาส เนื่องจากบริษัทเพิ่งใช้วัสดุ sputtering target จากจีนในการผลิต V-NAND แบบ 300 ชั้น ทำให้ต้องเร่งปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่โดยเร็ว
โดยรวมแล้ว มาตรการของจีนครั้งนี้อาจเป็น “หมากใหม่” ในสงครามเทคโนโลยี ที่ส่งแรงสะเทือนไปทั่วโลก ตั้งแต่ TSMC, ASML, Samsung ไปจนถึงผู้ผลิต HDD อย่าง Seagate และ WDC — ทุกฝ่ายต้องเตรียมพร้อมรับมือกับ “คลื่นความไม่แน่นอน” ของห่วงโซ่อุปทานระดับโลกที่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น.
ที่มา: TrendForce