การมาถึงของเทคโนโลยี 5G นั้นได้สร้างความคาดหวังอย่างมากในประเทศต่างๆทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความคาดหวังต่อนวัตกรรมที่มีศักยภาพที่จะเป็นไปได้ต่อเมื่อมี 5G เข้าสู่ภูมิภาค บริษัทโทรคมนาคม รวมถึงบริษัทด้านสื่อและเทคโนโลยีต่างต้องการที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เทคโนโลยี 5G นั้นเอื้อประโยชน์ รวมถึงความได้เปรียบในการแข่งขันจากการเป็นผู้บุกเบิกในตลาด
ศักยภาพขนาดใหญ่ของ 5G อาจดูเห็นได้ชัดอยู่แล้ว แต่มันเป็นกระสุนเงินที่จะฟื้นฟูพลังที่จำเป็นมากให้กับภาคการสื่อสารโทรคมนาคมหรือไม่ คำตอบคือไม่ อย่างแน่นอน
ศักยภาพขนาดใหญ่ของ 5G อาจดูเห็นได้ชัดอยู่แล้ว แต่มันเป็นกระสุนเงินที่จะฟื้นฟูพลังที่จำเป็นมากให้กับภาคการสื่อสารโทรคมนาคมหรือไม่ คำตอบคือไม่ อย่างแน่นอน
สำหรับในประเทศไทย บริษัทโทรคมนาคมเริ่มลังเลที่จะลงทุนเงินจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับการพัฒนา 5G อย่างไรก็ตาม ภาครัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการตัดสินใช้มาตรา 44 ที่ทำให้ทั้งผู้ให้บริการโทรคมนาคม และผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน และมีช่องว่างในการปรับตัวให้เข้ากับเศรษฐกิจดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่นั้นมาผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือของประเทศสามราย ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS), บริษัท ทรูคอร์ป จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ลแอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC) ได้ประกาศการมีส่วนร่วมในการจัดสรรใบอนุญาตสามใบสำหรับคลื่นความถี่ 700 MHz รัฐบาลไทยหวังที่จะดำเนินการต่อไปกับโครงการ 5G ทดสอบความร่วมมือภาครัฐและเอกชน ที่เปิดตัวเมื่อต้นปีนี้ระหว่างดีแทค ทีโอทีและบมจ. กสทโทรคมนาคม ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
มองให้ลึกเกินกว่าฉากหน้า
ในการที่จะเข้าใจว่าโอกาส 5G อยู่ที่ใด เราต้องเข้าใจความท้าทายที่ซับซ้อนที่บริษัทโทรคมนาคมเผชิญหน้าเสียก่อน นี่คือวงการที่มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา รายได้นั้นไม่หวือหวา เนื่องจากผู้บริโภคต้องการข้อมูลมากขึ้นในราคาคงที่ตามสภาพตลาดที่มีการแข่งขันสูง การให้ข้อมูลนี้มีค่าใช้จ่ายมากขึ้นสำหรับบริษัทโทรคมาคม ซึ่งกระทบต่อรายได้ต่อหนึ่งผู้ใช้ (ARPU) ที่ฟาดฟันให้สูงขึ้น
ในขณะเดียวกัน บริการโทรคมนาคมหลัก เช่น การโทร การส่งข้อความ และการโทรผ่านวิดีโอกำลังถูกกัดเซาะโดยผู้เล่นอันดับต้น ๆ (OTT) เช่น Facebook และ LINE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการส่งข้อความโต้ตอบแบบทันทีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย
อย่างไรก็ตามการพังทลายของบริการไม่ได้เป็นเพียงจุดเดียวที่บริษัทโทรคมนาคมกำลังถูกคุกคามจากผู้เล่น OTT Facebook, Amazon, Netflix และ Google หรือ กลุ่ม FANGs ตามที่รู้จักกันโดยทั่วไป ได้สร้างบริการใหม่ที่เป็นนวัตกรรมใหม่อย่างกว้างขวาง โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่มีอยู่ เมื่อพูดถึงเนื้อหาวิดีโอ การช็อปปิ้ง หรือการสื่อสารแบบดั้งเดิมแล้ว ผู้เล่นรุ่นใหม่เหล่านี้เป็นเจ้าของส่วนลูกค้าสัมพันธ์ ซึ่งลดบริษัทโทรคมนาคมให้เหลือเพียงกระบวนการทางสินค้าที่มีกำไรต่ำ
โอกาสของ 5G
เมื่อคำนึงถึงปัจจัยเบื้องต้นนี้ ธุรกิจโทรคมนาคมต้องการความเข้าใจที่ชัดเจนว่านวัตกรรม 5G สามารถช่วยพวกเขาฟื้นฟูความมั่งคั่งได้อย่างไร การอัพเกรดเครือข่ายเพื่อให้ความสามารถ 5G นั้นเป็นงานที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นจึงต้องมีตัวอย่างทางธุรกิจที่ชัดเจนในการลงทุน
โชคดีที่ความเร็วในการดาวน์โหลดเทียบเท่าบรอดแบนด์ และความหน่วงแฝงต่ำที่ 5G สัญญาไว้นั้นถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ บริษัทโทรคมนาคมในประเทศ
ให้ IoT ได้ถูกใช้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น
เป็นครั้งแรกและครั้งที่สำคัญที่สุดสำหรับ 5G ที่จะทำให้ Internet of Things (IoT) ซึ่งมีอยู่มานานได้ถูกใช้งานได้เพิ่มขึ้น สำหรับบริษัทโทรคมนาคมนั้นนี่หมายถึงโอกาสในการเติมเต็มเครือข่าย ซึ่งถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วยผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่สมัครใช้งานบริษัทโทรคมนาคมอยู่แล้ว การเติบโตจากผู้บริโภคเพิ่มเติมจึงน้อยมาก อย่างไรก็ตามเมื่อคนเหล่านี้เชื่อมโยงอุปกรณ์ล้ำๆทหลายตัวกับเครือข่ายศักยภาพในการเติบโตจะยิ่งใหญ่เป็นปรากฎการณ์
ประเด็นนี้จะถูกขยายความสำคัญขึ้น เมื่อเราพิจารณาการทำธุรกิจเดิมๆของ IoT ตัวอย่างเช่น ในกระบวนการผลิตนั้น บริษัทโทรคมนาคมสามารถวางตำแหน่งตัวเองเป็นกระดูกสันหลัง เชื่อมโยงเซ็นเซอร์กับบริการหลังบ้าน และเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน supply chain อัตโนมัติหรือการดำเนินงานในโรงงาน ในทำนองเดียวกันผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถมีบทบาทสำคัญในการเปิดตัวเมืองอัจฉริยะเพิ่มขีดความสามารถในการควบคุมต่างๆ เช่น ไฟถนนอัจฉริยะ และการควบคุมการจราจร
เพื่อให้บริษัทโทรคมนาคมใช้ประโยชน์จากโอกาส 5G โครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินงานจะมีความสำคัญต่อความสำเร็จ องค์ประกอบทั้งหมดของเครือข่ายจะต้องดำเนินการอย่างดีที่สุดและทันสมัยที่สุดเพื่อให้สามารถรองรับ 5G ในอนาคตที่ให้การเติบโตและผลกำไรด้วยต้นทุนการดำเนินงานที่สมเหตุสมผลสำหรับกลุ่มที่มีส่วนได้เสียนั้น ดาต้า เซ็นเตอร์ที่ชาญฉลาดได้คิดล่วงหน้าเกี่ยว 5G ตามประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาดังต่อไปนี้ :
ความหน่วงแฝงและ edge computing
ความหนวงแฝงต่ำซึ่งเป็นคำอธิบายถึงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับการประมวลผลข้อความข้อมูลปริมาณมากที่มีความล่าช้าน้อยที่สุด เป็นหนึ่งในคำมั่นสัญญาหลักของเครือข่าย 5G ดาต้า เซ็นเตอร์ของ Edge (Machine2Machine archetype) จะมีความสำคัญสำหรับการลดความหน่วงแฝง นำพลังการคำนวณเข้าใกล้ผู้ใช้งานจริงมากยิ่งขึ้น บริษัทโทรคมนาคมมีข้อได้เปรียบด้าน edge ของเครือข่ายโดยมีพื้นที่ให้บริการที่กว้างขวางสำหรับการแปลงสภาพ ผลการสำรวจ Data Center 2025 พบว่าร้อยละ 13 ของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียแปซิฟิกระบุว่าความไวต่อการตอบสนองของมนุษย์เป็นความต้องการข้อมูล edge เบื้องต้นในปี 2568
การจัดการไซต์จำนวนมาก
บริษัทโทรคมนาคมมีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งประกอบด้วย การกระจายตัวทางภูมิศาสตร์ แกนหลักเชื่อมต่อ IP Edge การส่งและการเข้าถึงไซต์
มองให้ลึกเกินกว่าฉากหน้า
ในการที่จะเข้าใจว่าโอกาส 5G อยู่ที่ใด เราต้องเข้าใจความท้าทายที่ซับซ้อนที่บริษัทโทรคมนาคมเผชิญหน้าเสียก่อน นี่คือวงการที่มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา รายได้นั้นไม่หวือหวา เนื่องจากผู้บริโภคต้องการข้อมูลมากขึ้นในราคาคงที่ตามสภาพตลาดที่มีการแข่งขันสูง การให้ข้อมูลนี้มีค่าใช้จ่ายมากขึ้นสำหรับบริษัทโทรคมาคม ซึ่งกระทบต่อรายได้ต่อหนึ่งผู้ใช้ (ARPU) ที่ฟาดฟันให้สูงขึ้น
ในขณะเดียวกัน บริการโทรคมนาคมหลัก เช่น การโทร การส่งข้อความ และการโทรผ่านวิดีโอกำลังถูกกัดเซาะโดยผู้เล่นอันดับต้น ๆ (OTT) เช่น Facebook และ LINE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการส่งข้อความโต้ตอบแบบทันทีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย
อย่างไรก็ตามการพังทลายของบริการไม่ได้เป็นเพียงจุดเดียวที่บริษัทโทรคมนาคมกำลังถูกคุกคามจากผู้เล่น OTT Facebook, Amazon, Netflix และ Google หรือ กลุ่ม FANGs ตามที่รู้จักกันโดยทั่วไป ได้สร้างบริการใหม่ที่เป็นนวัตกรรมใหม่อย่างกว้างขวาง โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่มีอยู่ เมื่อพูดถึงเนื้อหาวิดีโอ การช็อปปิ้ง หรือการสื่อสารแบบดั้งเดิมแล้ว ผู้เล่นรุ่นใหม่เหล่านี้เป็นเจ้าของส่วนลูกค้าสัมพันธ์ ซึ่งลดบริษัทโทรคมนาคมให้เหลือเพียงกระบวนการทางสินค้าที่มีกำไรต่ำ
โอกาสของ 5G
เมื่อคำนึงถึงปัจจัยเบื้องต้นนี้ ธุรกิจโทรคมนาคมต้องการความเข้าใจที่ชัดเจนว่านวัตกรรม 5G สามารถช่วยพวกเขาฟื้นฟูความมั่งคั่งได้อย่างไร การอัพเกรดเครือข่ายเพื่อให้ความสามารถ 5G นั้นเป็นงานที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นจึงต้องมีตัวอย่างทางธุรกิจที่ชัดเจนในการลงทุน
โชคดีที่ความเร็วในการดาวน์โหลดเทียบเท่าบรอดแบนด์ และความหน่วงแฝงต่ำที่ 5G สัญญาไว้นั้นถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ บริษัทโทรคมนาคมในประเทศ
ให้ IoT ได้ถูกใช้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น
เป็นครั้งแรกและครั้งที่สำคัญที่สุดสำหรับ 5G ที่จะทำให้ Internet of Things (IoT) ซึ่งมีอยู่มานานได้ถูกใช้งานได้เพิ่มขึ้น สำหรับบริษัทโทรคมนาคมนั้นนี่หมายถึงโอกาสในการเติมเต็มเครือข่าย ซึ่งถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วยผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่สมัครใช้งานบริษัทโทรคมนาคมอยู่แล้ว การเติบโตจากผู้บริโภคเพิ่มเติมจึงน้อยมาก อย่างไรก็ตามเมื่อคนเหล่านี้เชื่อมโยงอุปกรณ์ล้ำๆทหลายตัวกับเครือข่ายศักยภาพในการเติบโตจะยิ่งใหญ่เป็นปรากฎการณ์
ประเด็นนี้จะถูกขยายความสำคัญขึ้น เมื่อเราพิจารณาการทำธุรกิจเดิมๆของ IoT ตัวอย่างเช่น ในกระบวนการผลิตนั้น บริษัทโทรคมนาคมสามารถวางตำแหน่งตัวเองเป็นกระดูกสันหลัง เชื่อมโยงเซ็นเซอร์กับบริการหลังบ้าน และเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน supply chain อัตโนมัติหรือการดำเนินงานในโรงงาน ในทำนองเดียวกันผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถมีบทบาทสำคัญในการเปิดตัวเมืองอัจฉริยะเพิ่มขีดความสามารถในการควบคุมต่างๆ เช่น ไฟถนนอัจฉริยะ และการควบคุมการจราจร
เพื่อให้บริษัทโทรคมนาคมใช้ประโยชน์จากโอกาส 5G โครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินงานจะมีความสำคัญต่อความสำเร็จ องค์ประกอบทั้งหมดของเครือข่ายจะต้องดำเนินการอย่างดีที่สุดและทันสมัยที่สุดเพื่อให้สามารถรองรับ 5G ในอนาคตที่ให้การเติบโตและผลกำไรด้วยต้นทุนการดำเนินงานที่สมเหตุสมผลสำหรับกลุ่มที่มีส่วนได้เสียนั้น ดาต้า เซ็นเตอร์ที่ชาญฉลาดได้คิดล่วงหน้าเกี่ยว 5G ตามประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาดังต่อไปนี้ :
ความหน่วงแฝงและ edge computing
ความหนวงแฝงต่ำซึ่งเป็นคำอธิบายถึงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับการประมวลผลข้อความข้อมูลปริมาณมากที่มีความล่าช้าน้อยที่สุด เป็นหนึ่งในคำมั่นสัญญาหลักของเครือข่าย 5G ดาต้า เซ็นเตอร์ของ Edge (Machine2Machine archetype) จะมีความสำคัญสำหรับการลดความหน่วงแฝง นำพลังการคำนวณเข้าใกล้ผู้ใช้งานจริงมากยิ่งขึ้น บริษัทโทรคมนาคมมีข้อได้เปรียบด้าน edge ของเครือข่ายโดยมีพื้นที่ให้บริการที่กว้างขวางสำหรับการแปลงสภาพ ผลการสำรวจ Data Center 2025 พบว่าร้อยละ 13 ของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียแปซิฟิกระบุว่าความไวต่อการตอบสนองของมนุษย์เป็นความต้องการข้อมูล edge เบื้องต้นในปี 2568
การจัดการไซต์จำนวนมาก
บริษัทโทรคมนาคมมีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งประกอบด้วย การกระจายตัวทางภูมิศาสตร์ แกนหลักเชื่อมต่อ IP Edge การส่งและการเข้าถึงไซต์
ทั้งหมดนี้จะต้องปรับให้เหมาะสมสำหรับ 5G จากแหล่งจ่ายไฟ AC และ DC ไปยังเซิร์ฟเวอร์ แร็ค สวิตช์ พื้นที่ พลังงาน และการระบายความร้อน อย่างไรก็ตามโซลูชั่นเดียวนั้นไม่เพียงพอสำหรับทั้งหมด ผู้จัดการสิ่งอำนวยความสะดวกจำเป็นต้องประเมินว่าไซต์ใดบ้างที่จะสามารถทนต่อสภาพแวดล้อม และเลือกส่วนประกอบตามปัจจัยนั้นๆ นอกจากนี้การจัดการโครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะ (DCIM) และโซลูชั่นความปลอดภัยจะต้องตรวจสอบประสิทธิภาพและจัดการภัยคุกคามทั่วทั้งเครือข่าย จากการศึกษาวิจัยล่าสุด 451 Research ซึ่งได้รับมอบหมายจาก Vertiv ผู้ตอบแบบสอบถามถึง 68% ในเอเชียแปซิฟิกเห็นว่า DCIM เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการดำเนินงาน และการทำกำไรกับ 5G หรือ MEC เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั้งหมดร้อยละ 55
ลดต้นทุนพลังงาน
ในการที่ 5G จะทำกำไรและคุ้มค่าจะต้องมีการปรับปรุงและการปรับแต่งวิธีการจัดการเครือข่ายและดาต้า เซ็นเตอร์ ในขณะที่โลกใหม่ที่แก่กล้าของ 5G หมายถึงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย บริษัทโทรคมนาคมจะต้องคำนึงถึงอีกครึ่งหนึ่งของชิ้นส่วนที่หายไป ซึ่งก็คือการจัดการต้นทุน โดยทั่วไปแล้วพลังงานเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงสุดสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวก และค่าใช้จ่ายนั้นสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากความหนาแน่นของไซต์สร้างขึ้นเพื่อรองรับปริมาณข้อมูลเพิ่มเติมที่สร้างโดย 5G ตัว Energy Saving as a Service (EsaaS) นั้นเป็นตัวเลือกใหม่ที่ควรพิจารณา ณ จุดนี้ มันสามารถล็อคการประหยัดพลังงานในหลายๆไซต์ ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน รวมถึงมอบความอุ่นใจด้วยการตรวจสอบ บำรุงรักษา และการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
เบื้องหลังความคาดหวังต่อ 5G นั้น 5G ได้นำเสนอโอกาสที่ชัดเจนและมีความสำคัญด้านกลยุทธ์สำหรับบริษัทโทรคมนาคม ซึ่งพยายามที่จะกำหนดบทบาทของตนเองในตลาดที่มีผู้เล่นหนาแน่น อย่างไรก็ตาม การเอาชนะความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการปฏิบัติการนั้นสำคัญพอๆกับการใช้ประโยชน์จากโอกาส 5G ทั้งสองส่วนจะต้องจับมือเดินหน้าไปพร้อมกันหากบริษัทโทรคมนาคมในประเทศไทยจะต้องการปลดล็อค สร้างรายได้ใหม่เพิ่มขึ้น
ลดต้นทุนพลังงาน
ในการที่ 5G จะทำกำไรและคุ้มค่าจะต้องมีการปรับปรุงและการปรับแต่งวิธีการจัดการเครือข่ายและดาต้า เซ็นเตอร์ ในขณะที่โลกใหม่ที่แก่กล้าของ 5G หมายถึงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย บริษัทโทรคมนาคมจะต้องคำนึงถึงอีกครึ่งหนึ่งของชิ้นส่วนที่หายไป ซึ่งก็คือการจัดการต้นทุน โดยทั่วไปแล้วพลังงานเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงสุดสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวก และค่าใช้จ่ายนั้นสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากความหนาแน่นของไซต์สร้างขึ้นเพื่อรองรับปริมาณข้อมูลเพิ่มเติมที่สร้างโดย 5G ตัว Energy Saving as a Service (EsaaS) นั้นเป็นตัวเลือกใหม่ที่ควรพิจารณา ณ จุดนี้ มันสามารถล็อคการประหยัดพลังงานในหลายๆไซต์ ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน รวมถึงมอบความอุ่นใจด้วยการตรวจสอบ บำรุงรักษา และการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
เบื้องหลังความคาดหวังต่อ 5G นั้น 5G ได้นำเสนอโอกาสที่ชัดเจนและมีความสำคัญด้านกลยุทธ์สำหรับบริษัทโทรคมนาคม ซึ่งพยายามที่จะกำหนดบทบาทของตนเองในตลาดที่มีผู้เล่นหนาแน่น อย่างไรก็ตาม การเอาชนะความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการปฏิบัติการนั้นสำคัญพอๆกับการใช้ประโยชน์จากโอกาส 5G ทั้งสองส่วนจะต้องจับมือเดินหน้าไปพร้อมกันหากบริษัทโทรคมนาคมในประเทศไทยจะต้องการปลดล็อค สร้างรายได้ใหม่เพิ่มขึ้น