ลิป-บู ตัน ซีอีโอของอินเทล มีกำหนดพบปะกับเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว หลังจากที่ทรัมป์เรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับบริษัทชิปจีน และ จะเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ในเช้าวันจันทร์

 

ความขัดแย้งระหว่างซีอีโอของอินเทลและรัฐบาลทรัมป์ เกิดขึ้นเมื่อทอม คอตตอน วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน ส่งจดหมายถึงคณะกรรมการของอินเทล เกี่ยวกับการลงทุนของตันในบริษัทจีนหลายแห่ง จดหมายฉบับนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการลงทุนของตัน ซึ่งต่อมาทรัมป์ได้ทราบเรื่องนี้และตอบกลับในโพสต์ของ Truth Social โดยระบุว่าตัน "มีความขัดแย้งอย่างมาก" และเขาต้องลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของอินเทลโดยทันที

 

ทันได้ออกมาตอบโต้คำวิจารณ์นี้เมื่อเร็วๆ นี้ในแถลงการณ์ที่ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของเขาที่มีต่อสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่าสหรัฐอเมริกาเป็น "บ้านของเขามานานกว่า 40 ปีแล้ว" ผมรักประเทศนี้และรู้สึกซาบซึ้งอย่างสุดซึ้งสำหรับโอกาสที่ประเทศนี้มอบให้ผม

 

ทันกล่าวเสริมว่า "มีข้อมูลผิดๆ มากมายที่แพร่กระจายเกี่ยวกับบทบาทในอดีตของผมที่ Walden International และ Cadence Design Systems" ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปีในอุตสาหกรรมนี้ ผมได้สร้างความสัมพันธ์ทั่วโลกและครอบคลุมระบบนิเวศที่หลากหลายของเรา และผมดำเนินงานภายใต้มาตรฐานทางกฎหมายและจริยธรรมขั้นสูงมาโดยตลอด

 

จดหมายของวุฒิสมาชิกคอตตอนระบุว่า แทน "ควบคุมบริษัทจีนหลายสิบแห่งและถือหุ้นในบริษัทผลิตและผลิตชิปขั้นสูงของจีนหลายร้อยแห่ง" โดยมีรายงานระบุว่าอย่างน้อยแปดบริษัทเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน จดหมายฉบับดังกล่าวยังถามคณะกรรมการบริหารของอินเทลว่า แทนจำเป็นต้องขายหุ้นของบริษัทชิปจีนที่มีความเชื่อมโยงกับกองทัพหรือพรรคคอมมิวนิสต์จีนหรือไม่ นอกจากนี้ รอยเตอร์สยังรายงานว่า แทนได้ลงทุนประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการผลิตและพัฒนาชิปของจีนระหว่างปี 2555 ถึง 2567

 

ยิ่งไปกว่านั้น จดหมายของคอตตอนยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับตำแหน่งก่อนหน้าของแทนในฐานะซีอีโอของ Cadence Design Systems ซึ่งสารภาพผิดเมื่อเดือนที่แล้วว่าละเมิดข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ โดยการขายเทคโนโลยีให้กับบริษัทจีนที่ปัจจุบันอยู่ในบัญชีดำไม่ให้ขาย แทนได้ตอบกลับข้อร้องเรียนเหล่านั้นใน แถลงการณ์ดังกล่าว ซึ่งเขาได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อสหรัฐฯ โดยอธิบายว่าเป็น "ข้อมูลเท็จ"

 

ขณะนี้ แทนมีกำหนดพบปะกับเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวในวันจันทร์ ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล

ที่มา : TweakTown