บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ตอกย้ำความมั่นใจใน คุณภาพ สมรรถนะ และเทคโนโลยีของ NEW MG IM6 รุ่น Premium LONG RANGE ที่ เอ็มจี เตรียมนำเข้ามาเสริมทัพทลายข้อจำกัดด้านระยะทางกับการใช้รถอีวีของคนไทย ผ่านประสบการณ์ทดสอบการวิ่งบนสภาพถนนในเมืองไทย นำทีม โดย มร. ต๋า เซินเซิน กรรมการผู้จัดการ เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด ร่วมทดสอบรถด้วยตัวเอง ซึ่งประสบการณ์การขับขี่ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนความนุ่มนวลในการเร่ง การทรงตัวที่มั่นคง และฟีเจอร์อัจฉริยะที่ครบครัน แต่ยังสะท้อนถึง วิสัยทัศน์การขับเคลื่อนอนาคตของ เอ็มจี ในฐานะผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทยภายใต้คอนเซ็ปต์ “อีวีที่ชาร์จได้ไว และขับได้ไกลที่สุดในคลาส” โดยมีกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ที่งาน Big Motor Sale 2025 ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้
NEW MG IM6 ยนตรกรรมเรือธงของ เอ็มจี กับจุดเด่น “The 1st ever Premium Intelligent e-SUV” ที่พร้อมพาคนไทยสู่ประสบการณ์การใช้อีวียุคใหม่ ล่าสุดกับรุ่นย่อยใหม่ที่มุ่งทลายข้อจำกัดในการใช้รถอีวี โดยเฉพาะในเรื่องของระยะทางต่อการชาร์จ และระยะเวลารอคอยระหว่างชาร์จ ด้วย NEW MG IM6 Premium LONG RANGE ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน ที่ให้กำลังสูงสุด 407 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร จุดเด่น “วิ่งไกลกว่า ชาร์จไวกว่า” กับระยะทางสูงสุด 750 กิโลเมตร ถือเป็นยานยนต์ที่สร้างมาตรฐานใหม่ของอีวีไทย รถรุ่นนี้มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 100 kWh บนสถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800 V รองรับ การชาร์จเร็ว 396 kW ชาร์จจาก 10% ถึง 80% ได้ภายใน 18 นาที ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์คนเมืองและการเดินทางระยะไกลได้อย่างลงตัว และยังมาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะสุดล้ำ เช่น ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ และระบบ One Touch iAD ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สะดวกสบาย ปลอดภัย และเหนือระดับในทุกเส้นทาง
*ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า
มร. ต๋า เซินเซิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด ในฐานะผู้บริหารระดับสูงของ เอ็มจี ในประเทศไทย ได้ร่วมทดสอบเพื่อให้มั่นใจในประสบการณ์การขับขี่ครั้งนี้ว่า “NEW MG IM6 Premium LONG RANGE ถือเป็นรุ่นย่อยที่มอบฟีเจอร์อัจฉริยะครบครันให้ความมั่นใจในทุกเส้นทาง พร้อมระยะทางขับขี่ที่ไกลสุดในคลาส การทดสอบที่ได้เข้าร่วมในครั้งนี้ จึงไม่เพียงเป็นการพิสูจน์แค่สมรรถนะ แต่ยังตอกย้ำความสบายใจและ ความมั่นใจเต็มเปี่ยมตลอดทุกช่วงการเดินทางที่ เอ็มจี ตั้งใจนำเสนอยนตรกรรมคุณภาพที่ตอบไลฟ์สไตล์ของคนไทยอย่างแท้จริง พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจให้ผู้ขับทุกคน และยกระดับมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย”
มร. ต๋า กล่าวเสริมว่า “การเพิ่มรุ่นย่อยนี้สะท้อนถึงแบรนด์ที่ต้องการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการระยะทางต่อหนึ่งการชาร์จที่ไกลขึ้น สะท้อนให้เห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง ในฐานะผู้บริหาร เอ็มจี ผมให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่ดีและเข้าถึงง่าย บริการหลังการขายก็สำคัญ ไม่แพ้ตัวรถ โดย เอ็มจี เป็นแบรนด์เดียวที่กล้าให้การรับประกันแบตเตอรี่ มอเตอร์ และระบบควบคุมไฟฟ้า ตลอดอายุการใช้งาน คือสิ่งสำคัญที่ทำให้รถไฟฟ้าของ เอ็มจี แตกต่าง การบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. อะไหล่ที่ครบถ้วน และความสามารถของบุคลากร เป็นเรื่องที่เราต้องพัฒนาให้ดี เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ”
เตรียมพบกับการเปิดตัว NEW MG IM6 Premium LONG RANGE ยานยนต์อีวีพรีเมียมรุ่นย่อยล่าสุดของเอ็มจี ที่ชาร์จได้ไวกว่าและวิ่งได้ไกลที่สุดในคลาส ในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ที่งาน Big Motor Sale 2025
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของเอ็มจี ได้ที่
Website: www.mgcars.com
Line: @MGThailand
Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand
Twitter: @mg_thailand
Instagram: @mgthailand
Youtube: MG Thailand
TikTok: @mgthailand
Application: MG Thailand
Hashtag #MGThailand #MGCarsTH #PassionDrives #EVPIONEER #NEWMGIM6 #NEWMGIM6LONGRANGE
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ NEW MG IM6
NEW MG IM6 ยนตรกรรมรุ่นล่าสุดที่เข้ามาเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์อีวีพรีเมียมของ เอ็มจี ด้วยการเป็น The First-ever Premium intelligent e-SUV ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่แตกต่าง วิถีใหม่ที่จะเปลี่ยนประสบการณ์การใช้รถอีวีไปสู่อีกระดับ
นิยามบทใหม่แห่งการสร้างสรรค์ยนตรกรรมสุดพรีเมียมที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยี
NEW MG IM6 สะท้อนภาพการไม่หยุดนิ่งในการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ใหม่ ๆ ที่พร้อมเปลี่ยน โลกยนตรกรรมของ SAIC MOTOR CORPORATION ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ เอ็มจี ในการรังสรรค์ยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตระดับพรีเมียมที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้รถที่สะดวกสบาย ปลอดภัย และเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น มาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะ อาทิ ระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ระบบ One touch iAD (Auto park Assist) ระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ (Intelligent Air Suspension)
ดีไซน์ภายนอกหรูหราล้ำสมัย และโดดเด่นไม่ซ้ำใคร
NEW MG IM6 รถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้าล้ำสมัย สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่พร้อมสร้างภาพจำของรถเอสยูวีอีวีครั้งใหม่ โดยเป็นผลงานการออกแบบดีไซน์ร่วมกันของนักออกแบบจาก SAIC MOTOR CORPORATION และ University of Art London ดีไซน์ภายนอกภายใต้คอนเซ็ปต์ Gentle Sculpture ที่ตัวรถ เน้นความโค้งมน ดูพลิ้วไหว ดีไซน์กระจังหน้าเป็นเอกลักษณ์ พร้อมไฟหน้าดีไซน์แบบ L Shape ทำให้รถดูโฉบเฉี่ยว ไฟท้ายพาดยาวแบบ Skyline Taillights และการออกแบบเส้นสายให้ดูโค้งโอบล้อมลงตัวเข้ากับช่วงท้ายรถ ทั้งยังคำนึงถึงการใช้หลักอากาศพลศาสตร์ หรือ Aero Dynamics ในการออกแบบเพื่อช่วยเสริมสมรรถนะและเพิ่มประสิทธิภาพของตัวรถได้อย่างลงตัว
- มิติตัวถัง 4,904 x 1,988 x 1,669 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
- ระยะความยาวฐานล้อ 2,950 มิลลิเมตร
- กระจกข้างแบบไร้กรอบ พร้อมกระจกรอบคัน 2 ชั้น
- ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
- ไฟหน้า ไฟท้าย และ ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
- ระบบควบคุมการ เปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
- กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
- ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
- หลังคากระจกพาโนรามิก
- ที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ (Hidden Door Handle)
- ล้ออัลลอยด์ ขนาด 21 นิ้ว สำหรับรุ่น Performance AWD และขนาด 20 นิ้ว สำหรับรุ่น Premium LONG RANGE และรุ่น Premium 2WD
ภายในเหนือระดับ กับหลากลูกเล่นที่ตอบไลฟ์สไตล์ สะดวกสบาย และลงตัว
การออกแบบภายในเน้นความเรียบหรู และคำนึงถึงความสะดวกสบายให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน โดย NEW MG IM6 ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุพรีเมียม และการจัดวางเส้นสายที่ประณีตบรรจง ช่วยเพิ่มสุนทรีย์ภายในห้องโดยสาร มาพร้อมการออกแบบเพื่อการใช้งาน ที่เน้นความกว้าง ทำให้ดูโล่ง โปร่ง สบาย แต่ยังมีสไตล์ และมีความเฉพาะตัว ทั้งยังคงจุดเด่นของการเป็นรถอเนกประสงค์ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระรอบคัน ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ล้ำสมัย และใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระดับไฮเอนด์
- ดีไซน์คอนโซลหน้าเน้นความเรียบหรูด้วยวัสดุ Soft Touch พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จแบบไร้สายกำลังไฟสูงสุด 50 วัตต์ (Wireless Charger)
- ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์
- ให้ความนุ่มนวลและสบายในทุกที่นั่งด้วยเบาะนั่ง POPO Sofa ทรงขนมปัง พร้อมสัมผัสพรีเมียมโดยหุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์
- เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อม Lumbar Support และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า6 ทิศทาง โดยเบาะคู่หน้าเป็นแบบระบายความร้อน พร้อมระบบนวดสำหรับผู้ขับขี่
- เบาะนั่งด้านหลังพนักพิง พับได้ 60:40 สามารถปรับเอนได้ถึง 18 องศา
- หน้าจออัจฉริยะระบบสัมผัส Intelligent Immersive Touch Screens จำนวน 2 จอขนาดใหญ่ ประกอบด้วย หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 26.3 นิ้ว และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 10.5 นิ้ว สำหรับควบคุมส่วนต่าง ๆ ภายในรถ
- ระบบลำโพงรอบทิศทาง 20 จุด ประกอบด้วย ลำโพงรอบทิศทาง 16 จุด และลำโพงบริเวณหลังคา 4 จุด
- ระบบสั่งการอัจฉริยะ IM OS
- Interactive Ambient Light ที่สามารถเปลี่ยนได้ 256 เฉดสี
- กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down
- กระจกมองหลังแบบ Streaming Media Rearview Mirror
- กระจกที่นั่งด้านหลังแบบ Privacy Glass
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกโซนอิสระ
- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้ารถ จุได้มากถึง 32 ลิตร
- พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายรถ จุได้มากถึง 596 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,640 ลิตร พร้อมที่เก็บสัมภาระเพิ่มเติมที่ท้ายรถได้อีก 69 ลิตร
- ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบเตะเปิดอัตโนมัติ
- ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE C จำนวน 2 จุด
- ระบบกุญแจอัจฉริยะ Keyless Entry พร้อมการ์ด NFC สำหรับแปะเพื่อล้อคและปลดล็อคตัวรถ
- เพิ่มเติมความพิเศษด้วย IM MAG HUB อุปกรณ์เสริมติดแม่เหล็กภายในตัวรถ เพื่อใช้ติดตั้งแอคเซสเซอรี่ต่าง ๆ อาทิ โคมไฟ กระจกแต่งหน้า ไฟอ่านหนังสือ ฯลฯ จำนวน 5 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นผลงานการสร้างสรรค์เฉพาะจาก SAIC เพื่อครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานรถอย่างแท้จริง
ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น ด้วยสมรรถนะและขุมพลังการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ
NEW MG IM6 รังสรรค์บนแชสซีดิจิทัลอัจฉริยะใหม่ (IM Digital Chassis) ที่ทำจากอะลูมิเนียม มอบความสมดุลและประสิทธิภาพในการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมมาพร้อมกับชิปประมวลผลระดับไฮเอนด์สำหรับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง
- ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor
- รุ่น Premium 2WD มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง ให้พละกำลังสูงสุด 295 แรงม้า (217 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร
- รุ่น Premium LONG RANGE มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง ให้พละกำลังสูงสุด 407 แรงม้า (300 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร
- รุ่น Performance AWD มอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ มอเตอร์หน้าให้พละกำลังสูงสุด 271 แรงม้า (200 กิโลวัตต์) มอเตอร์หลังให้กำลังสูงสุด 505 แรงม้า (372 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 802 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.48 วินาที โดยสามารถทำความเร็วสูงสุด (Top speed) ได้มากกว่า 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 2 ระดับ
- รัศมีวงเลี้ยว 5.1 เมตร ทำให้ขับเลี้ยวและเข้าออกในพื้นที่แคบได้อย่างง่ายดาย
- ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมช่องระบายความร้อน
- ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone และด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์ในรุ่น Premium และ Premium LONG RANGE
- ระบบ Active Damping Control พร้อมระบบถุงลมในรุ่น Performance AWD
- ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four-Wheel Steering System) ทำให้การเปลี่ยนเลนมีเสถียรภาพแม้ในช่วงความเร็วสูง รวมถึงทำให้การกลับรถในที่แคบได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
- ถอยจอดและขับออกอย่างสะดวกสบายด้วยปลายนิ้วสัมผัสกับระบบ One Touch iAD Auto Parking Assist ที่ช่วยในการถอยจอดด้านข้าง (One Touch Side Parking) รวมถึงการจอดและออกจากช่องจอดรถในพื้นที่จำกัด (One Touch Escape) และการถอยหลังอัตโนมัติเมื่อขับเจอซอยตัน (One Touch Reverse)
- ฟังก์ชัน Crab Mode เพื่อปรับมุมทั้ง 4 ล้อ ในมุมเดียวกัน เพื่อทำการเคลื่อนรถออกจากพื้นที่จำกัดได้ง่ายยิ่งขึ้น
- ระบบการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ Eco / Comfort / Sport / Snow / Custom และ Super Eco ซึ่งจะดึงไฟสำรองจากแบตเตอรี่มาใช้อีก 80 กิโลเมตร สำหรับในยามฉุกเฉิน
- ระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ (Intelligent Air Suspension) สามารถปรับสูง-ต่ำได้ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับความสูงปกติ (Standard) ปรับเตี้ยลง 5 เซนติเมตร และปรับสูงขึ้น 2 เซนติเมตร พร้อมปรับการทำงานอัตโนมัติตามรูปแบบการขับขี่
มั่นใจทุกเส้นทางกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัย
NEW MG IM6 มาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย มอบความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ซึ่งรวมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) หรือระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งยังผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานระดับ 5 ดาวจาก China NCAP และดีไซน์เพื่อรองรับ EURO-NCAP
- ระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ที่ผสานการทำงานของกล้องรอบคัน การปรับค่าช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติ ช่วยลดปัญหาทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างการขับขี่
- ระบบบันทึกภาพหน้ารถ
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-Lock Brake System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution)
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ระบบควบคุมการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamic Control System)
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HHC (Hill Hold Control)
- ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control)
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
- ระบบช่วยเบรก AEB (Automatic Emergency Braking)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keeping Assist)
- ระบบะช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ระบบช่วยเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ DLC (Demand Lane Change)
- ระบบช่วยเสริมการมองเห็นของผู้ขับขี่แบบรอบด้าน PVSS (Proactive Vision Supplement System)
-
ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตาที่ทำงานประสานกันทั้งระบบช่วยเปลี่ยนเลน
อย่างปลอดภัย LCA (Lane Change Assist) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking) และระบบระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning) - ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME)
- ระบบ Intelligent Scene Modes มีฟังก์ชัน Pet Mode Rainy Night Mode และ Nap Mode
นอกจากนี้ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 360 องศา พร้อมสัญญาณเตือนระยะด้านหน้าและหลัง
ใช้ง่าย ชาร์จไว ให้ทุกการเดินทางสะดวกสบาย
มาพร้อมสถาปัตยกรรม 800V ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มมาตรฐานที่ออกแบบโดยเฉพาะจาก SAIC MOTOR CORPORATION ทำให้ NEW MG IM6 มีความสามารถในการชาร์จไฟได้ไวและเพิ่มระยะทางในการขับ
ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ เอ็มจี ยังมอบความสะดวกสบาย ให้การใช้รถอีวีเป็นเรื่องที่ง่าย ด้วยความพร้อม
ของสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG SUPER CHARGE ที่พร้อมให้บริการแล้วทั่วประเทศ
- แบตเตอรี่ Lithium-ion
- รุ่น Premium 2WD ขนาดความจุ 75 kWh ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 400 โวลต์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 550 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
- รุ่น Premium LONG RANGE ขนาดความจุ 100 kWh ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 875 โวลต์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 750 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
- รุ่น Performance AWD ขนาดความจุ 100 kWh ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 875 โวลต์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 634 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
- ระบบ Cooling system เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่สามารถระบายความร้อนได้ 15 องศาเซลเซียส ภายในเวลาเพียง 30 วินาที
- แบตเตอรี่ 12V แบบ Lithium- ion
-
ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% - 80% ด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงสุด 800 โวลต์ รองรับ
การชาร์จแบบกระแสตรงสูงสุด 396 kW- รุ่น Premium 2WD ใช้เวลาน้อยกว่า 25 นาที*
- รุ่น Premium LONG RANGE และรุ่น Performance AWD ใช้เวลาเพียง18 นาที*
- รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุด 6.6 kW
*ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า
NEW MG IM6 รถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้าสุดพรีเมียม ประกอบด้วย 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Premium 2WD รุ่น Premium LONG RANGE และรุ่น Performance AWD โดยมีสีตัวถังให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีชมพู Ferdinand Pink สีขาว Raphael Beige สีดำ Ares Black สีเทา Rembrandt Grey และสีฟ้า Nevis Blue