สื่อเทคโนโลยีต่างประเทศ Wccftech รายงานเมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า OpenAI และ Microsoft ได้เจรจาปรับโครงสร้างความร่วมมือใหม่อีกครั้ง ภายใต้ข้อตกลงใหม่นี้ Microsoft ได้เข้าถือหุ้นประมาณ 27% ของ OpenAI และได้รับสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาบางส่วน (IP) ของบริษัท แต่มีการระบุอย่างชัดเจนว่า Microsoft จะไม่เข้ามาแทรกแซงหรือมีอำนาจตัดสินใจใด ๆ ในโครงการฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคของ OpenAI
เว็บไซต์ IT Home อ้างถึงบล็อกโพสต์ฉบับดังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในการปรับโครงสร้างครั้งนี้ องค์กรไม่แสวงหากำไรเดิมได้เปลี่ยนชื่อเป็น OpenAI Foundation ส่วนหน่วยงานเชิงพาณิชย์ได้แปลงสถานะเป็นบริษัท Public Benefit Corporation (PBC) ในชื่อ OpenAI Group จุดสำคัญของการปรับโครงสร้างคือ OpenAI Foundation จะยังคงมีอำนาจควบคุมสูงสุดเหนือบริษัทเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้าง “กำแพงเชิงสถาบัน” ระหว่างภารกิจเพื่อสาธารณะกับกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัท
ในข้อตกลงใหม่นี้ยังมีการกำหนด โครงสร้างการถือหุ้นอย่างชัดเจน โดย
-
OpenAI Foundation ถือหุ้นประมาณ 26% ของ OpenAI Group (มูลค่าราว 130,000 ล้านดอลลาร์)
-
Microsoft ถือหุ้นประมาณ 27% (มูลค่าราว 135,000 ล้านดอลลาร์)
-
ส่วนที่เหลือราว 47% เป็นของพนักงานปัจจุบัน อดีตพนักงาน และนักลงทุนรายแรก ๆ ของ OpenAI
นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขพิเศษในข้อตกลงว่า หากมูลค่าหุ้นของ OpenAI Group เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่าในอีก 15 ปีข้างหน้า มูลนิธิ OpenAI จะได้รับ “สิทธิในหุ้นเพิ่มเติมจำนวนมาก” เพื่อเสริมความมั่นคงด้านผลตอบแทนระยะยาวและอำนาจควบคุม
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ภายใต้ข้อตกลงใหม่นี้ Microsoft จะไม่มีสิทธิเข้ามามีส่วนในกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคของ OpenAI อีกต่อไป ซึ่งหมายความว่า OpenAI จะมีอิสระเต็มที่ในการพัฒนาอุปกรณ์ AI รุ่นใหม่ที่ถูกขนานนามว่า “iPhone Killer”
ในโครงการนี้ OpenAI ได้ร่วมมือกับ Jony Ive อดีตหัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Apple เพื่อสร้าง อุปกรณ์ AI รูปแบบใหม่ที่อาจพลิกโฉมวงการสมาร์ตโฟน โดยในเดือนพฤษภาคม 2025 OpenAI ได้เข้าซื้อกิจการสตาร์ตอัปของ Jony Ive ที่ชื่อว่า io มูลค่า 6.4 พันล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งดึงดูดบุคลากรสำคัญจาก Apple กว่า 24 คน รวมถึง Matt Theobald ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ และ Cyrus Daniel Irani หัวหน้าทีมออกแบบอินเทอร์เฟซมนุษย์-คอมพิวเตอร์
จากข้อมูลที่เปิดเผยในปัจจุบัน อุปกรณ์ AI สำหรับผู้บริโภคตัวนี้ที่นำโดย OpenAI จะมี ฟีเจอร์ระดับพลิกวงการ และคาดว่าจะเป็นอุปกรณ์แบบ พกพาขนาดเล็ก ไม่มีหน้าจอ (screenless) ไม่ได้อยู่ในรูปแบบสมาร์ตวอชหรือแว่นตา แต่เป็นอุปกรณ์อิสระเต็มรูปแบบ
ภายในจะติดตั้ง กล้อง, ไมโครโฟน และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเข้าใจ “บริบทของผู้ใช้” ได้อย่างลึกซึ้ง สามารถรันโมเดล AI ที่ปรับแต่งเฉพาะตัวแบบ ออฟไลน์ในเครื่องได้โดยตรง และยังสามารถเชื่อมต่อ พลังประมวลผลบนคลาวด์ เพื่อจัดการงานที่ซับซ้อนได้ พร้อมทั้งสื่อสารกับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น สมาร์ตโฟน ได้อย่างราบรื่นอีกด้วย.
ที่มา: IT Home



