สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า เหตุเพลิงไหม้รุนแรงจากแบตเตอรี่ลิเธียมภายใน ศูนย์บริการทรัพยากรสารสนเทศแห่งชาติของเกาหลีใต้ เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 227 นาย เข้าระดมกำลังควบคุมเพลิง ส่งผลให้ ระบบ IT ของหน่วยงานรัฐจำนวน 709 ระบบต้องปิดให้บริการชั่วคราว โดยตลอดเกือบ 1 เดือนหลังเหตุการณ์ มีเพียง 373 ระบบที่สามารถกลับมาให้บริการได้ คิดเป็นอัตราการฟื้นฟูเพียง 52.6%
จนถึงขณะนี้ ตำรวจเกาหลีใต้ จับกุมผู้ปฏิบัติงาน 4 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายแบตเตอรี่ในวันที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ภาครัฐด่านหน้าผู้รับผิดชอบงานแก้ไขความขัดข้องของระบบเครือข่ายได้กระโดดตึกเสียชีวิต แต่ ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเกาหลีใต้ลาออกหรือแสดงความรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ครั้งนี้
ความเสียหายและสถานการณ์ปัจจุบัน
ตามรายงานของ KBS World เหตุไฟไหม้ครั้งนี้ทำให้ระบบบริการภาครัฐออนไลน์ส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้งานได้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของเกาหลีใต้ ยุนโฮจอง เปิดเผยว่า ณ เวลา 6:00 น. ของวันรายงาน 709 ระบบที่ได้รับผลกระทบ มี 373 ระบบที่กลับมาใช้งานได้แล้ว คิดเป็น 52.6% ของทั้งหมด
รัฐบาลแบ่งระบบที่ต้องกู้คืนออกเป็น 3 ระดับความสำคัญ และสถานะล่าสุดคือ
-
77.5% ของระบบระดับความสำคัญสูงสุด (ระดับ 1) กลับมาใช้งานได้
-
64.7% ของระบบระดับความสำคัญระดับ 2 ฟื้นฟูแล้ว
-
ยังไม่ระบุชัดว่าจะกู้คืนระบบทั้งหมดได้เมื่อใด
ยุนโฮจองกล่าวในที่ประชุมศูนย์บัญชาการรับมือภัยพิบัติว่า ระบบสำคัญที่เพิ่งกลับมาออนไลน์ เช่น
-
ระบบของกระทรวงสาธารณสุขที่ใช้จัดการเวลาผ่าตัดผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ
-
ระบบบริหารจัดการคลังเลือด
-
ระบบจองคิวพิธีฌาปนกิจแบบออนไลน์
ความเสียหายที่ “กู้คืนไม่ได้”
หลังเหตุเพลิงไหม้ มีระบบทั้งหมด 96 ระบบที่ถูกเผาทำลายอย่างสมบูรณ์ รวมถึง ข้อมูลในระบบจัดเก็บเอกสารรัฐบาล “G-Drive” ปริมาณ 858TB ซึ่ง ไม่สามารถกู้คืนได้ เนื่องจากศูนย์ข้อมูลแห่งนี้ ไม่มีระบบสำรองข้อมูลภายนอก (Off-site Backup)
ความคืบหน้าด้านคดี
-
ตำรวจ จับกุมผู้เกี่ยวข้อง 4 ราย ซึ่งรวมถึงหัวหน้างานในวันที่เกิดเหตุ
-
เตรียมดำเนินคดีข้อหา “ประมาทจนทำให้เกิดเพลิงไหม้”
-
เจ้าหน้าที่ภาครัฐด่านหน้าผู้รับผิดชอบการแก้ปัญหาเหตุขัดข้อง เสียชีวิตจากการกระโดดตึก
-
ยังไม่มีรัฐมนตรีหรือผู้บริหารระดับสูงแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง
ที่มา: HKEPC