หลายๆ คนอาจจะรู้ว่าแฟลชไดรฟ์ตัวไหนเร็วที่สุดในเวลานี้ หรือเมื่อไปถีงหน้าร้านจำหน่ายสินค้าไอทีก็เลือกชี้ได้เลยว่า รุ่นไหนอ่านเขียนได้เร็วกว่ากัน โดยไม่จำเป็นต้องจดจำหรืออ่านรีวิว นั่นก็เพราะว่า แฟลชไดรฟ์รุ่นท็อปของผู้ผลิตหลายรายมีการระบุความเร็วในการอ่านและเขียนเอาไว้ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น แฟลชไดรฟ์ SanDisk Extreme Pro แต่สำหรับแฟลชไดรฟ์ทั่วๆ ไป มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
ในกรณีนี้ แฟลชไดรฟ์ส่วนใหญ่จะแสดงตัวเลขการทำงานของไดรฟ์เอาไว้ เช่น Speed UP 100MB/s หรือ UP TO 15X ซึ่งตัวเลขตรงนี้มีผลต่อการตัดสินใจอย่างมากกับผู้ใช้งานทั่วๆ ไป แน่นอนว่า ตัวเลขเหล่านี้ ผู้อ่านของ OverclockZone รับรู้กันมานานแล้วว่า มันเป็นตัวเลขที่อ้างอิงเฉพาะความเร็วในการอ่านข้อมูล ไม่ใช่การเขียนข้อมูล อย่างไรก็ดี การตัดสินใจซื้อแฟลชไดรฟ์สักตัวหนึ่งของแต่ละคนก็ไม่ได้ใช้มุมมองเดียวกัน บางคนเน้นดีไซน์ที่ดูดี บางคนเน้นขนาดที่พกพาสะดวก บางคนเน้นเรื่องความจุต่อราคาเป็นหลัก บางคนไม่เน้นอะไรเลย หยิบแล้วจ่ายเงินทันที แต่ก็ยังมีไม่น้อยที่ให้ความสำคัญเรื่องความเร็วในการเขียนข้อมูล เนื่องจากพวกเขาเหล่านั้นไม่ต้องการเผชิญหน้ากับการรอคอยเมื่อต้อง Copy ไฟล์ขนาดใหญ่ลงแฟลชไดรฟ์ และน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังมองหาแฟลชไดรฟ์ดีๆ ในราคาไม่แพง
แฟลชไดรฟ์ที่นำมาทำมินิรีวิวในครั้งนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 รุ่น จากภาพจะเป็นรุ่น SanDisk Ultra Flair และ SanDisk Ultra ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านค้าไอทีทั่วไป โดยรุ่นความจุ 32GB นี้ ทีมงานซื้อมาในราคา 160 บาท ทั้งคู่
SanDisk Ultra Fit
Capacity: 16 - 256GB | Interface: USB 3.1
แฟลชไดรฟ์รุ่นนี้เปิดตัวในช่วงเดือนเมษายน ปี 2018 มีขนาดเล็กสุดในกลุ่มทดสอบ ถ้านึกไม่ออกว่าขนาดเท่าไหร่ ให้นึกถึงตัวรับสัญญาณ USB ไซส์นาโนของเมาส์ไร้สาย ตัวบอดี้ทั้งหมดผลิตจากพลาสติก ด้านของไดรฟ์มีห่วงที่สามารถใส่กัลข้อเกี่ยวสำหรับพวงกุญแจหรือแขวนกับตัวห้อยอื่นๆ ได้ตามใจชอบ ความเร็วที่ผู้ผลิตนำเสนอก็คือ Speed Up to 130MB/s ขณะที่ความเร็วการอ่านไม่มีการเปิดเผย แม้แต่ในเว็บไซต์ของพวกเขา สำหรับรุ่นที่เราได้ทดสอบก็คือรุ่นความจุ 16GB
SanDisk Ultra
Capacity: 16 - 256GB | Interface: USB 3.0
แฟลชไดรฟ์รุ่นนี้ออกสู่ตลาดมานานค่อนข้างนาน ซึ่งในช่วงแรกมีเฉพาะมีสีดำ แต่ตอนนี้จะมีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ สีฟ้า และสีแดง ตัวไดรฟ์เป็นแบบสไลด์ พอร์ตจะถูกเก็บเข้าไปในตัว บอดี้ผลิตจากพลาสติกแข็ง ส่วนตัวพอร์ตผลิตจากโลหะ หรือมองง่ายๆ ไดรฟ์ตัวนี้ถือว่ามีการออกแบบที่ดี นอกจากนั้นขณะใช้งานจะมีไฟสถานะอยู่ภายในไดรฟ์ ความเร็วของไดรฟ์จะมีเฉพาะรุ่น 16GB เท่านั้นที่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ส่วนความเร็วที่ผู้ผลิตระบุมาก็คือ Speed up to 100MB/s รุ่นที่เรานำมาทดสอบในครั้งนี้เป็นความจุ 32GB
SanDisk Ultra Flair
Capacity: 16 - 128GB | Interface: USB 3.0
ไดรฟ์ตัวนี้ผสมผสานด้วยตัวเคสโลหะที่มีความบาง น้ำหนักเบา ส่วนท้ายประกบกับพลาสติกแข็งใสสีฟ้า ซึ่งมองลึกลงไปจะไม่เห็นชิปหรือไอซีใดๆ ตรงนี้สามารถใส่กับพวงกุญแจได้ไม่ยาก ขณะใช้งานจะไม่มีไฟแสดงสถานะใดๆ เอาจริงๆ แล้วไดรฟ์รุ่นนี้เปิดตัวตั้งแต่ปี 2015 แล้ว ทว่าเราก็มองหารีวิวที่บอกเกี่ยวกับความเร็วการเขียนในเวลา 1 นาที ไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ ในทั้ง 3 รุ่น ไดรฟ์ตัวนี้มีการแจ้งความเร็วในการอ่านสูงที่สุด
USB 3.0 Performance Tests
ก่อนจะเริ่มทดสอบ ส่วนตัวมองว่า ไดรฟ์ SanDisk Ultra น่าจะเป็นรุ่นที่มีความเร็วในการเขียนดีที่สุด ซึ่งเท่าที่จำได้จะอยู่ใกล้ๆ 30MB/s ส่วนไดรฟ์ที่แย่ที่สุดน่าจะเป็นไดรฟ์ Ultra Fit เนื่องจากมันมีขนาดเล็ก ซึ่งผลทดสอบด้วยซอฟต์แวร์เบนช์มาร์กกลับให้ผลที่ต่างจากที่คาดการณ์ไว้มาก
เริ่มต้นจากไดรฟ์ Ultra Fit สามารถทำความเร็วการอ่านได้เกือบจะ 100MB/s สำหรับ CrytalDiskMark ขณะที่การเขียนข้อมูลก็ชวนให้รู้สึกดีกว่าที่คิดสำหรับไดรฟ์ตัวจิ๋ว เนื่องจากเขียนด้วยความเร็ว 18.25MB/s และเมื่อเช็คจากกราฟในซอฟต์แวร์ USB Flash Benchmark ก็ถือว่ามีความเร็วในการเขียนที่ค่อนข้างนิ่ง ตั้งแต่ไฟล์ขนาด 16MB - 32KB
สำหรับ Sandisk Ultra ก็ให้ความรู้สึกผิดหวังนิดๆ เพราะตั้งแต่มันออกสู่ตลาดเมื่อหลายปีก่อนเหมือนจะไม่ได้มีพัฒนาการด้านความเร็วในการเขียนที่ดีขึ้นเลยสำหรับไดรฟ์ SanDisk Ultra จะมีก็เฉพาะการอ่านที่ขยับข้าม 100MB/s ไปแล้ว (ถ้าส่วนตัวจำไม่ผิด) จากกราฟของ USB Flash Drive จะเห็นว่า การเขียนข้อมูลทำได้ในระดับเกินกว่า 20MB/s ไปจนถึงไฟล์ไซส์ขนาด 256KB ขณะที่การอ่านเริ่มดรอปลงในช่วงไฟล์ขนาด 64KB ตรงนี้ถ้าเป็นการเก็บข้อมูลทั่วๆ ไปก็จะไม่รู้สึกถึงความเร็วที่ลดลง แต่ถ้าเป็นไฟล์โฟลเดอร์ที่มีไฟล์เล็กๆ มากมาย ความเร็วการเขียนหรืออ่านก็จะดรอปลงจากนี้อยู่ดี
ส่วนไดรฟ์ Ultra Flair ถือว่าเซอร์ไพรส์ที่สุด ไม่ใช่เรื่องการอ่านข้อมูล แต่เป็นการเขียนข้อมูลที่แตะมาถึง 50MB/s ความเร็วในการเขียนก็ทำได้ดีไปจนถึงไฟล์ไซส์ 16KB ที่ยังทำความเร็วในระดับเกือบ 20MB/s ถึงตรงนี้ต้องบอกเลยว่า "ผิดคาด" ไปมากสำหรับการประเมินค่าแฟลชไดรฟ์ตัวบางๆ อย่างเจ้า Ultra Flair
Conclusion!!
มินิรีวิวครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแฟลชไดรฟ์แบรนด์อื่นๆ ซึ่งส่วนตัวเชือว่า มันก็มีรุ่นที่เขียนข้อมูลได้ดีแอบแฝงเช่นกัน สำหรับคนที่เคยใช้งานหรือทดสอบความเร็วแฟลชไดรฟ์หลายรุ่นอาจจะรู้ว่า ยังมีแฟลชไดรฟ์อีกหลายตัวที่ดีกว่านี้ ถึงอย่างนี้ถ้ามองจากอดีตที่ผ่านมา แฟลชไดรฟ์ USB 2.0 ราคาถูกๆ มักจะมีความเร็วการเขียนระดับ 2-4MB/s ขณะที่ในยุค USB 3.0 ทุกอย่างดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้เร็วแบบก้าวกระโดดสำหรับตลาดราคาถูก ถ้าจำไม่ผิดมันขยับขึ้นมาแตะช่วง 8 - 15MB/s อย่างไรก็ดี อย่างน้อยในปี 2019 ไดรฟ์ความจุ 32GB หาซื้อได้ในราคาไม่ถึง 199 บาท ขณะที่ไดรฟ์ที่นำมาทดสอบทั้ง 3 รุ่นก็เขียนได้ขั้นต่ำ 18MB/s และที่เคยกล่าวไว้ตอนต้น ไดรฟ์ SanDisk Ultra และ Ultra Flair มันมีราคาเท่ากัน จนถึงตอนนี้คงจะรู้แล้วว่า "ควรเลือกซื้อรุ่นไหน" หากคุณต้องการไดรฟ์ทีเขียนข้อมูลได้เร็ว