ข้อตกลงระหว่างอินเทลกับฝ่ายบริหารทรัมป์ ไม่ใช่แค่การถือหุ้น แต่รวมถึงความพยายามของรัฐบาลในการสนับสนุนการผลิตชิปขั้นสูงของ Intel ในสหรัฐฯ
ข้อตกลงระหว่างอินเทลกับรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้จำกัดเพียง การได้หุ้น 10% แต่ยังรวมถึง ความพยายามของรัฐบาลในการติดต่อพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อให้กระบวนการผลิตชิปขั้นสูงของอินเทล เช่น 18A ถูกผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะ ผู้บริหารของอินเทลชี้ชัดว่า หากไม่มีแรงจูงใจทางการเงิน พวกเขาไม่สามารถแข่งขันกับ TSMC ได้
นี่ถือเป็นข้อตกลงสำคัญสำหรับ Intel และแผนก Foundry เพราะผู้นำของบริษัทเคยระบุว่าพวกเขาอาจ เลิกแข่งขันในเทคโนโลยี node ขั้นสูง หากมีปริมาณการผลิตภายนอกน้อย แต่ด้วยอำนาจการเจรจาของฝ่ายบริหารทรัมป์ อาจทำให้อินเทลสามารถ ผลิตชิปให้ Apple และ NVIDIA ได้ ซึ่งไม่เพียงช่วยกระตุ้นแผนการผลิตชิปของอินเทล แต่ยังสร้าง การแข่งขันที่แท้จริงกับ TSMC
สำหรับผู้ที่ไม่ทราบ รัฐบาลไต้หวันถือหุ้นใหญ่ที่สุดใน TSMC ซึ่งสะท้อนว่า การแทรกแซงของรัฐบาลในธุรกิจ Foundry มีความสำคัญต่อความมั่นคงและความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ รายงานระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์สนใจ “บริหารแบบรายละเอียด” กับบริษัทอย่างอินเทล ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาเรียก CEO ของอินเทล Lip-Bu Tan ว่า “มีความขัดแย้งสูง” ก่อนการประชุม ทำให้มั่นใจได้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของอินเทล
อนาคตของ Intel Foundry Services (IFS) ขึ้นอยู่กับว่า เทคโนโลยี 18A จะพัฒนาได้อย่างไร โดยเฉพาะกับผลิตภัณฑ์ภายใน เช่น CPU Panther Lake สำหรับมือถือ และ Xeon Clearwater Forest สำหรับเซิร์ฟเวอร์ แต่ด้วยการมีส่วนร่วมโดยตรงของฝ่ายบริหารทรัมป์ โอกาสที่ชิปขั้นสูงของอินเทลจะถูกนำไปใช้ภายนอกได้เปิดกว้างมากขึ้น
ที่มา : Wccftech