โดยส่วนใหญ่เมาส์ไร้สายยังคงเป็นที่นิยมกับผู้ใช้งานโน้ตบุ๊กไม่เสื่อมคลาย แต่ก็มีบ้างที่ผู้ใช้งานเครื่องเดสก์ทอปจะนำเมาส์ไร้สายไปใช้งาน ซึ่งเมาส์ไร้สายที่จะพูดถึงนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยี Blue LED ที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีเซนเซอร์ตรวจจับที่สุดเพอร์เฟคสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เรื่องการตอบสนองที่ว่องไวหรือแม่นยำเหมือนกับเมาส์เกมมิ่ง แต่เป็นความสะดวกในการใช้งานที่พร้อมเผชิญทุกสภาพพื้นผิวเมื่อคุณออกจากโต๊ะทำงานในออฟฟิศ
DESIGN
เมาส์ HP Wireless Mouse 250 และ 220 ออกแบบในรูปทรง ambidextrous ใช้งานได้ทั้งสองมือ ไม่มีปุ่ม Back & Forward ติดตั้งมาให้ รูปทรงของเมาส์ 220 มีขนาดเล็กว่าในไซส์มินิ ไม่มีอะไรแตกต่างจากเมาส์อื่นๆ ในตลาดนัก แต่สำหรับเมาส์ Wireless Mouse 250 นั้นพิเศษกว่า ด้วยรูปร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้ง มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกนิด ตรงนี้ช่วยให้การจับใช้งานกระชับมือเข้ากับสรีระมือของผู้ใช้งาน
เมาส์ทั้งสองรุ่นใช้พื้นผิว Piano Black เป็นส่วนใหญ่ มีส่วนที่เป็นผิวแบบ Matte ในส่วนของด้านข้าง ซึ่งเป็นตำแหน่งกริปของเมาส์ โดยเมาส์ Wireless Mouse 220 จะมีผิวปั้มลึกลงไปเป็นจุดๆ ซึ่งจากการจับใช้งานไม่ค่อยมีผลต่อการเพิ่มความหนืดให้กับปลายนิ้วนัก ขณะที่ Wireless Mouse 250 ให้ผลต่อความกระชับ ติดปลายนิ้วได้ดีกว่า แน่นอนว่า การใช้งานก็ให้ความรู้สึกสบายมือกว่าด้วย
ปุ่มคลิกซ้ายขวาของเมาส์ทั้งสองมีพื้นที่ขนาดใหญ่ สามารถกดใช้งานได้จนถึงกลางเมาส์เลย ตรงนี้น่าจะถูกใจคนที่จับเมาส์แบบ Claw วงแหวน Scroll Wheel หุ้มด้วยยางทั้งคู่ เกาะติดปลายนิ้ว การหมุนเป็นแบบสเต็ป ความลื่นกำลังดี สำหรับเมาส์ Wireless Mouse 250 จะมีความพิเศษกว่า ตรงที่มีไฟ LED สีฟ้าอยู่กลางตัวเมาส์
ไฟ LED บนตัวเมาส์นอกจากจะยืนยันสถานะการเชื่อมต่อกับตัวรีซีฟเวอร์แล้ว ยังแสดงผลสถานะการปรับค่า DPI ด้วย โดยเมาส์ Wireless Mouse 250 สามารถปรับค่าได้ทั้งหมด 3 ระดับ คือ 1000 DPI, 1200 DPI และ 1600 DPI ทำการเปลี่ยนด้วยการคลิกปุ่มทั้งสองข้างไว้พร้อมกัน 3 วินาที จากนั้นไฟ LED สีฟ้าจะกระพริบ 1, 2, 3 ครั้ง ตามลำดับ
การออกแบบฐานของเมาส์ทั้งสองตัวนี้เหมือนกับเมาส์ไร้สายทั่วไป มีสวิทช์เปิดปิด ปุ่มเชื่อมต่อสัญญาณ ช่องใส่แบตเตอรี่ขนาด AA โดยที่ภายในซ่อนช่องเก็บตัวรับสัญญาณเอาไว้ด้วย แบตเตอรี่ที่ให้มาเป็นถ่านอัลคาไลน์ Energizer
เมาส์ทั้งสองรุ่นใช้ตัวรับสัญญาณรุ่นเดียวกันและใช้ความถี่ 2.4GHz ซึ่งสามารถใช้ทดแทนกันได้ ในเรื่องของขนาดไม่ต่างจากตัวรับแบบนาโนของเมาส์ไร้สาย Logitech หรือ Targus เลย
CONCLUSION!!

จากการใช้งานทดแทนเมาส์ไร้สายตัวเดิม สิ่งที่เมาส์ Wireless Mouse 250 & 220 ทำได้ดีกว่าก็คือ การใช้งานบนพื้นผิวหลายๆ รูปแบบที่น่าเชื่อถือกว่า และมันทำได้ดีในระดับที่ไม่เกิดปัญหาเหมือนกับเมาส์ออพติคอลอื่นๆ สำหรับ Wireless Mouse 250 ส่งมอบการจับใช้งานที่สบายมือกว่า การปรับค่า DPI ระดับสูงสุดถือว่า ให้ผลการใช้งานที่เฉียบคม แม่นยำ ซึ่งตรงนี้ดีมากเมื่อใช้งานบนเครื่องพีซีร่วมกับจอแสดงผลขนาดใหญ่อย่าง 24 นิ้ว ถึงกระนั้นความไหลลื่นในการใช้งานก็ยังเทียบไม่ได้กับเมาส์เกมมิ่งที่มีค่า Polling Rate ระดับ 500Hz ขึ้นไป ส่วน Wireless Mouse 220 ถ้าเทียบกับเมาส์ Logi ของเรา การจับใช้งานนั้นแทบไม่ต่างกัน ข้อแตกต่างก็เหมือนกับที่กล่าวมาข้างต้น สิ่งที่เราไม่ชอบก็คือ ผิวตัวเมาส์แบบ Piano Black นั้นเปรอะรอยคราบได้ง่าย และเช็ดออกไม่ง่ายด้วย
อย่างไรก็ดี เราถือว่า เมาส์ทั้งสองรุ่นนี้เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับโน้ตบุ๊กที่ต้องออกไปนอกสถานที่บ่อยๆ มาก เพราะไม่ต้องกังวลกับปัญหาพื้นผิวโต๊ะ เพียงแค่มีปกนิตยสารหรือกระดาษ A4 (กรณีโต๊ะไม่เรียบเอามากๆ) ก็ใช้งานก็ยังคงลื่นไหลไม่ต่างอยู่ในออฟฟิศเลย
Thanks: บริษัท สปา ออฟฟิต ซัพพลายส์ จำกัด (www.facebook.com/HP-Gadgets)
Price: 650.00