สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซน ในยุคสมัยนี้ที่ตลาดสมาร์ทโฟนนั้นแข่งขันกันเรื่องหน้าจอขนาดใหญ่เป็นสำคัญ ซึ่งทำให้สมาร์ทโฟนหน้าจอที่มีขนาดกำลังพอดีมือสามารถใช้งานมือเดียวได้นั้น ส่วนมากกลับกลายเป็นสมาร์ทโฟนในกลุ่มระดับเริ่มต้นหรือระดับกลางซะมากกว่า อย่างแน่นอนว่าแบรนด์ Xiaomi ที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเราอย่างเป็นทางการ ที่เรียกได้ว่าทำตลาดกันได้แบบตั้งใจ ทำราคาออกมาของหิ้วน้ำตาตกในอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าการทำตลาดเต็มตัว ที่ทำให้โมเดลสมาร์ทโฟนต่างๆที่ทำตลาดกันในแบบ Global เข้ามาทำตลาดในบ้านเรากันทุกโมเดลหลัก เรียกว่าจะซื้อทีชวนสับสนได้ เพราะราคามันค่อมและขี่กันหมด ซึ่ง Xiaomi ก็ได้เปิดตัว Redmi ในยุคที่ 6 เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน ก็มาวางขายในบ้านเราอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่ง Redmi 6 นั้นจะเป็นสมาร์ทโฟนที่ขนาดไม่ใหญ่ กับสเปคที่น่าสนใจ และ กล้องที่มาพร้อมกับระบบ AI นั้นเอง โดยหลักแล้ว Xiaomi Redmi 6 จะมาพร้อมกับ SoC MediaTek Helio P22 ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี TSMC 12nm FinFET รองรับการเชื่อมต่อ 4GLTE ได้ 2 Sim พร้อมกัน พลังคอร์ประมวลผลเป็นสถาปัตยกรรม ARM 64ฺ Bit Cortex-A53 แบบ 8 คอร์ ความเร็วสูงสุด 2 Ghz ที่จะมีการใช้ในส่วนกราฟฟิก IMG PowerVR GE8320 650 Mhz ทางด้าน Ram/Rom จะมีทางเลือก 3/32 GB และ 4/64 GB ที่มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล IPS Panel ขนาด 5.45 นิ้ว ที่ความละเอียด 1440x720 แบบ HD+ 18:9 Full Sereen Display ตามกระแสนิยมของสมาร์ทโฟนในยุค 2018 ทางด้านกล้องที่ Xiaomi Redmi 6 ก็ยังมีจุดเด่นด้วย Dual Camera 12MP+5MP พร้อมเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาช่วยประมวลผล กล้องหน้ายังเด่นอีกเช่นกัน 5MP ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี AI ที่ช่วยทำให้ถ่ายภาพได้สวยเนียน แล้วยังรองรับการปลดล็อกเครื่องด้วยใบหน้าอีกครับ
Package & Bundled
แพ็คเกจที่มาในสไตล์ของที่จะเป็นสไตล์ของ Xiaomi หลายปีที่ผ่านมา ด้วยธีทสีส้ม พร้อมกับการบอกว่านี่คือ Redmi 6 และ สติกเกอร์ด้านข้างที่บ่งบอกว่า Global Version ของในกล่องจะมี คู่มือ ,เข็มจิ้มซิม ,สาย Micro USB และ USB Charger แบบ 5V/1A (น่าเสียดายที่ตัว SoC รองรับ Pump Express แต่ถูกปิดไว้) ทางด้านหูฟังไม่แถมครับ ไปซื้อเอาเองครับ เอามือถือไปจิ้มแล้วลองฟังดีกว่า ถ้าอยากจะใช้เป็นสาวก Xiaomi ในร้านขายออนไลน์ในบ้านเรา มีทางเลือกตั้งแต่ 1xx บาท จนถึงสองสามพัน เลือกกันตามสบาย
Design & Detail
มาถึงด้านหน้าของ Xiaomi Redmi 6 ที่ดูแล้วไม่ได้แตกต่งจากสมาร์ทโฟนยุคนี้ ที่จะเห็นได้ว่าหน้าจอ 5.45 นิ้ว จะเป็นแบบ 18:9 หน้าจอไม่แหว่ง โดยเครื่องสีเทาและสีดำจะเป็นขอบดำ แต่ถ้าเป็นเครื่องสีทองและสีฟ้าจะเป็นขอบสีขาว ตัวเครื่องจะมีสัดส่วน 147.5 x 71.5 x 8.3 มม. และ น้ำหนัก 146 กรัม กระจกด้านหน้าที่ออกแบบมาเหมือนเป็นขอบ 2.5D แต่ลองส่องดูดี ว่ามันคือกระจกราบ ใส่ขอบข้างหลอกตาว่าเป็นแบบ 2.5D
ด้านบนบนจะเห็นได้ว่ามี LED Notification ,เซ็นเซอร์ตรวจจับแสง ,กล้องหน้า , หูฟัง และ เซ็นเซอร์อีกหนึงตัว (ถ้าเทียบกับฟิล์มแบบเต็มหน้าจอ)
ฝาหลังนี่บ่งบอกความเป็น Xiaomi ในตระกูล Redmi ได้เลย คือมันออกแบบมาง่ายๆ ไม่มีอะไรมาก เหมือนการจับ Ctrl + C ,Ctrl + X แล้ว มา Ctrl + V จาก Redmi 5 วัสดุพลาสติกที่ถูกพ่นสีออกมาคล้ายกับโลโหะ ยังไงใส่เคสไปก็ไม่เห็นอะไร โดยส่วนตัวชอบ เพราะมันเบาดี
กล้องหลังจะเป็น 12MP ขนาด 1.25um เซ็นเซอร์ Sony IMX486 Exmor RS พร้อมกับกล้องอีกหนึ่งตัว 5MP ที่จะช่วยเข้ามาเก็บรายละเอียดความชัดลึกของภาพ ที่จะมี AI เข้ามาช่วยประมวลผล ทางด้านแสงส่องสว่างจะเป็น LED สีขาวเพียงสีเดียว
ออกแบบมายังไงก็ต้องใส่เคส ดูจากในส่วนของเลนส์กล้อง ก็คงจะพอเข้าใจได้ ต้องระวังกันนิดนึงถ้าจะเล่นสดไม่ใส่เคส
เซ็นเซอร์แสกนลายนิ้วมือ ที่ถือว่ามีความไวในการปลดล็อกหน้าจอที่เร็วดี เหงื่อออก นิ้วเปียกเล็กน้อย ก็ยังแสกนพอได้
ลำโพงติดตัวมา คุณภาพเสียงที่เรียกได้มีเสียงให้ได้ยินก็ดีแล้ว ความดังพอใช้ได้ แต่จะมีดีที่เทคโนโลยีที่ป้องกันฝุ่นเข้าไปข้างใน
ด้านล่างจะมีไมค์ 1 ตัว พร้อมกับ Micro USB ที่หลายคนจะบอกว่านี่มันปี 2018 แล้ว USB Type-C น่าจะดีกว่า แต่จากที่ใช้ๆมา Micro USB ดีแล้วแหละ ถ้าหลวมก็แค่เปลี่ยนสาย แต่ USB Type-C ถ้าหลวมต้องเปลี่ยนตูดชาร์จนะครับ
ด้านบนที่จะมีไมค์ตัวที่สองเอาไว้ตัดเสียงรบกวน หรือ ใช้แทนไมค์ตัวแรก ในกรณีที่มีอะไรไปขวางเสียงเข้าไมค์ ส่วนทางด้านช่องเสียบชุดหูฟังแบบ 3.5 มม. ก็ยังมีมาให้ เห็นมั๊ยว่าขาดอะไรไป ปกติ Xiaomi มันจะใส่อินฟาเรดใช้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆนาๆมาอย่างยาวนาน สมัยนี้ยุค IoT แล้วใช้การควบคุมผ่าน Wi-Fi กันหมด ก็ต้องปรับตัวกันไป เหมือนกับขนาดหน้าจอของสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ด้านข้างขวาจะมีปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์
ด้านข้างซ้ายจะมีถาดใส่ซิมการ์ดและเมโมรีการ์ด 2 ถาด
รองรับการติดตั้ง Nano Sim 2 การ์ด และ Micro SD ความจุ 256GB ได้พร้อมกันหมด ข้อดีที่ผมชอบมันสามารถถอดทีละถาดได้ อย่างน้อย ถ้าแกะถาดมาพลาดทำซิมหล่นหายก็ยังมีเหลืออีกอัน (ฮ่าๆ)
เทียบขนาดตัวเครื่องกันหน่อย ไล่จากซ้ายไปขวา Xiaomi Redmi 6 ,Xiaomi Mi4 และ iPhone 6s
เทียบขนาดตัวเครื่องจากอีกมุม ไล่จากล่างขึ้นบน Xiaomi Redmi 6 ,Xiaomi Mi4 และ iPhone 6s
<<< Specifications >>>
ในส่วนของ OS นั้นจะเป็น Android 8.1 ที่ครอบ UI MIUI เวอร์ชั่น 9.5 ก็คงจะได้รับการอัพเดทเป็น MIUI 10 ในอนาคต ส่วน Android จะเป็น 9 หรือไม่ผมก็ตอบไม่ได้ตอนนี้
อินเตอร์เฟส MIUI 9.5 สาวกคงรู้จักกันดีอย่างแน่นอน ที่ใช้งานง่ายมีความสวยงาม โดยทั้งหมดนี้จะเป็นแอปที่ติดตั้งมาให้หลังจากเซ็ตอัพเครื่อง ที่แน่นอนว่ามันเป็น Global ที่จะมี Play Store มาให้พร้อม ไม่ต้องติดตั้งเองแบบรอมเวอร์ชั่นจีน
ทางด้านการแสดงผลและสถานะต่างๆนั้นสามารถปรับแต่งกันได้พอสมควร โดยทางด้านการแสดงผลนั้นสามารถเปิดแบบ Full View โดยใช้คำสั่งใช้นิ้วรูดหน้าจอแทน navigation bar
หน้าจอ Lock Screen ที่จะมีการแสดงผล การแจ้งเตือนต่างๆด้วย
การสั่งการในช่วงระยะเวลาที่ล็อกหน้าจอ และ การจัดการระบบการปลดล็อกหน้าจอต่างๆ เราจะเห็นว่าไม่มีเมนู Face Unlock ถ้าตั้งโลเคชั่นในการใช้งานประเทศไทย จะไม่มีเมนูนี้ขึ้นมา คงจะออกอัพเดทในรอมเวอร์ชั่นใหม่ให้ใช้ในประเทศไทยได้
เมื่อปัดหน้าจอมาทางด้านซ้ายจะผมกับรายการที่ใช้เป็นประจำ และการแสดงผลข้อมูลต่างๆ ที่สามารถปรับแต่งได้ตามการใช้งานและความชอบ
Toggle Panel ที่จะมีด้านบนจะแสดงอากาศได้ด้วย แถมยังรองรับการปรับแต่งและเรียงลำดับทางลัดให้ตำแหน่งตามที่ถนัดครับ โดยในส่วนนี้จะมีการแจ้งเตือนมาตรฐานแบบฉบับของ Android เหมือนปกติ
จุดเด่นของ MIUI สำหรับคนขี้เบื่อ ที่จะมี Theme ,Wallpaper และ Ringtone ให้เลือกใช้งานได้หลากหลาย ใครจะลักไก่ ปรับเองเป็นส่วนๆก็ได้ แต่งกันได้ตามใจและความชอบคนใช้
ในส่วนของการ Setting ที่ MIUI นั้นจะมีการปรับแต่งที่แตกต่างจาก Android Pure แน่นอน
Mi Account ที่จะต้องเสียค่า SMS 9 บาท เพื่อเป็นการยืนยันด้วยนะครับ ถ้าเซ็ตอัพ Mi Account แล้วมีค่า SMS ส่งไปต่างประเทศไม่ต้องตกใจ
พื้นที่ Rom และ Ram ที่เหลือใช้งานได้จริงสำหรับโมเด
รายละเอียดต่างๆของตัวเครื่อง
CPU 64 Bit แต่ OS ดันเป็น 32 Bit ก็หวังว่าจะออกมาอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่เป็น 64 Bit อย่างที่เคยเป็นกับ Redmi ที่ผ่านๆมา
อีกอย่างที่เสียดาย คือ ไม่มี Wireless 5Ghz หวังกว่าจะออกมาอัพเดทภายหลัง แบบแบรนด์สมาร์ทโฟนจากจีนยี่ห้อนึง ที่ใช้ SoC MediaTek เช่นกัน
Gyro ไม่มีนะจ๊ะ
รองรับการ Mulit Touch 10 จุด
Redmi 6 ขนาดตัวเครื่องที่ไม่ใหญ่มาก ก็ใหญ่กว่ามือถือ 5 นิ้ว สมัยก่อนเล็กน้อย ที่ยังถือมือเดียวใช้งานได้ ใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ไม่เลยออกนอกกระเป๋า
ตำแหน่งของตัวแสกนลายนิ้วมือ ที่ใช้งานได้สะดวก ถือมือเดียววางนิ้วชี้ไปเครื่องพร้อมใช้งานได้ทันที
หน้าจอแสดงผล IPS ที่มีความสดใสในการแสดงผลดีมาก ขนาดนี่ยังติดฟิล์มกันรอยเอาไว้ เพราะว่าผมไปแอบเอาเครื่องของคนอื่นมารีวิวให้ชมเลยไม่กล้าแกะของเค้า รูปแบบการปรับแสง โทนสีที่ทำได้หลากหลายการใช้งาน สู้แสงได้ดีพอสมควร
สีสันสดใสทุกมุมมอง ก็เรียกได้ว่า Panel IPS ที่ได้รับความนิยมในการใช้บนสมาร์ทโฟนในเวลานี้
เนื่องจากมันคือสมาร์ทโฟน ที่สามารถใส่ซิมโทรศัพท์ได้ ข้อดีของมันคือรองรับการใช้งาน 4G LTE พร้อมกันทั้งสองซิม ที่ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าเกี่ยวกับการโทรและการใช้งานเกี่ยวกับซิมการ์ดได้หลากหลาย
การแบ่งใช้งานสองแอปบนหน้าจอเดียวกัน และ การ Clone Apps ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น ก็แล้วแต่ว่าใครจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรบ้าง
การใช้งาน Face Unlock ถ้าเป็นรอมติดตัวต้องตั้งโลเคชั่นเป็นประเทศอินโดนิเซีย ถึงจะมีขึ้นมาให้ใช้ แต่หลังจากอัพเดทรอมล่าสุด ก็จะมี Face Unlock มาให้ใช้ได้ถึงแม้จะตั้งเป็นประเทศไทย ความเร็วในการปลดล็อกนั้นก็รวดเร็วมีความแม่นยำพอสมควร
มาถึงในเรื่องของแบต ที่ความจุแบต 3000 mAh ใช้งานทั่วไป เล่นเน็ต ฟังเพลง เล่นเกม และ คุยต่างๆ 1 วันเอาอยู่ กลับถึงบ้านยังมีเหลือให้ใช้งานได้ก่อนนะ ก็ขึ้นกับการใช้งานของแต่ละคน เสียงอย่างเดียวคือมันชาร์จกลับช้าไปหน่อย หวังว่ารอมอัพเดทใหม่จะมีการเปิด Pump Express นะครับ
การเล่น PUPG ถือว่าพอเล่นได้ ต้องปรับความละเอียดต่ำ
ROV ก็เล่นได้สบาย ถ้าในการเล่นฉากที่มีจำนวนตัวละครเยอะๆ ก็ต้องลดรายละเอียดลงมาบ้าง
ความร้อนของตัวหน้าจอ ตลอดการเปิดใช้งานเล่นเกมประมาณ 1 ชั่วโมง ที่จะอยู่ไม่เกิน 40 องศา ในห้องไม่เปิดแอร์
ความร้อนของตัวของตัวเครื่องด้านหลัง ตลอดการเปิดใช้งานเล่นเกมประมาณ 1 ชั่วโมง ที่จะอยู่ไม่เกิน 40 องศา ในห้องไม่เปิดแอร์
ในการถ่ายภาพจะมี MIUI Camrea ติดตัวมา การรองรับรูปแบบการถ่ายเยอะมากครับ ใครสายปรับเอง ก็มีให้เล่นกันได้พอหอมปากหอมคอ
โหมดการถ่ายภาพต่างๆ รวมไปถึงฟิวเตอร์สี ที่มีให้เลือกกันได้ตามความชอบ โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ Apps เพิ่มเติม
การปรับแต่งในส่วนของกล้องถ่ายรูป เดี๋ยวเรามาดูภาพกันดีกว่า จะออกมาได้ดีแค่ไหนกับมือถือระดับ 4XXX-5XXX บาท กับ Redmi 6 ภาพทุกภาพไม่มีการแต่งใดๆ ย่ออย่างเดียว ถ้าอยากกดดูภาพที่ใหญ่ขึ้นให้คลิกขวาที่ภาพ และกดดูภาพอีกครั้ง
พอดีช่วงนี้ฝนตก เลยไม่ได้ออกไปถ่ายภาพที่ไหนมาก เอาใกล้ๆตัวเนี่ยแหละ ภาพนี้จะเห็นได้ว่าภาพที่ออกมานั้นให้มิติความชัดลึกได้ดี รวมไปถึงฉากหลังที่ละลายกันพอสมควร ความคมชัดของผิวน้ำที่ทำได้ดี
ภาพนี้ก็ถ่ายเล่นๆตอนไปหลบฝนใต้ต้นไม้ ที่เราจะเห็นมิติความชัดลึกของใบไม้และกิ่งไม้ชัดเจนดี ดูไม่แบนจมเป็นเนื้อเดียวกัน
โฟกัสภาพที่ไอศกรีม แต่วัตถุอื่นและฉากหลังก็ละลายลงตัว
จอดหลบฝนถ่ายรูปเล่นๆดู ที่จะเห็นความชัดลึกของเม็ดฝน แต่ฉากหลังที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็ละลายอย่างสวยงาม
อันนี้เราก็จะเห็นความผิดพลาดของ Ai กันบ้าง ที่คำนวณบางส่วนละลายไปกับฉาก
ช่วงหัวค่ำ ที่แสงแทบจะไม่มีแล้ว การเก็บรายละเอียดของภาพที่ยังทำออกมาได้เกินราคาของเครื่อง
การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย ที่ถือว่าทำออกมาได้ดี แต่ยังมี Noise พอสมควร แต่ไม่น่าเกลียดอะไรมาก
อันนี้แสงน้อยเข้าไปใหญ่ แสงไฟจากบ้านตรงข้ามและข้างๆเท่านั้น ที่การเก็บรายละเอียดยังทำออกมาไดี เห็นว่าอะไรเป็นอะไรกันอยู่
การโฟกัสตามจุดที่ต่างกัน ทำออกมาได้ดี
การถ่ายระยะประชิด หรือ Marco ที่ทำออกมาได้น่าสนใจ ยังสามารถเก็บรายละเอียดออกมาครบถ้วน เห็นร่องรอยจากการใช้งานมาเกือบสามสิบปีอย่างชัดเจน
มาถึงกล้องหน้ากันบ้าง ที่นอกจาก AI Beauty 5 ระดับแล้ว ก็ยังสามารถปรับได้ระดับ Advance กันได้มากขึ้น ในภาพจเห็นได้ว่า AI จะคอยประมวลให้ละลายฉากหลังอยู่ตลอดเวลา อาจมีความผิดพลาดในการทำตัดฉากเบลอบ้างจากภาพถ่ายที่ออกมา ถ้าผมสั้น หรือ ทำผมให้เรียบร้อย จะไม่ค่อยมีปัญหานี้
ภาพซ้าย AI Beauty 0 และ ภาพขวา AI Beauty 5
ภาพซ้าย AI Beauty 5 และ ภาพขวา Beauty Advance เพิ่มตาโตและผิวขาวเนียนเพิ่มขึ้น
Auntutu Benchmark
Geekbench
3DMARK
PCMARK
Conclusion !
Xiaomi Redmi 6 ก็คงจะเหมาะกับคนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนด้วยขนาดเครื่องไม่ใหญ่มากนัก ถือเดียวใช้งานได้ ยัดใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์สบายๆ รองรับการใช้งาน 4G ได้ 2 Sim พร้อมกัน แต่สเปคของเครื่องนั้นแรงพอสมควร และ กล้องทำออกมาได้น่าสนใจกับราคา ทั้งกล้องหน้าและหลัง ชาร์จเต็มครั้งเดียวใช้งานชีวิตประจำวัน 1 วัน สบายมาก ซึ่งหลายๆจุดหลายๆอย่างการจูนรอมของ Radmi 6 นั้นเหมือนเขียนลวกออกมาทีเดียวเผื่อ Redmi 6A ที่สเปคด้อยกว่าใช้แรม 2GB ทำให้ประโยชน์ของเครื่องแรม 3/4GB ไม่ได้ใช้งานเต็มที่มากนัก ต้องไปปรับแต่ง Developer Option เพิ่มเติมกันได้ในส่วน Background Apps เพราะไม่งั้นการใช้งานสลับไปมาหลายๆแอบและสลับจะชวนให้หงุดหงิดมาก จุดสังเกตุที่มันยังใช้ Android 32 Bit ไม่รู้ว่าจะกลัวไปชนกับรุ่นพี่อย่าง Mi A2 Lite (Redmi 6 Pro) ประสิทธิภาพการใช้งานที่น่าจะออกมาได้ดีกว่านี้ เทียบจากที่ลองจับยี่ห้ออื่นที่ใช้ MediaTek Helio P22 แต่เป็น Android 64 Bit ทางด้านการเชื่อมต่อ Wireless Lan ที่ยังขาด 5Ghz ไป ไม่รู้ว่า Rom อัพเดทใหม่เป็น Android 64 Bit จะใจดีเปิด Wireless 5 Ghz และ Pump Express ด้วยหรือเปล่านะครับ Xiaomi Redmi 6 ถือว่าเป็นความน่าสนใจของสมาร์ทโฟนในยุค Full Screen Display ขนาด 5.45 นิ้ว ที่ขอบไม่หนา ทำให้เครื่องนั้นมีความใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนหน้าจอ 5 นิ้ว ยุคก่อนไม่มากนัก สเปคแรง ใช้งานได้ดีกับสมาร์ทโฟนราคา 4XXX - 5XXX บาท พร้อมกับฟีเจอร์มากมายแบบฉบับ Rom MIUI 9.5 ที่จะได้อัพเป็น MIUI 10 ในอนาคต สำหรับวันนี้ผมขอลาแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
Price : 3/32GB = 4,XXX บาท
4/64GB = 5,XXX บาท