ด้านหัวหน้าโครงการ รศ.ดร.สุภาภรณ์ เกียรติสิน มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา วิเคราะห์ ประเมินความเสี่ยงด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์ในภาพรวม ระดับประเทศ ระดับกลุ่มหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ และหน่วยงานของรัฐ ซึ่งผลการประเมินความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ของประเทศไทย ตามกรอบการประเมินความ เสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ของประเทศไทย ประจำปี 2568 (Thailand National Cyber Risk Assessment Framework : TH-NCRAF) ที่ได้มีการรวบรวมข้อมูลจำแนกตาม Sector ทั้ง 7 และหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งสิ้น 54 หน่วยงาน พบว่า เหตุการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่พบมากที่สุด
ในระดับประเทศ 3 อันดับแรก ได้แก่ การใช้ประโยชน์ช่องโหว่จากระบบภายใน (Exploit vulnerabilities on internal organization systems) การเข้าถึงระบบหรือข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต (Obtain unauthorized access) และการบ่อนทำลายและปฏิเสธการให้บริการของระบบ ฟังก์ชัน (Cause degradation or denial of attacker-selected services or capabilities) ซึ่งผลการประเมินในปีนี้สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยจำเป็นต้อง เร่งเสริมความแข็งแกร่งด้าน Cybersecurity อย่างจริงจัง โดยการส่งเสริมให้มีการพัฒนา “National Threat Intelligence Platform” หรือ ศูนย์กลางข้อมูลภัยคุกคามไซเบอร์แห่งชาติ เพื่อรวบรวม วิเคราะห์ และแบ่งปัน ข้อมูลจากทุกภาคส่วน ตามมาตรฐานสากล แพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้องค์กรโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ และหน่วยงานรัฐสามารถรับมือภัยคุกคามได้รวดเร็ว แม่นยำ และสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ของประเทศอย่างยั่งยืน
ด้านคุณเบญจ เบญจรงคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (Co-CEO) บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด (ยูไอเอช) กล่าวว่า “ในมุมมองของภาคเอกชน ผมมีความเห็นว่า โครงการนี้ถือว่ามีความสำคัญยิ่ง เพราะช่วยให้องค์กร โดยเฉพาะภาครัฐ สามารถประเมินความพร้อมด้าน Cyber Security ของตนเองได้อย่างเป็นระบบ การมีข้อมูลที่ชัดเจนจะช่วยให้การวางกลยุทธ์และการลงทุนด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชน อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างอันดีของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการสร้างระบบนิเวศด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่แข็งแกร่งให้กับประเทศไทย”
“ไซเบอร์อีลีท ภายใต้ ยูไอเอช ให้บริการไซเบอร์ซีเคียวริตี้ มีความมุ่งมั่นที่จะต่อยอดโครงการนี้ ผ่านการพัฒนาเครื่องมือ สร้างองค์ความรู้ และการทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้องค์กรไทยทุกระดับสามารถปรับตัวและรับมือกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย โดยสอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งเป็นกรอบกฎหมายสำคัญของประเทศ”