สิ่งใหม่ / สิ่งที่เปลี่ยน
-
Enablement Package (eKB)
-
ถ้าเครื่องคุณอยู่บน Windows 11 24H2 อยู่แล้ว จะอัปเกรดเป็น 25H2 ได้แบบเบา ๆ ผ่าน “enablement package” โดยไม่ต้องติดตั้งระบบใหม่ทั้งหมด
-
การอัปเดตจะต้องรีสตาร์ทเครื่องเพียงครั้งเดียว
-
-
Same Core / Shared Servicing Branch กับ 24H2
-
รหัสพื้นฐาน (“platform”) เหมือนกันกับ 24H2 — มีโค้ดฟีเจอร์หลายอย่างอยู่แล้วแต่ยังปิดไว้ถ้าใช้ 23H2 หรือต่ำกว่า ต้องอัปเกรดแบบเต็ม (full upgrade)
-
-
รองรับการลบแอปที่ติดตั้งมากับเครื่อง (pre-installed Microsoft Store apps) สำหรับองค์กร/โรงเรียน
-
สำหรับเครื่องในกลุ่ม Enterprise / Education, ผู้ดูแลระบบสามารถใช้ Group Policy/MDM เพื่อลบแอปที่มากับระบบที่ไม่ต้องการได้
-
-
สิ้นสุดการสนับสนุน “PowerShell 2.0” และคำสั่ง WMIC
-
ฟีเจอร์เก่า เช่น PowerShell 2.0 และ WMIC จะถูกลบออก
-
-
เมนู Start ที่ปรับปรุงใหม่
-
Start menu รูปแบบใหม่ที่มีการควบคุมเพิ่มขึ้น: สามารถเลือกรูปแบบ “All apps” หรือ “Pinned apps” / ซ่อน Recommended section ได้ / รูปแบบแสดง “Grid / List / Category view”
-
ตัวเลือกให้แอปที่ใช้บ่อย / ติดตั้งใหม่แสดงหรือซ่อนได้ตามต้องการ
-
-
Lifecycle การสนับสนุน
-
Windows 11 Home / Pro จะได้การสนับสนุน 24 เดือน (หลัง 25H2)
-
สำหรับ Enterprise / Education จะได้นานกว่า (36 เดือน)
-
-
การลดขนาดของแพ็กเกจอัปเดตและเวลาการติดตั้ง
-
เพราะใช้ servicing branch ร่วมกัน +ใช้ enablement package ทำให้ขนาดอัปเดตเล็กลงและติดตั้งเร็วขึ้น
-
Microsoft แจ้งว่ามีการลดขนาดแพ็กเกจแบบ cumulative + servicing stack down ประมาณ ~40%
-
-
การลบหรือเปลี่ยน UI / ประสบการณ์ระบบบางส่วน
-
ปรับปรุงการแสดงผล Start Menu, Option ซ่อน Recommended section
-
เปลี่ยนหน้าจอ “Blue Screen of Death (BSoD)” มาเป็นหน้าจอสีดำสำหรับ “unexpected restart” (แต่ยังคงโค้ดข้อผิดพลาดไว้)
-
-
ปรับปรุงด้านเสถียรภาพ & ความเข้ากันได้ (Compatibility / Stability)
-
เน้นลดปัญหาความไม่เข้ากันของฮาร์ดแวร์ ไดรเวอร์ ฯลฯ
-
การทดสอบกับกลุ่ม Insider Release Preview เพื่อให้พร้อมก่อนเปิดตัวจริง
-
-
การขยายเวลาการสนับสนุนด้านความปลอดภัย
-
สำหรับ Windows 11 25H2 จะมี Patch / security updates ส่งต่อไปตาม lifecycle ที่กำหนด (ตามที่ข้อ 6)
-