อินเทลเปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรมของโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ Intel Core Ultra ซีรีส์ 3 (โค้ดเนม Panther Lake) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มส่งมอบภายในปีนี้ โดย สถาปัตยกรรม Panther Lake ถือเป็นผลิตภัณฑ์แรกที่สร้างบนเทคโนโลยี Intel 18A ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ล้ำสมัยที่สุดที่เคยพัฒนาและผลิตในสหรัฐฯ
นอกจากนี้ อินเทลยังเผยโฉมโปรเซสเซอร์ Xeon 6+ (โค้ดเนม Clearwater Forest) ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์เซิร์ฟเวอร์รุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยี Intel 18A โดยคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 ทั้ง Panther Lake และ Clearwater Forest รวมถึงผลิตภัณฑ์อีกหลายรุ่นที่อยู่ระหว่างการพัฒนาบนเทคโนโลยีเดียวกัน กำลังถูกผลิตที่ Fab 52 โรงงานแห่งใหม่ของอินเทลในเมืองแชนด์เลอร์ รัฐแอริโซนา ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของอินเทลในการลงทุนเพื่อเสริมความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและการผลิตของสหรัฐฯ พร้อมสร้างห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ที่ยั่งยืน
นายลิปบู ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอินเทล กล่าวว่า “เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการประมวลผลที่ขับเคลื่อนโดยความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ของเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจะกำหนดอนาคตไปอีกหลายทศวรรษข้างหน้า โดยแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการประมวลผลแห่งอนาคต หรือ Next Gen Compute Platform ของเรา ผสานเข้ากับเทคโนโลยีกระบวนการผลิตขั้นสูง ความสามารถด้านการผลิตและบรรจุภัณฑ์ ซึ่งล้วนเป็นตัวเร่งให้เกิดนวัตกรรมในทุกภาคส่วนของธุรกิจของเรา และในขณะที่เรากำลังสร้างอินเทลยุคใหม่ สหรัฐฯ ยังคงเป็นศูนย์กลางของการวิจัย พัฒนา การออกแบบผลิตภัณฑ์ และการผลิตที่ทันสมัยที่สุดของอินเทลมาโดยตลอด และเราภูมิใจที่ได้สานต่อความสำเร็จนี้ด้วยการขยายกำลังการผลิตภายในประเทศ และนำนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาด”
โปรเซสเซอร์ Panther Lake ขุมพลังของ AI PC ประสิทธิภาพสูงที่ปรับขนาดได้บนเทคโนโลยี 18A
โปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra ซีรีส์ 3 ได้รับการออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อน AI PC ทั้งสำหรับผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ครอบคลุมอุปกรณ์เล่นเกมและโซลูชันเอดจ์ที่หลากหลาย โดยเป็น ระบบชิปแบบ System-on-Chip (SoC) รุ่นแรกที่สร้างบนเทคโนโลยี Intel 18A พร้อมสถาปัตยกรรมแบบมัลติชิปเล็ตที่ปรับขนาดได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับพันธมิตรในการพัฒนาอุปกรณ์หลากหลายรูปแบบและระดับราคา
คุณสมบัติเด่น:
- ประสิทธิภาพการใช้พลังงานระดับ Lunar Lake และสมรรถนะเทียบเท่า Arrow Lake[1]
- มาพร้อม Performance-cores (P-core) และ Efficient-cores (E-core) ใหม่สูงสุด 16 คอร์ มอบประสิทธิภาพ CPU ที่เร็วขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า[2]
- กราฟิกการ์ด Intel® Arc™ ใหม่ มาพร้อมคอร์ Xe สูงสุด 12 คอร์ มอบประสิทธิภาพกราฟิกที่เร็วขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า[3]
- การออกแบบ XPU ที่สมดุลเพื่อการเร่งประมวลผล AI ขั้นสูงได้สูงสุดถึง 180 Platform TOPS (Trillions of Operations Per Second) [4]
นอกเหนือจากการใช้งานบนพีซี Panther Lake จะขยายไปสู่แอปพลิเคชันเอดจ์ที่ล้ำสมัย รวมถึงหุ่นยนต์ด้วย ชุดซอฟต์แวร์ Intel Robotics AI และบอร์ดอ้างอิงใหม่ ช่วยให้ลูกค้าที่มีความสามารถด้าน AI ที่ซับซ้อนสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมและพัฒนาหุ่นยนต์ที่คุ้มค่าได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ Panther Lake สำหรับทั้งการควบคุมและการรับรู้ AI
Panther Lake จะเข้าสู่การผลิตในปริมาณมากภายในปีนี้ โดยคาดว่าชุดผลิตภัณฑ์แรกจะเริ่มส่งมอบก่อนสิ้นปี และวางจำหน่ายในตลาดทั่วไปในเดือนมกราคม 2026
โปรเซสเซอร์ Clearwater Forest ประสิทธิภาพและการปรับขนาดรองรับศูนย์ข้อมูลยุคใหม่
Clearwater Forest คือโปรเซสเซอร์แบบ E-core เจเนอเรชั่นใหม่ของอินเทล ภายใต้ชื่อแบรนด์ Intel Xeon 6+ ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์เซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดที่บริษัทเคยพัฒนาขึ้นมา โดยสร้างขึ้นบนเทคโนโลยี Intel 18A ทั้งนี้ อินเทลมีแผนเปิดตัว Xeon 6+ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2026
คุณสมบัติเด่น:
- จำนวน E-core สูงสุด 288 คอร์
- ประสิทธิภาพต่อรอบคำสั่ง (Instructions Per Cycle: IPC) เพิ่มขึ้น 17% จากรุ่นก่อน
- ปรับปรุงความหนาแน่น การประมวลผล และประสิทธิภาพพลังงานอย่างมีนัยสำคัญ
โดย Clearwater Forest ถูกออกแบบมาสำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Hyperscale Data Center) ผู้ให้บริการคลาวด์และโทรคมนาคม ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถปรับขนาดเวิร์กโหลด เพื่อรองรับการทำงานที่ซับซ้อน ลดต้นทุนพลังงาน และให้บริการอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Intel 18A: เทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม
เทคโนโลยี Intel 18A เป็นโหนดเทคโนโลยีระดับ 2 นาโนเมตรรุ่นแรกที่พัฒนาและผลิตในสหรัฐฯ โดยมอบประสิทธิภาพต่อวัตต์ที่ดีขึ้นสูงสุดถึง 15% และเพิ่มความหนาแน่นของชิปได้มากขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับ Intel 35 โหนดนี้ได้รับการพัฒนา ทดสอบเพื่อเตรียมเข้าสู่การผลิต และเริ่มต้นการผลิตในระยะเริ่มต้นที่ศูนย์การผลิตของบริษัทในรัฐออริกอน และขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการผลิตในปริมาณมากในรัฐแอริโซนา
นวัตกรรมหลักใน Intel 18A ได้แก่:
- RibbonFET: สถาปัตยกรรมทรานซิสเตอร์รูปแบบใหม่ของอินเทลในรอบกว่าทศวรรษ ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการปรับขนาดของชิป พร้อมประสิทธิภาพในการสวิตช์พลังงานที่ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ชิปทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานมากขึ้น
- PowerVia: ระบบส่งพลังงานแบบใหม่ที่ออกแบบให้จ่ายไฟจากด้านหลังของเวเฟอร์ ที่ช่วยให้การส่งสัญญาณและพลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ เทคโนโลยี Foveros ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบรรจุภัณฑ์ชั้นสูงและการซ้อนชิปแบบ 3 มิติของอินเทล ยังช่วยให้สามารถซ้อนและรวม Chiplets รูปแบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างระบบ SoC ที่มีความยืดหยุ่นสูง รองรับการขยายตัวของประสิทธิภาพและเพิ่มสมรรถนะในระดับระบบได้อย่างโดดเด่น
โดย Intel 18A จะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งในกลุ่มลูกค้าและเซิร์ฟเวอร์ของ Intel อย่างน้อยสามเจเนอเรชั่นในอนาคต
โรงงาน Fab 52 สานต่อความสำเร็จจากการลงทุนด้านการวิจัย พัฒนา และการผลิตในสหรัฐฯ กว่าห้าทศตวรรษของอินเทล
Fab 52 เป็นโรงงานผลิตชิปปริมาณมากแห่งที่ห้าของอินเทล ในศูนย์ Ocotillo Campus เมืองแชนด์เลอร์ รัฐแอริโซนา ซึ่งโรงงานแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการผลิตชิปตรรกะ (logic chips) ที่ล้ำสมัยที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อขยายฐานการดำเนินงานในประเทศ
ด้วยศูนย์วิจัยและพัฒนาและการผลิตขั้นสูงในรัฐออริกอน การผลิตปริมาณมากในรัฐแอริโซนา และการดำเนินงานด้านบรรจุภัณฑ์ในรัฐนิวเม็กซิโก อินเทลอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในการสนับสนุนเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ และมอบขีดความสามารถเชิงกลยุทธ์ให้แก่ลูกค้าของ Intel Foundry Fab 52 ต่อยอดจากความก้าวหน้าด้านการวิจัยและพัฒนาและการผลิตในสหรัฐอเมริกากว่า 56 ปีของอินเทล และนับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างโรงหล่อชั้นนำในสหรัฐอเมริกาที่น่าเชื่อถือสำหรับยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI)