เอซุสเปิดเผยในระหว่างการประชุมรายงานผลประกอบการว่า บริษัทได้ย้ายการผลิตเมนบอร์ดและพีซีส่วนใหญ่ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ออกจากประเทศจีนแล้ว โดยในงานประชุมนักลงทุนไตรมาส 2 ปี 2025 มีผู้เข้าร่วมสอบถามเกี่ยวกับความยืดหยุ่นของซัพพลายเชนสำหรับตลาดสหรัฐฯ ซึ่งตัวแทนเอซุสยืนยันว่าบริษัทกำลังขยายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ เอซุสยังได้ย้ายการผลิตเซิร์ฟเวอร์ไปยังสหรัฐฯ ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมาแล้วเช่นกัน
“ทั้งเมนบอร์ดและพีซี เรากำลังขยายฐานการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มเติมนอกเหนือจากจีน รวมถึงที่ประเทศไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย” ตัวแทนของเอซุสกล่าว “ณ ตอนนี้ กว่า 90% ของการผลิตสำหรับสินค้าทั้งสองประเภทได้กระจายไปยังภูมิภาคเหล่านี้แล้ว”
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความตกตะลึงแก่ทั่วโลกในเดือนเมษายน 2025 เมื่อเขาประกาศเก็บภาษีศุลกากรต่อทุกประเทศคู่ค้า จีนตอบโต้ในเชิงลบ ส่งผลให้สงครามการค้าระหว่างสองประเทศทวีความรุนแรงขึ้น จนถึงขั้นมีการเก็บภาษีสูงสุดถึง 125% ต่อสินค้าสหรัฐฯ และ 145% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนในบางช่วง โชคดีที่ท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายได้กลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา และบรรลุข้อตกลงชั่วคราว โดยลดอัตราภาษีเหลือ 10% และ 30% ตามลำดับ ทรัมป์ยังได้ขยายเส้นตายการเจรจาไกล่เกลี่ยไปถึงเดือนพฤศจิกายนปีนี้ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีเวลาหาจุดร่วมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความผันผวนในความสัมพันธ์สหรัฐฯ–จีนทำให้เอซุสต้องหาประเทศอื่นที่มีความมั่นคงมากกว่าในการทำการค้า โดยประเทศไทยและอินโดนีเซียถูกกำหนดอัตราภาษีไว้ที่ 19% ขณะที่เวียดนามอยู่ที่ 20% ซึ่งยังน้อยกว่าภาษีนำเข้า 30% สำหรับสินค้าจากจีนอย่างมาก อัตราที่ต่ำกว่านี้ช่วยให้เอซุสสามารถดูดซับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นบางส่วนได้ แต่บริษัทก็ยอมรับว่าอาจต้องผลักภาระบางส่วนไปยังผู้บริโภคหรือเครือข่ายจัดจำหน่าย หากต้นทุนสูงเกินไป
ทั้งนี้ เอซุสยังคงได้รับสิทธิ์ยกเว้นภาษีสำหรับพีซี โทรศัพท์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางประเภท แต่สถานการณ์ยังไม่แน่นอน เนื่องจากล่าสุดทรัมป์ได้ประกาศว่าจะเก็บภาษีชิปนำเข้า 100% ยกเว้นเฉพาะบริษัทที่มีการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ เอซุสระบุว่าชิปส่วนใหญ่ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของตนมาจาก TSMC จึงต้องคำนึงถึงปัจจัยนี้ในการคำนวณต้นทุน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าข้อยกเว้นจะครอบคลุมอย่างไรและจะกระทบต่อบริษัทมากน้อยเพียงใด
การแยกฐานการผลิตออกไป 3 ประเทศอาจทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นและทำให้กระบวนการด้านโลจิสติกส์ซับซ้อนกว่าเดิม แต่ก็ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาการผลิตเพียงประเทศเดียวได้ หวังว่าบริษัทจะสามารถควบคุมหรือลดต้นทุนได้ เพื่อที่ผู้บริโภคจะไม่ต้องจ่ายแพงขึ้นสำหรับสินค้าเดิมในอนาคตอันใกล้นี้
ที่มา : Tom's Hardware
ที่มา : Tom's Hardware