ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (Hard Disk Drive: HDD) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูลคลาวด์ เป็นอุปกรณ์ที่ซับซ้อนและผสานระหว่างวัสดุศาสตร์ วิศวกรรมเครื่องกล และฟิสิกส์ โดยหนึ่งในนวัตกรรมของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ คือการใช้แร่หายากหลายชนิด เช่น นีโอไดเมียม (Nd), พราเซโอโดเมียม (Pr) และ ดิสโพรเซียม (Dy) ซึ่งมีคุณสมบัติแม่เหล็กโดดเด่น ช่วยให้ฮาร์ดดิสก์สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม วิธีการรีไซเคิลแบบเดิมสามารถกู้คืนวัสดุมีค่าเหล่านี้ได้เพียงบางส่วน และมักไม่สามารถดึงแร่หายากกลับมาได้เลย ส่งผลให้เกิดของเสียโดยไม่จำเป็น
ในโครงการนำร่องร่วมหลายฝ่ายนี้ Western Digital (Nasdaq: WDC) ร่วมมือกับ Microsoft , Critical Materials Recycling (CMR) และ PedalPoint Recycling เพื่อปิดวงจรการรีไซเคิลแบบดั้งเดิม โดยการร่วมมือครั้งนี้ บริษัทต่าง ๆ ได้แปลงฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่หมดอายุการใช้งานและมีน้ำหนักรวม 50,000 ปอนด์ (หรือประมาณ 22,000 กิโลกรัม) รวมถึงชิ้นส่วนที่ติดตั้งและวัสดุอื่น ๆ ให้กลายเป็นวัสดุที่มีมูลค่าสูง พร้อมทั้งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยยะสำคัญ กระบวนการนี้ได้พัฒนาระบบคัดแยกขั้นสูงใหม่ที่ใช้กระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปราศจากกรด ซึ่งไม่เพียงแต่กู้คืนแร่หายากที่สำคัญ แต่ยังสกัดโลหะมีค่าอื่น ๆ เช่น ทอง (Au), ทองแดง (Cu), อลูมิเนียม (Al) และเหล็กกล้า เพื่อนำกลับเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ ช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมที่พึ่งพาทรัพยากรเหล่านี้ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า กังหันลม และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง หากกระบวนการรีไซเคิลนี้ขยายไปทั่วโลก จะสามารถกู้คืนแร่หายากได้อีกจำนวนมากและลดความต้องการการขุดแร่ใหม่ที่ส่งผลกระทบทั้งต่อผู้คนและโลก1 ปัจจุบัน การผลิตแร่หายาก (REEs) ขั้นต้นมากกว่า 85% เกิดขึ้นนอกประเทศสหรัฐอเมริกา2,3 และอัตราการรีไซเคิลแร่หายากภายในประเทศยังค่อนข้างต่ำ (<10%)4
วัสดุสำหรับโครงการนี้ได้ถูกเก็บรวบรวมจากศูนย์ข้อมูลหลายแห่งของ ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ในสหรัฐอเมริกา โครงการนำร่องร่วมหลายฝ่ายนี้แสดงให้เห็นถึงระบบที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งสามารถกู้คืนวัสดุและแร่หายากได้ถึง 90% และสามารถนำไปใช้ในห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐอเมริกา โดยใช้กระบวนการทางเคมีในรูปแบบของพลังงานเคมีเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้า (Electrochemical Process) ขั้นสูง ร่วมกับการแยกส่วนประกอบอย่างละเอียด ช่วยให้ระบบสามารถกู้คืนวัสดุได้ประมาณ 80% โดยการวัดจากมวลของวัสดุดั้งเดิม ทำให้ของเสียที่อาจจะถูกทิ้งกลายเป็นทรัพย์สินที่มีค่า
นวัตกรรมนื้ ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น จากการใช้วิธีการวิเคราะห์วงจรชีวิต (Life Cycle Analysis) คาดว่า จะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95% เมื่อเปรียบเทียบกับการทำเหมืองและกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม กระบวนการผลิต Rare Earth Oxide (REO) ภายในประเทศของโครงการนี้ ช่วยลดการปล่อยก๊าซจากการขนส่งและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ ลดการพึ่งพาวัสดุนำเข้า
ผลกระทบที่ตามมาอาจมีความสำคัญ โดยโครงการนี้เปิดโอกาสให้ภาคอุตสาหกรรมเข้าถึงวัสดุที่มีความบริสุทธิ์สูงและได้จากแหล่งที่ยั่งยืน ซึ่งสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่เพียงแต่ในศูนย์ข้อมูล แต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมที่พึ่งพาแร่หายากด้วย
ในขณะที่ คุณแจ็คกี้ จัง รองประธานฝ่ายกลยุทธ์การดำเนินงานระดับโลกและความยั่งยืนขององค์กรที่ เวสเทิร์น ดิจิตอล (Western Digital) กล่าวว่า “โครงการนี้ได้กำหนดมาตรฐานใหม่ในการบริหารจัดการฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่หมดอายุการใช้งาน ในยุคที่ข้อมูลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นวัตกรรมต้องก้าวให้ไกลเกินกว่าช่วงอายุการใช้งานของอุปกรณ์ เวสเทิร์น ดิจิตอล และพันธมิตรของเรากำลังเป็นผู้นำในการแปลงอุปกรณ์เก่าที่หมดอายุการใช้งานให้เป็นทรัพยากรสำคัญที่ขับเคลื่อนอนาคตของเรา ไม่เพียงแค่ปกป้องโลกและเสริมสร้างเศรษฐกิจ ทั้งยังสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐอเมริกา โครงการนี้ไม่ใช่เพียงแค่ก้าวสำคัญ แต่ยังเป็นต้นแบบสำหรับการรีไซเคิลวัสดุและโลหะที่จำเป็นในระดับประเทศ ซึ่งจะช่วยผลักดันความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนในระยะยาว
“นี่คือความพยายามที่ยอดเยี่ยมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โครงการนำร่องนี้แสดงให้เห็นว่า การจัดการช่วงสิ้นอายุการใช้งาน (End of Life: EOL) ของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์อย่างยั่งยืนและคุ้มค่าทางเศรษฐกิจนั้นเป็นไปได้ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อโครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูลของเรา และการผลักดันห่วงโซ่อุปทานแบบหมุนเวียนเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของไมโครซอฟท์ เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ ร่วมกับพันธมิตรของเรา เพื่อสร้างโอกาสในการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ การรีไซเคิล การลดขยะ และการลดผลกระทบจากคาร์บอนในอุตสาหกรรม” คุณชัค เกรแฮม รองประธานฝ่ายจัดหาคลาวด์ ห่วงโซ่อุปทาน ความยั่งยืน และความปลอดภัยของไมโครซอฟท์ (Microsoft) กล่าว
เทคโนโลยีการรีไซเคิลแบบละลายที่ปราศจากกรด (Acid-Free Dissolution Recycling: ADR) ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ใช้ในโครงการนี้ ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นครั้งแรกที่ Critical Materials Innovation (CMI) Hub โดยคุณทอม ลอกกราสโซ ผู้อำนวยการ Critical Materials Innovation (CMI) กล่าวว่า "ความสามารถในการขยายเทคโนโลยี ADR จากห้องปฏิบัติการสู่การสาธิตในเวลาเพียงแปดปี เป็นข้อพิสูจน์ถึงความยอดเยี่ยมของทีมงาน CMR โครงการนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะวัสดุหรือชิ้นส่วนจากฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะยังคงเพิ่มขึ้นทั่วโลก เนื่องจากความต้องการจัดเก็บข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังคงเติบโต CMI ภูมิใจที่ได้ร่วมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีในระยะแรก ร่วมกับ Ames National Laboratory เพื่อส่งเสริมการเติบโตและขยายขอบเขตของโครงการนี้ให้เป็นทางเลือกสีเขียวที่ยั่งยืนสำหรับการรีไซเคิลแร่หายากผ่านเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
"ที่ PedalPoint Recycling พันธกิจของเราคือการกู้คืนโลหะเชิงกลยุทธ์จากการรีไซเคิลอย่างถูกต้อง นี่คือโครงการที่น่าตื่นเต้นที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบในทางบวกที่บริษัทต่าง ๆ สามารถมีได้จากการรีไซเคิลเมื่อร่วมมือและทำงานร่วมกัน" คุณไบรอัน ดิเอสเซลฮอร์สต์ ซีอีโอของ PedalPoint Recycling กล่าว
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการได้ที่
Blog: Giving HDD Rare Earth Elements New Life
Whitepaper: Advanced Recycling and Rare Earth Recovery at Scale