ความทะเยอทะยานด้าน AI ของ Microsoft ส่วนใหญ่ผูกพันกับ OpenAI แต่ภาพทางการเงินของความสัมพันธ์นี้กลับ “คลุมเครือ” อย่างมาก
ในรายงานประจำปีล่าสุด Microsoft เปิดเผยตัวเลขค่าใช้จ่ายในหมวด “อื่น ๆ, สุทธิ” มูลค่า 4.7 พันล้านดอลลาร์ สำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน โดยไม่มีการแจกแจงรายละเอียดแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ตามรายงานของ The Wall Street Journal บริษัทระบุเพียงว่า “ส่วนใหญ่ของตัวเลขนี้สะท้อนถึงการขาดทุนที่รับรู้สุทธิจากการลงทุนตามวิธีส่วนได้ส่วนเสีย (equity method investments)” — และแม้จะเป็นที่เข้าใจกันมานานว่า OpenAI อยู่ในหมวดนี้ แต่ในเอกสารของ Microsoft กลับไม่เคยเอ่ยชื่อบริษัท OpenAI โดยตรง และยังไม่ได้จัดให้เป็น “บริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน” (related party) ด้วย
ตามหลักบัญชีของสหรัฐฯ (US GAAP) วิธีส่วนได้ส่วนเสียจะถูกใช้เมื่อบริษัทหนึ่งมี “อิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญ” ต่ออีกบริษัทหนึ่ง โดยทั่วไปหมายถึงการถือหุ้นราว 20% ถึง 50% ระดับอิทธิพลเช่นนี้มักต้องมีการเปิดเผยธุรกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสำคัญ ซึ่งกรณีของ OpenAI ก็เข้าข่ายนั้น — การขายหุ้นรอบรอง (secondary share sale) ล่าสุด ประเมินมูลค่า OpenAI ไว้ราว 500 พันล้านดอลลาร์ แม้ Microsoft จะถือหุ้นทางเศรษฐกิจลดลงต่ำกว่า 49% จากโครงสร้างกำไรหรือกลไกพาร์ทเนอร์ แต่ “มูลค่าตลาดยุติธรรม” ของการถือหุ้นนี้ยังคงอยู่ในระดับกว่า 100 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ณ วันที่ 30 มิถุนายน Microsoft รายงานว่ามีการลงทุนแบบวิธีส่วนได้ส่วนเสียรวมกันไม่ถึง 6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเท่ากับปีก่อนหน้า — ข้อเท็จจริงนี้ชี้ได้สองทางคือ
-
ขาดทุนของ OpenAI อาจลบล้างมูลค่าการลงทุนของ Microsoft ลงจนเหลือศูนย์แล้ว
-
หรือเงินลงทุนที่ Microsoft เคยประกาศไว้ 13.75 พันล้านดอลลาร์ อาจยังไม่ได้ถูกบันทึกเป็นทุนที่ลงทุนจริงตามหลักบัญชี
ทั้งสองทางล้วน “เป็นไปได้” ภายใต้วิธีส่วนได้ส่วนเสีย เพราะเมื่อมูลค่าการถือครองลดลงเหลือศูนย์ บริษัทจะไม่บันทึกขาดทุนเพิ่มเติม เว้นแต่จะมีการลงทุนเพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งจะทำให้ฐานการคำนวณเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่ผลที่ตามมาคือ นักลงทุนจะไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่า Microsoft กำลังขาดทุนจากการดำเนินงานของ OpenAI อยู่เงียบ ๆ หรือกำลังทุ่มเงินล่วงหน้าในโครงสร้างพื้นฐาน หรือเพียงแค่รอการลงทุนระยะต่อไป
ถึงแม้ Microsoft จะเป็นผู้นำด้าน AI ในแง่ของภาพลักษณ์ แต่บริษัทก็ยังคง “ใช้เงินอย่างหนัก” เพื่อให้บริการ Copilot ทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น Azure และ Office โดยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาโครงสร้างของ OpenAI โดยตรง โดยเฉพาะในส่วนของโมเดล GPT-4 และ Codex หากขาดทุนของ OpenAI ยังคงเพิ่มขึ้น และ Microsoft ยังคงปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวเลขการสนับสนุนหลังบ้าน นักลงทุนก็จะยังคงต้องคาดเดาเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ด้าน AI ของบริษัทต่อไป
สถานการณ์ยิ่งซับซ้อนขึ้นจากสัญญาระยะยาวระหว่าง Microsoft และ OpenAI ซึ่งมี “เงื่อนไขพิเศษ” ระบุว่า หาก OpenAI บรรลุสิ่งที่เรียกว่า AGI (Artificial General Intelligence) ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองบริษัทจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ
Microsoft มีกำหนดรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปีงบประมาณ (Q1) ในวันพุธที่ 29 ตุลาคม นี้ — หากรายงานครั้งนี้ยังไม่ระบุชื่อ OpenAI ว่าเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้อง และยังคงซ่อนตัวเลขไว้ภายใต้หมวด “อื่น ๆ, สุทธิ” เช่นเดิม นักลงทุนก็อาจต้อง “อ่านระหว่างบรรทัด” อีกครั้ง สำหรับบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 3.9 ล้านล้านดอลลาร์ และราคาหุ้นส่วนหนึ่งสะท้อนความคาดหวังในด้าน AI — ความไม่โปร่งใสเช่นนี้อาจเป็นความเสี่ยงที่ Microsoft ไม่อาจแบกรับได้อีกต่อไป.
ที่มา: Tom's Hardware



