ตอนนี้ระบบการตั้งชื่อซีพียูของ AMD ยิ่ง “สับสนกว่าเดิม” อีกขั้น
หลังจากบริษัทเริ่มเติมคำว่า “AI” เข้าไปในชื่อรุ่น Ryzen ทำให้ไลน์อัปของผลิตภัณฑ์ดูซับซ้อนขึ้นไปอีก
โดยปกติ หลังจากเปิดตัว Ryzen 8000 Series ไปแล้ว หลายคนคาดว่ารุ่นต่อไปสำหรับโน้ตบุ๊กน่าจะเป็น Ryzen 9000 Series แต่ AMD กลับ เก็บชื่อ 9000 ไว้ใช้กับเดสก์ท็อป ส่วนฝั่งโน้ตบุ๊กกลับเลือกใช้ชื่อใหม่คือ Ryzen 300 Series แทน
จุดเริ่มต้นของการ “รีแบรนด์” นี้เริ่มจากข่าวหลุดของชื่อรุ่น Ryzen 100, 200, และ 300 Series
โดยในระบบใหม่นี้
-
Ryzen 300 Series จะใช้กับชิป Strix Point และ Krackan APU
-
Ryzen 200 Series จะใช้กับ Hawk Point / Phoenix
-
ส่วน Ryzen 100 Series ที่เคยอยู่ในแผนแต่ยังไม่ออกมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นของจริง และใช้กับสถาปัตยกรรม Zen 3+ (หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิมว่า Rembrandt)
และเนื่องจาก AMD มีทั้งตระกูล X000 และ X00 Series อยู่แล้ว บริษัทจึงเพิ่มชื่อใหม่อีกชุดคือ Ryzen 10 Series สำหรับชิประดับเริ่มต้น (Low-end) อย่าง Mendocino ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Zen 2 ที่ออกแบบมาสำหรับโน้ตบุ๊กระดับประหยัด เช่น Chromebook
สำหรับรุ่นท็อปของ Ryzen 100 คือ Ryzen 7 170
ประสิทธิภาพอยู่กึ่งกลางระหว่าง Ryzen 7 6800U และ 6800H
มีค่า TDP 28W ใกล้เคียงกับรุ่น U-series แต่ยังคงความเร็ว Boost Clock ในระดับเดียวกับ H-series
เป็นซีพียู 8 คอร์ สถาปัตยกรรม Zen 3+ มาพร้อมกราฟิก Radeon 680M แบบเดียวกับรุ่นก่อน
รองรับซ็อกเก็ต FP7-R2 และหน่วยความจำ DDR5
ส่วนไลน์อัป Ryzen 10 Series จะเป็นซีพียู 4 คอร์ Zen 2 รองรับหน่วยความจำ LPDDR5
เช่นรุ่น Ryzen 3 30 และ Ryzen 3 40 ที่มาพร้อมกราฟิก Radeon 610 (2 Compute Units)
โดยรวมแล้ว นี่ดูเหมือนจะเป็นความพยายาม “ต่ออายุ” ให้กับชิปเก่าที่ถูก รีแบรนด์ซ้ำซ้อน ของ AMD เพื่อใช้ทำตลาดโน้ตบุ๊กระดับเริ่มต้นอีกระลอก
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ AMD เคยเปิดตัวระบบการตั้งชื่อ Ryzen 7000 Mobile ที่อธิบายไว้อย่างละเอียด พร้อมอินโฟกราฟิกสวยงามเข้าใจง่าย… แต่สุดท้ายก็กลับมารีแบรนด์อีกครั้ง
บางรุ่นในตระกูล Ryzen 100 ยังใช้สเปกแทบไม่ต่างจากรุ่นที่เคยรีเฟรชไปแล้ว เช่น
Ryzen 6800H → 7735H → และตอนนี้กลายเป็น Ryzen 7 170 อีกทีนั่นเอง.
ที่มา: VideoCardz



