กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องทุกท่านครับ กระผมนายทองดีกลับมาพบกันอีกครั้ง! กลับมาท่ามกลางสมรภูมิข้างบ้าน ที่เสียงท่อของเหล่าเด็กแว๊นยังคงกึกก้องไม่จางหาย และดูเหมือนภาครัฐก็ยังไม่อาจหาทางจัดการได้เสียที เอาเป็นว่า...ถ้าตบกระบาลได้คงจบไปนานแล้วนะครับ (ฮา)
เอาล่ะครับ เรามาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า — วันนี้ผมมาพร้อมกับ สินค้า All-in-One ที่รวมทุกสิ่งไว้ในเครื่องเดียว ทั้ง DAC และ แอมป์หูฟัง ครบจบในตัวเดียว!

ของที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้คือ Creative Sound Blaster X5 — DAC/Amp ระดับพรีเมียม ที่ออกแบบมาเพื่อคนรักเสียงโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นนักเล่นเกม นักดนตรี หรือสายฟังเพลงจริงจัง รุ่นนี้เขาให้ฟีเจอร์มาแบบจัดเต็ม รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Bluetooth, S/PDIF, USB, รวมถึง สัญญาณ Analog ผ่าน แจ็ค RCA

ส่วนเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ครบไม่แพ้ใครครับ ทั้ง Input และ Output มีมาให้ทั้ง RCA, Optical S/PDIF, USB-C และ USB-A เรียกได้ว่าครบจบในเครื่องเดียว ต่อเข้ากับอุปกรณ์ได้แทบทุกแบบ สะดวกมาก ๆ
มาดูเรื่อง ดีไซน์และการออกแบบ กันก่อนครับ ตัวเครื่องของ Creative Sound Blaster X5 ทำจากวัสดุคุณภาพสูง งานประกอบแน่นหนา ดีไซน์เรียบหรู ทันสมัย ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย จะวางไว้บนโต๊ะทำงานหรือโต๊ะคอมก็ดูเท่สุด ๆ
ด้านหน้ามี หน้าจอ OLED สีสดใส แสดงข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นระดับเสียง อินพุต หรือการตั้งค่าโหมดต่าง ๆ ส่วนปุ่มควบคุมก็จัดวางในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวก หมุน ปรับ กด ได้ง่ายมาก เรียกว่า “สวยและใช้ดีในเวลาเดียวกัน” ครับ
ในแง่ของสเปกภายใน ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะนี่คือ External DAC และ Amp ระดับ Hi-Res ที่ใช้ชิป Cirrus Logic CS43198 จำนวนสองตัว แยกอิสระสำหรับช่องเสียงซ้ายและขวา ช่วยลดปัญหา Cross-talk หรือสัญญาณรบกวนข้ามช่องเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนภาคขยายหูฟังใช้ระบบ XAMP แบบ Bi-amp ที่ขับสัญญาณแยกอิสระให้แต่ละข้าง ทำให้ได้พลังเสียงที่ใส เคลียร์ และบาลานซ์มากขึ้น รองรับไฟล์เสียงความละเอียดสูงสุดถึง PCM 32-bit/384kHz และ DSD256 เลยทีเดียว
การเชื่อมต่อก็ครบครันครับ — มีทั้ง USB-C, Optical S/PDIF, RCA ช่องสำคัญอีกหนึ่งจุดของเจ้า Creative Sound Blaster X5 นั่นก็คือเจ้า ช่อง USB Host ตัวนี้นี่เอง!

ช่องนี้มันไม่ได้มีไว้เฉย ๆ นะครับ — มันคือหัวใจของการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกเข้ากับ X5 โดยตรงเลย พูดง่าย ๆ ว่า “ไม่ต้องผ่านคอมฯ ก็เอาอยู่!”
ตัวอย่างของอุปกรณ์ที่เราเสียบเข้าช่องนี้ได้ เช่น
แฟลชไดรฟ์ (USB Drive) — เอาไว้เปิดเพลงจากหน่วยความจำได้โดยตรง ผ่านโหมด Standalone หรือ Music Playback
คีย์บอร์ด หรือรีโมต USB (ในบางเฟิร์มแวร์) — ใช้ควบคุม X5 ได้เลย เช่น เปลี่ยนโหมด EQ หรือปรับเสียงได้สะดวกสุด ๆ
ไมโครโฟน USB — เสียบแล้วพูดได้เลย แต่ต้องเป็นรุ่นที่รองรับมาตรฐาน UAC (USB Audio Class) นะครับ
“ช่อง USB Host นี่แหละ คือพอร์ตสารพัดประโยชน์!”
เพราะ X5 จะกลายร่างเป็น “ตัวแม่ (Host)” เหมือนคอมพ์เครื่องหนึ่งเลย
ขยายความสามารถของ DAC/Amp ให้ทำงานได้อิสระ ไม่ต้องง้อคอมฯ ตลอดเวลา — ครบจบในตัวเดียวจริง ๆ ครับ!

เอาล่ะครับ ทีนี้เรามาดู จุดเด่นและเทคโนโลยีหลัก ของเจ้า Creative Sound Blaster X5 กันบ้าง บอกเลยว่าของเขาไม่ธรรมดาจริง ๆ
เริ่มจาก ภาค DAC ครับ — รุ่นนี้ใช้ชิป Cirrus Logic CS43198 จำนวนสองตัว แยกอิสระซ้าย–ขวา ให้ Dynamic Range สูงสุดถึง 130 dB DNR และมีค่า THD+N ต่ำมากเพียง 0.00018% เรียกได้ว่าเสียงนิ่งสะอาด รายละเอียดครบทุกย่าน ทั้งเสียงนักร้อง เสียงเครื่องดนตรี หรือแม้แต่เสียงปลายแฉก็ชัดเจนไม่กลบกันเลย
ส่วนภาค Amplifier ก็ไม่แพ้กันครับ มาพร้อมระบบ XAMP แบบ Bi-amp ที่ออกแบบโดย Creative เอง ขับหูฟังได้ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงรุ่นใหญ่ระดับ 600 โอห์ม ได้สบาย ๆ เสียงมีพลัง เบสแน่น และยังคงความคมชัดในทุกระดับเสียง
ในแง่ของการรองรับไฟล์เสียง รุ่นนี้เล่นได้ถึงระดับ Hi-Res Audio อย่างแท้จริง รองรับทั้ง PCM 32-bit/384kHz, DSD256, และ DoP128 — ใครชอบฟังเพลงความละเอียดสูง รับรองว่าได้ยินทุกรายละเอียดแน่นอนครับ
มาดูเรื่อง การเชื่อมต่อ กันบ้าง รุ่นนี้ให้พอร์ตมาครบสุด ๆ
อินพุต มีทั้ง USB-C, Optical In และ RCA Line-in
เอาต์พุต ก็จัดเต็มทั้ง Optical Out, RCA Line-out, ช่องหูฟัง 3.5 มม. (Unbalanced), ช่อง Balanced 4.4 มม. และ Mic-in ขนาด 3.5 มม.
แถมยังมี พอร์ต USB-A Host สำหรับต่อไมค์ USB, ลำโพง USB หรือแม้แต่ Wireless Transmitter อย่าง Creative BT-W3/W4 ก็ใช้ได้เลย
ด้านเทคโนโลยีเสียงก็เป็นจุดแข็งของ Creative มาแต่ไหนแต่ไร รุ่นนี้มาพร้อมระบบ Sound Blaster Acoustic Engine, Sound Mode, CrystalVoice, และ Scout Mode ที่ช่วยปรับแต่งเสียงได้ผ่านแอปบน PC หรือ Mac เหมาะทั้งสำหรับเล่นเกม พูดคุยออนไลน์ หรือฟังเพลงแนวจริงจัง
แน่นอนครับ มันยังรองรับการใช้งานกับ PC, Mac, PS4 และ PS5 อีกด้วย เรียกว่าตัวเดียวเอาอยู่ทุกแพลตฟอร์ม
ในแง่ของ การใช้งาน ก็ง่ายมากครับ ตัวเครื่องมีแผงควบคุมพร้อม หน้าจอ OLED แสดงระดับเสียง โหมดการทำงาน และสถานะการเชื่อมต่อได้ชัดเจน แถมยังรองรับ Bluetooth 5.0 ให้เชื่อมต่อไร้สายได้อย่างเสถียร
สุดท้ายนี้ต้องบอกเลยครับว่า Creative Sound Blaster X5 คืออุปกรณ์เสียงระดับพรีเมียมที่ครบเครื่องทั้ง “คุณภาพ” และ “ความสะดวกสบาย”
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเล่นเกม นักดนตรี หรือคนที่รักเสียงดี ๆ มันคือการลงทุนที่คุ้มค่าแน่นอน เพราะจะช่วยยกระดับประสบการณ์เสียงของคุณให้ “สมบูรณ์และเต็มอิ่ม” กว่าที่เคยครับ

มาถึงช่วงสำคัญครับ — การทดลองฟังเสียงจริง ของเจ้า Creative Sound Blaster X5
ในการทดสอบครั้งนี้ กระผมใช้การเชื่อมต่อจากคอมพิวเตอร์ผ่านทาง สาย USB โดยตรง แม้ว่าเครื่องคอมของเราจะมีพอร์ต Optical S/PDIF อยู่แล้วก็ตาม แต่เหตุผลที่เลือกใช้ USB ก็เพราะว่ามันรองรับสัญญาณเสียงได้สูงกว่ามากครับ
โดยทาง USB สามารถส่งสัญญาณได้ถึง 32-bit / 384 kHz ในขณะที่ Optical จะรองรับเพียง 24-bit / 192 kHz เท่านั้น
แน่นอนครับ Optical มีข้อดีคือ สัญญาณรบกวนต่ำมาก เพราะเป็นสัญญาณแสง ไม่ได้รับผลกระทบจากสนามแม่เหล็กหรือไฟฟ้าเลย แต่ถ้าเราใช้สายที่ไม่ยาวมาก — อย่างในกรณีนี้ กระผมแนะนำเลยครับว่า ใช้ สาย USB จะให้คุณภาพเสียงที่ “ครบและคมชัดกว่า”
ก่อนเริ่มการทดลองฟัง ต้องไม่ลืมขั้นตอนสำคัญครับ
ให้ติดตั้ง Creative App และ Driver ให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นทำการ อัปเดต Firmware ของตัวเครื่องให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด และหลีกเลี่ยงบั๊กหรือปัญหาการเชื่อมต่อในภายหลัง
เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ได้เวลา “เปิดหู” ของเรารับเสียงจริงจาก DAC/Amp ตัวนี้กันครับ!


หลังจากที่ได้ทดลองฟังเสียงของ Creative Sound Blaster X5 กระผมต้องบอกเลยครับว่า เสียงของมัน “คม ชัด และละเอียด” สมกับชื่อเสียงของตระกูล Sound Blaster จริง ๆ
โทนเสียงโดยรวมของ X5 จะเน้นความชัดเจนและความเป็นธรรมชาติ เสียงมีมิติและแยกชั้นได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเสียงเบสที่แน่นและลงได้ลึก เสียงกลางที่ใส เคลียร์ และเป็นธรรมชาติ หรือเสียงสูงที่คมชัดแต่ไม่บาดหู ฟังได้นานโดยไม่ล้าเลยครับ
อีกหนึ่งจุดที่โดดเด่นคือเรื่องของ เทคโนโลยีเสียงรอบทิศทางและ Dolby Audio ที่ช่วยสร้างบรรยากาศเสียงให้เสมือนจริงมากขึ้น เวลาดูหนังหรือเล่นเกมนี่บอกเลยว่าฟิน เพราะเราจะได้ยินเสียงรอบตัวอย่างชัดเจน ทั้งเสียงฝีเท้า เสียงปืน หรือเสียงในฉากต่าง ๆ มันมีความลึกและทิศทางที่ชัดเจนมาก
และแน่นอนครับ — ใครที่ชอบปรับแต่งเสียงเอง รุ่นนี้ก็ให้เราเล่นได้เต็มที่ ทั้ง EQ, Sound Mode, Scout Mode หรือจะเลือกโหมด Direct/DSP ก็แล้วแต่สไตล์การใช้งานของเราเลยครับ
โดยรวมแล้ว เสียงของ Sound Blaster X5 ถือว่าให้ความละเอียดสูง รายละเอียดครบ มิติชัด และยังสร้างเสียงโอบล้อมได้ยอดเยี่ยม เหมาะมากสำหรับทั้งสายเกมเมอร์ สายฟังเพลง หรือแม้แต่นักดนตรีที่ต้องการเสียงซื่อสัตย์ต่อแหล่งสัญญาณต้นฉบับครับ
แต่แน่นอนครับ ของดีแค่ไหนก็มีจุดให้ติเล็กน้อย…
สิ่งที่กระผมรู้สึก “ขัดใจนิดหน่อย” ก็คือ รุ่นนี้ ไม่มีรีโมทมาให้ ถ้าใช้ฟังเพลงอยู่ไกล ๆ นี่ต้องลุกมาหมุนปุ่มเอง ซึ่งอาจจะทำให้อรรถรสในการฟังลดลงเล็กน้อย
อีกเรื่องคือ ไฟแสดงระดับเสียงตรงปุ่มโวลลุ่ม — เวลาปรับระดับเสียงในแอป Creative App แล้ว ตัวปุ่มจริงบนเครื่องมันไม่ซิงค์กัน คือในแอปอยู่ที่ 50% แต่ไฟบนเครื่องยังอยู่ต่ำสุด ดูแล้วแอบงงนิด ๆ ครับ
ส่วนเรื่องราคาก็อยู่ราว ๆ 8,xxx บาท ซึ่งถ้ามองในแง่คุณภาพเสียงและฟีเจอร์ที่ให้มา ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียวครับ แต่สุดท้ายก็อยากให้ทุกท่านลองไป “ฟังด้วยหูของตัวเอง” ดูก่อนตัดสินใจนะครับ เพราะเสียงดีหรือไม่ดี มันอยู่ที่รสนิยมของแต่ละคนจริง ๆ
และทั้งหมดนี้ก็คือรีวิวจากกระผม — นายทองดี
ขอบคุณพ่อแม่พี่น้องทุกท่านที่ติดตามรับชมครับ
อย่าลืมกดไลก์ กดแชร์ กดติดตามให้กำลังใจกันด้วยนะครับ
แล้วพบกันใหม่คลิปหน้า สำหรับวันนี้... สวัสดีครับ!
สอบถามรายะเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ บริษัท เอสเซนตี้ รีซอร์สเซส จำกัด