เคสซัพพอร์ตล่าสุดสองกรณีเผยให้เห็น “สองมาตรฐาน” ของการบริการลูกค้า NVIDIA อย่างชัดเจน กรณีแรกคือการ์ดจอเวิร์กสเตชัน RTX PRO 6000 Blackwell มูล่าคราว 10,000 ดอลลาร์ที่เสียหายระหว่างขนส่ง แต่กลับได้รับการเปลี่ยนตัวใหม่ให้ ขณะที่อีกกรณีเป็น GeForce RTX 5080 Founders Edition เครื่องใหม่ที่มีปัญหา “ขาล็อก 12VHPWR หัก” แต่ผู้ใช้งานกลับถูกปฏิเสธการรับประกันโดยอ้างว่าเป็น “ความเสียหายที่ลูกค้าทำเอง”

กรณี RTX 5080 FE: ตัวล็อก 12VHPWR หักครั้งแรกที่ถอดสาย แต่เคลมไม่ได้

ผู้ใช้ระบุว่าแท็บล็อกของหัว 12VHPWR หักตั้งแต่ครั้งแรกที่ถอดสาย ทั้งที่ใช้งานอย่างระมัดระวัง จากแชทที่แชร์มา แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ NVIDIA ยืนกรานว่าขั้วต่อ “ปกติดี” และเป็นปัญหาเพียงด้านความสวยงาม ใช้งานได้ตามปกติ ผู้ใช้ต้องส่งรูปเพิ่มเติม ชี้จุดแท็บหายไป และยืนยันว่าขั้วต่อไม่สามารถล็อกได้แล้ว
เคสถูกส่งต่อให้ทีมอื่นตรวจสอบ และหลายวันต่อมาก็ได้ผลสรุปทางอีเมลว่าเป็น "customer-induced damage" ไม่อยู่ในเงื่อนไขรับประกัน แม้ตัวการ์ดยังใช้งานได้ แต่สายไฟสามารถดึงหลุดออกได้ง่ายมาก ไม่มีเสียง “คลิก” ยืนยันการล็อก ซึ่งยิ่งน่ากังวล เพราะหัว 12VHPWR เคยมีประวัติเรื่องความร้อนและการละลายหากเสียบไม่แน่น

กรณี RTX PRO 6000: เสียเพราะการขนส่ง แต่กลับได้เปลี่ยนใหม่ฟรี

อีกเคสกลับตรงกันข้าม ลูกค้าคนหนึ่งส่งทั้งเครื่องคอมพ์ไปซ่อมโดยไม่ได้ถอดการ์ดจอ RTX Pro 6000 ออก และขั้ว PCIe ของการ์ดเกิด หักขาดครึ่ง ระหว่างขนส่ง ร้านซ่อม NorthridgeFix ตรวจสอบแล้วระบุว่าไม่สามารถหาอะไหล่แทนจาก NVIDIA ได้
แต่หลังเรื่องนี้ถูกพูดถึงมากขึ้น NVIDIA ติดต่อกลับ เสนอเปลี่ยนการ์ดใหม่ให้ทันที และขอเก็บตัวที่เสียหายไปวิเคราะห์
ก่อนหน้านี้ก็มีเคสคล้ายกันกับ RTX 5090 Founders Edition ที่ทำเสียหายตอนติดตั้ง waterblock ทั้งที่ควรหมดประกัน แต่ NVIDIA ก็ยังเปลี่ยนตัวใหม่ให้

สองมาตรฐาน?

เมื่อเอากรณีเหล่านี้มาเทียบกัน จึงเกิดคำถามว่า
ต้องเป็นยูทูบเบอร์ดัง หรือใช้การ์ดระดับเวิร์กสเตชันราคาหลักแสน ถึงจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษจาก NVIDIA หรือไม่?
ในเคส Pro 6000 และ 5090 FE ความเสียหายเกิดจากผู้ใช้ชัดเจน แต่บริษัทกลับเปลี่ยนให้ใหม่ทั้งหมด
แต่ในกรณี RTX 5080 FE ซึ่งเป็นปัญหาเล็กแต่สำคัญอย่างแท็บล็อก 12VHPWR หลุด—ที่ส่งผลต่อความปลอดภัยการใช้งาน—กลับถูกปฏิเสธแม้แต่การรับประกันพื้นฐาน

กลไกล็อกของหัว 12VHPWR ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่มันคือสัญญาณเดียวที่บอกว่าสายถูกเสียบแน่นจริง ลดโอกาสการหลุดและความร้อนสูงผิดปกติ การไม่มีแท็บล็อกทำให้ผู้ใช้ต้อง “หวังพึ่งแรงเสียดทาน” บนขั้วต่อที่มีประวัติเรื่องปัญหาร้ายแรงมาก่อนแล้ว.