สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซน ช่วงเวลาประมาณสองปีที่ผ่านมากับการเปิดศักราชใหม่กราฟฟิกชิพจาก NVIDIA ด้วยสถาปัตยกรรม Turing ด้วยเทคโนโลยีชูโรงอย่าง Ray Tracing และ DLSS ที่เป็นการยกระดับของการเล่นเกมให้มีความสมจริงมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากที่ GEFORCE RTX 20 Series นั้นติดลมบนในตลาดมากันอย่างยาวนาน ที่เมื่อช่วงไม่นานมานี้ เราก็จะได้เห็นข่าวหลุดเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม AMPERE ยุคที่สองของ GEFORCE RTX กับ 30 Series ที่เรียกได้ว่าทาง NVIDIA นั้นได้มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดทางด้านประสิทธิภาพ และ ฟีเจอร์ในการใช้งานต่างๆ ในการเล่นเกม ,สตรีมเมอร์ และ การสร้างสรรค์ผลงาน ที่ทาง NVIDIA นั้นพัฒนาให้มีความสุดของเทคโนโลยีกราฟิกชิพในยุค 2020 โดย NVIDIA ได้เริ่มต้นปล่อย GEFORCE RTX 3080 กันก่อน ซึ่งเป็นกราฟฟิกการ์ดระดับเรือธงที่เข้ามาทำตลาดแทนที่ GEFORCE RTX 2080Ti ด้วยประสิทธิภาพสองเท่าถ้าเทียบกับ GEFORCE RTX 2080 ด้วยประสิทธิภาพจากการ์ดจอใบเดียว ในการเล่นเกมระดับ 4K 60FPS หรือ การเล่นเกมที่เฟรมเรทสูงที่ตอบโจทย์กับมอนิเตอร์เทคโนโลยี G-Sync ในยุคใหม่ โดย AMPERE ยุคที่สองของ GEFORCE RTX ที่จะมีขนาดขวนการผลิต 8 นาโนเมตร โดยซัมซุง อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนมาใช้เมโมรี GDDR6X เพื่อประสิทธิภาพที่เหนือระดับขึ้นไป พร้อมกับการอัพเกรดการเชื่อมต่อมาตรฐาน PCIe 4.0 เพื่อเตรียมพร้อมกับแพลตฟอร์มใหม่ในปี 2020 ที่อีกไม่นานเราคงจะเห็นมาตรฐาน PCI Express 4.0 จากแพลตฟอร์มของผู้ผลิตซีพียูทุกค่าย
AMPERE ยุคที่สองของ GEFORCE RTX จะมีจุดเด่นหลัก 10 ข้อ โดย GEFORCE RTX3080 นั้นยังไม่ใช่ตัวแรงที่สุด ยังมี GEFORCE RTX 3090 ที่จะเข้ามาทำตลาดแทน TITAN RTX ที่ GEFORCE RTX 3090 จะเป็นกราฟฟิกการ์ดตัวแรก ที่รองรับการเล่นเกมได้ที่ความละเอียด 8K แบบ HDR ที่บางเกมก็ได้มีการออกมาก่อนหน้านี้ แต่ได้มีการพัฒนาต่อยอดให้รองรับฟีเจอร์ใหม่ ตอนรับการมาของ GEFORCE RTX 30 Series
AMPERE ยุคที่สองของ GEFORCE RTX ที่จะมีประสิทธิภาพในการประมวลผลได้สูงกว่า Turing ยุคเริ่มต้น GEFORCE RTX ได้อย่างชัดเจน พร้อมกับการพัฒนาในเรื่องของแสงตกกระทบให้มีความสมจริงยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีในการ Deep Learning ที่จะเข้ามาช่วยในสร้างการทำงานสร้างสรรค์ได้เป็นอย่างดี ซึ่ง AMPERE ยุคที่สองของ GEFORCE RTX นอกจากจะเด่นในการเล่นเกม การใช้ทำงาน และ สร้างงานสร้างสรรค์ ที่ยังสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี
DLSS 2.0 ยุคใหม่ชองการใช้ระบบ AI เข้าช่วยประมวลกราฟฟิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะเป็นการใช้งานที่ความละเอียดสูงๆ ที่ AMPERE ยุคที่สองของ GEFORCE RTX จะช่วยทำให้การประมวลผลทำได้อย่างดี ใช้งานได้ไหลลื่น
เทคโนโลยี DLSS ในการเล่นเกม ที่เทคโนโลยี DLSS ที่ใช้ AI เข้ามาช่วยประมวล แม้จะเป็นการเล่นเกมที่ความละเอียดระดับ 4K การเปิดใช้ DLSS ในเกมที่รองรับนอกจากรายละเอียดในเกมที่คมชัด แต่เฟรมเรทยังทำออกมาได้สูงกว่าการที่ไม่มีเทคโนโลยี DLSS
การประมวลผลของในส่วน Shader + RT Core + Tensor Core ที่สามารถช่วยลดความหน่วงเวลาในการประมวลผลภาพในแต่ละเฟรม ซึ่งขึ้นอยู่กับเอนจิ้นของเกมที่จะดึงประสิทธิภาพในการประมวล
สถาปัตยกรรม AMPERE ยุคที่สองของ GEFORCE RTX นอกจากการพัฒนาใน Shader ,RT Core และ Tensor Core ให้มีความสามารถในการประมวผลที่สูงมากขึ้น ยังมีการเลือกใช้เมโมรี GDDR6X จาก Micron เป็นเจ้าแรกของโลก
ในการเล่นเกม AMPERE ยุคที่สองของ GEFORCE RTX ที่จะมีประสิทธิภาพในการประมวลผลได้สูงกว่า Turing ยุคเริ่มต้น GEFORCE RTX อย่างเห็นได้ชัด
อีกหนึ่งการพัฒนาเพื่อชาวเกมมิ่ง เนื่องจากเกมในยุคใหม่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น สตอเรจมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ต้องใช้ซีพียูมากช่วยประมวผลแล้วย้อนกลับเข้าไปที่กราฟฟิกชิพ ถ้ามีการใช้ API แบบเดิมๆจะทำให้เสียเวลามากขึ้น โดยทาง NVIDIA จึงได้นำ DirectStorage API มาใช้ในชื่อ RTX IO เพื่อให้กราฟฟิกชิพเข้าถึงสตอเรจได้โดยตรง ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและทดสอบ โดยปีหน้าถ้ามีการเปิดใช้อย่างเป็นทางการ เราคงจะได้เห็นอีกยุคในการเล่นเกมได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
NVIDIA GEFORCE RTX3080 เรือธงหน้าใหม่ในตลาดกับ ยุคที่สองของ GEFORCE RTX
ทางด้านประสิทธิภาพที่เราจะเห็นได้ว่ามันมีความสามารถในการเล่นเกมได้ในระดับ 4K 60fps ซึ่งถ้าเทียบกับ RTX2080Ti ที่ในการเล่นเกมยังไม่ได้เหนือว่า GTX1080Ti มากมายนัก ที่ในกราฟนี้เราคงเห็นได้ชัดเจนว่า RTX3080 นั้นแรงฉีกขาด แต่อีกตัวที่น่าสนใจกับการใช้งานหน้าจอระดับ FULL HD ถึง 2K กับ GEFORCE RTX 3070 ที่จะปล่อยสู่ตลาดหลังจากนี้ ถ้าสนใจด้านท้ายบทความจะมีรายละเอียดของ RTX3070 และ RTX3090
Package & Bundled
แพคเกจของ NVIDIA GEFORCE RTX3080 Founders Edition ก็เป็นกล่องกระดาษสีดำที่ดูเรียบง่ายมาก ในชุดจะมีคู่มือการใช้งาน และ ปลั๊กสายแปลง 8 Pin เป็น 12 Pin มาตรฐานใหม่โดย NVIDIA
Graphics Card Detail
NVIDIA GEFORCE RTX3080 Founders Edition จากหน้าตาภายนอกที่ดูแล้วจะไม่ได้แตกต่างจากภาพหลุดที่ออกมาก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าด้วยความเป็นการ์ดแบบ FE งานเนียบจริงๆ ด้วยการออกแบบชุดระบายความร้อนที่มาด้วยความโดดเด่น ไม่โดนแซวว่าเป็นเตาแก๊สแบบ GeForce 20 Series หลักๆมันจะออกมาในรูปแบบ Dual-Fan Solution โดยที่พัดลมด้านนึงจะอยู่ด้านล่างปกติ ส่วนอีกตัวนึงจะกลับด้านไปอยู่ด้านหลังการ์ดแทน เพื่อเป่าลมออกจากชุดระบายความร้อน หน้าภายนอกชัดเจนกับโครงอลูมิเนียมสีรมดำ พร้อมกับครีบจับอากาศอยู่รอบๆตัว น้ำหนักของตัวการ์ดอยู่ที่ประมาณโลกว่าๆ
ด้านหลังที่จะไม่มี Backplate เหมือนแต่ก่อนแล้ว เพราะด้านหลังจากมีพัดลมที่ดึงลมออกไปสู่ด้านบนหรือด้านหลังเคส ถ้าเรามองดีๆมันก็คือ Backplate เหมือนเดิม แค่ปรับขนาดใหม่พอดีกับ PCB
บริเวณสันของการ์ดมาเรียบๆ พร้อมไฟ LED สีขาวโลโก้ GEFORCE RTX ในการต้องการพลังงานเพิ่มเติมจากปลั๊ก 12 Pin มาตรฐานใหม่จาก NVIDIA ที่ในชุดจะมีสายแปลงมาให้ ตอนนี้เราคงจะได้เริ่มเห็นพาวเวอร์ซัพพลายที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อ 12 Pin NVIDIA
การเชื่อมต่อหน้าจอแสดงผล Display 1.4a สามพอร์ต และ HDMI 2.1 หนึ่งพอร์ต รองรับการเชื่อมต่อหน้าจอแสดงผลความละเอียดระดับ 8K ถ้าเทียบกับ GeForce 20 Series การเชื่อมต่อ Type C จะหายไป โดยในช่องระบายความร้อนที่ปล่อยมาอย่างเต็มที่ไม่มีกัก โดยท้ายบทความจะมีภาพเปรียบเทียบกับ RTX 2080Ti
ที่ีโครงของชุดระบายความร้อนจะมีการปั๊ม "RTX 3080" ลงไปเล็กๆเท่านั้น ไม่ได้ติดโลโก้ชัดเจนแบบ GeForce 20 Series ในการ์ดแบบ FE
เก็บรายละเอียดทุกจุด เมื่อมองที่ด้านหลังการ์ดยังคงปั๊มโลโก้ "NVIDIA" ตัวเล็กๆเอาไว้
มาถึงการเชื่อมต่อไปเลี้ยงด้วยมาตรฐานใหม่ 12 Pin ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการจัดสาย ถ้าใช้พาวเวอร์ซัพพลายที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อ 12 Pin NVIDIA
สายแปลงที่มีมาให้ในกล่อง แต่ต้องเก็บไว้ดีๆก็แล้วกัน
การเชื่อมต่อ PCI Express 4.0 แต่ก็ยังสามารถใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มที่ใช้มาตรฐาน PCI Express 3.0 ได้
เทียบขนาดกับ GEFORCE RTX 2080Ti เราจะเห็นได้ว่า GEFORCE RTX3080 โดยตัวการ์ดจะเป็น Dual Slot เหมือนกันทั้งคู่
สเป็คของ GEFORCE RTX 30 Series
การทดสอบที่ยังคงเป็น PCI Express 3.0 เนื่องจากทางเราใช้ Intel Gen 10 ในการทดสอบ
System Setup
- Memory : G.Skill Trident-Z RGB 3600Mhz 16GB Kits
- CPU Cooler : ID-Cooling Frostflow 240L
- SSD : KINGSTON KC600 1TB
- PSU : FSP 1200 Watt
- OS : Windows 10 Pro (2004)
แสงสีที่ลดความจัดจ้านลง เพราะจะมีการเปลี่ยนมาใช้สีขาวทุกจุด โดยใน GEFORCE RTX 3080 จะมีแสงสี 3 ฝั่ง ด้านหน้า ,ด้านหลัง และ สันของการ์ด
บรรยากาศขณะการทดสอบ
Performance Test
กับการทดลองเล่นเกม Microsoft Flight Simulator 2020 ที่มีสมาชิกถามกันเข้ามา ในการเล่นนั้นปรับที่ความละเอียด 4K คุณภาพของภาพระดับ Ultra เฟรมเรทที่อยู่ช่วงประมาณ 3X-4X fps ขึ้นลงกันไปบ้างแล้วแต่รายละเอียดขณะนั้นๆ
Conclusion
NVIDIA GEFORCE RTX 3080 กับการเริ่มต้นศักราชใหม่ของสงครามกราฟิกการ์ด ด้วยสถาปัตยกรรม AMPERE 8nm ผนวกกับแรม GDDR6X ถ้าเรามองในแง่ของประสิทธิที่ทาง NVIDIA นั้นได้กระชากมาตรฐานใหม่ของกราฟฟิกการ์ดเพื่อการเล่นเกมในระดับเรือธงในยุค 2020 พร้อมกับการออกแบบที่ทาง NVIDIA นั้นไม่ได้ใส่ใจแต่เพียงการเล่นเกมแต่เพียงอย่างเดียว เพราะทาง NVIDIA นั้นยังได้มีความใส่ใจในการการใช้งานสายสตรีมเมอร์ และ การสร้างสรรค์ผลงาน ที่เราคงจะได้เห็นความน่าสนใจของเทคโนโลยี DLSS ยุคที่ 2 ที่ใช้ระบบ AI เข้ามาช่วยประมวลเสริมการเล่นเกมได้ไหลลื่น พร้อมกับ Ray Tracing ยุคที่ 2 ที่ช่วยเสริมความสมจริงในการแสดงผลแสงเงาสมจริงมากขึ้น และ Tensor Core ยุคที่ 3 เพื่อการประมวลได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนั้นทาง NVIDIA ยังได้มีการนำ RTX IO ที่ยังอยู่ในขั้นตอนในการทดสอบโดยผู้พัฒนาเกม เพื่อให้การเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นในอนาคต เตรียมพร้อมกับเกมยุคใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และ สตอเรจประสิทธิภาพสูง ด้วยการให้กราฟฟิกชิพติดต่อกับสตอเรจโดยตรง นี่ก็คงเป็นเพียงจุดเริ่มต้น AMPERE ยุคที่สองของ GEFORCE RTX เท่านั้น เพราะ Driver และ Software ต่างๆที่จะมีการอัพเดทในอนาคตที่สามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีมากขึ้นกว่าการทดสอบในวันนี้ ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 24,600 บาท นั้นยังไม่ใช่ราคาขายจริงของการ์ด AIB Partner ที่มีความแตกต่างในการออกแบบ พร้อมกับสเป็คความเร็วที่มีความแตกต่างกันไปในแต่ละโมเดลจากผู้ผลิต AIB Partner ส่วนใครงบน้อยเก็บเงินรอ GEFORCE RTX 3070 ที่ดูทรงเทียบความเป็นไปได้ก็ยังคือว่าน่าสนใจ เพราะแค่เทียบกับ RTX 2080Ti ยังมีน้ำตาไหลได้แล้ว แต่ถ้าใครกระเป๋าหนักเก็บเงินรอ RTX 3090 ที่เป็นตัวระดับแทนที่ TITAN RTX รองรับการเล่นเกมความละเอียดระดับ 8K ได้สบาย สำหรับวันนี้ผมก็ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
Price : เริ่มต้น 24,600 บาท หรือ 699 USD
Special Thanks : NVIDIA Corporation