สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซน เมื่อ 16 กันยายน 2563 ทาง NVIDIA ได้เปิดศักราชใหม่ของกราฟฟิกการ์ด AMPERE ยุคที่สองของ GEFORCE RTX ด้วย RTX3080 แน่นอนว่าเวลานี้ก็ยังไม่ได้หาซื้อกันได้อย่างง่ายดายนัก โดยเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2563 กับการเปิดตัว GeForce RTX3070 ในราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น เป็นอีกหนึ่งทางในการยกระดับประสิทธิภาพที่ราคาจับต้องได้ง่ายกว่า เมื่อเทียบกับ GeForce RTX2080Ti สำหรับการทดสอบ GeForce RTX3070 Founders Edition ทางเราก็ได้ทำไปเรียบร้อยแล้ว แต่วันนี้ผมขอจับมาทำการทดสอบอีกรอบคู่กับซีพียู AMD Ryzen 9 5900X ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมานั้นเอง
GEFORCE RTX3070 และ RTX2070 ในแง่สเป็คนั้นมีความเหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่ง RTX2070 และ RTX3070 นั้นถูกออกมาในการทำตลาดระดับเดียวกัน
แน่นอนว่า GeForce RTX3070 นั้นมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า GeForce RTX2070 อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งถ้าเรามองกันที่สเป็คนั้นเอาไปชนกับ GeForce RTX2080Ti กันเลยน่าจะง่ายกว่าครับ
NVIDIA Reflex ก็ไม่ใช่เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสมจริงสมจังกับการสะท้อนแสงใดๆ มันคือเทคโนโลยีที่ช่วยลด Latency เอาเป็นว่าทุกการเคลื่อนไหว ทุกการควบคุม จะมีความหน่วงน้อยลง
เทคโนโลยี DLSS ในการเล่นเกม ที่เทคโนโลยี DLSS ที่ใช้ AI เข้ามาช่วยประมวล แม้จะเป็นการเล่นเกมที่ความละเอียดระดับ 4K การเปิดใช้ DLSS ในเกมที่รองรับนอกจากรายละเอียดในเกมที่คมชัด แต่เฟรมเรทยังทำออกมาได้สูงกว่าการที่ไม่มีเทคโนโลยี DLSS
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม RTX3070 นั้นผลัดกันแพ้ และ ผลัดกันชนะ ถ้าเทียบกับ RTX2080Ti ก็ถือว่าชนกันได้สนุกสนาน
ในเรื่องของการประมวลผลของสายการทำงานที่ GeForce RTX3070 นั้นมีความเหนือกว่า RTX2080 Ti
Package & Bundled
แพคเกจของ NVIDIA GEFORCE RTX3070 Founders Edition ก็เป็นกล่องกระดาษสีดำที่ดูเรียบง่ายมาก ในชุดจะมีคู่มือการใช้งาน และ ปลั๊กสายแปลง 8 Pin เป็น 12 Pin มาตรฐานใหม่โดย NVIDIA
Graphics Card Detail
NVIDIA GEFORCE RTX3070 Founders Edition จากหน้าตาภายนอกที่ดูแล้วจะไม่ได้แตกต่างจากภาพหลุดที่ออกมาก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าด้วยความเป็นการ์ดแบบ FE งานเนียบจริงๆ ด้วยการออกแบบชุดระบายความร้อนที่มาด้วยความโดดเด่น ที่ดูในความคล้ายกับ GeForce RTX3080 FE โดยพัดลมจะอยู่ในรูปแบบ Dual-Fan Solution โดยที่พัดลมด้านหลังยังทำหน้าที่ เพื่อเป่าลมออกจากชุดระบายความร้อนออกไปทางด้านหลังการ์ดเอาความร้อนออกไปสู่ด้านบนหรือด้านหลังเคส หน้าภายนอกชัดเจนกับโครงอลูมิเนียมสีรมดำ พร้อมกับครีบจับอากาศอยู่รอบๆตัว ด้านหลังที่จะไม่มี Backplate เหมือนแต่ก่อนแล้ว ถ้าเรามองดีๆมันก็คือ Backplate เหมือนเดิม แค่ปรับขนาดใหม่พอดีกับ PCB
บริเวณสันของการ์ดมาเรียบๆ พร้อมโลโก้ GEFORCE RTX ในการต้องการพลังงานเพิ่มเติมจากปลั๊ก 12 Pin มาตรฐานใหม่จาก NVIDIA ที่ในชุดจะมีสายแปลงมาให้ ตอนนี้เราคงจะได้เริ่มเห็นพาวเวอร์ซัพพลายที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อ 12 Pin NVIDIA
การเชื่อมต่อหน้าจอแสดงผล Display 1.4a สามพอร์ต และ HDMI 2.1 หนึ่งพอร์ต รองรับการเชื่อมต่อหน้าจอแสดงผลความละเอียดระดับ 8K ถ้าเทียบกับ GeForce 20 Series การเชื่อมต่อ Type C จะหายไป โดยในช่องระบายความร้อนที่ปล่อยมาอย่างเต็มที่ไม่มีกัก
มาถึงการเชื่อมต่อไปเลี้ยงด้วยมาตรฐานใหม่ 12 Pin ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการจัดสาย ถ้าใช้พาวเวอร์ซัพพลายที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อ 12 Pin NVIDIA
สายแปลงที่มีมาให้ในกล่อง แต่ต้องเก็บไว้ดีๆก็แล้วกัน
การเชื่อมต่อ PCI Express 4.0 แต่ก็ยังสามารถใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มที่ใช้มาตรฐาน PCI Express 3.0 ได้
สเป็คของ GEFORCE RTX 30 Series เราจะเห็นได้อย่างชัดจน GeForce RTX3070 จะเป็นการใช้ GDDR6 ไม่ได้ใช้ GDDR6X เหมือน GeForce RTX3080 และ 3090
การทดสอบที่เป็น PCI Express 4.0 เพราะคราวนี้มาจับคู่กับ AMD Ryzen 9 5900X
System Setup
- Memory : G.Skill Trident Z Royal 16GB DDR4 4000Mhz
- CPU Cooler : Wraith Prism with RGB LED
- SSD : Silicon Power Ace A56 256GB
- PSU : FSP 1200 Watt
- OS : Windows 10 Pro (20H2)
บรรยากาศขณะการทดสอบ ตัวการ์ดไม่ได้มีแสงสีใดๆ
Performance Test
Conclusion
NVIDIA GEFORCE RTX3070 กับการทดสอบคู่กับ AMD Ryzen 5000 Series ที่เอาไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ได้ชมกัน เราก็คงได้เห็นประสิทธิภาพกันไปแล้วว่า GeForce RTX3070 เมื่อจับคู่กับ AMD Ryzen 5000 Series ที่ประสิทธิภาพทำออกมาได้น่าสนใจ ในการเล่นเกมที่สามารถตอบโจทย์กับการเล่นเกมได้ในระดับ 2K - 4K ได้อย่างสบาย แน่นอนว่าในยุค 2020-2021 คู่นี้ในการเล่นเกมที่ยังสามารถทำงานควบคู่กันได้อย่างลงตัว NVIDIA GEFORCE RTX3070 ด้วยเทคโนโลยีต่างๆที่ใส่เข้ามาให้ ถ้าเทียบกับ RTX3080 และ RTX3090 ที่ RTX3070 มีมาให้เหมือนกัน แต่ในราคาที่จับต้องได้ง่ายมากขึ้น ก็ลุ้นเอาละกันว่าจะหาของได้หรือไม่เท่านั้นเองครับ ซึ่งถ้าใครมี RTX 2080Ti หรือ หามือสองในราคาที่ย่อมเยาลงมา ก็เป็นอีกหนึ่งคู่ที่คิดหนักกันพอสมควร กับการ์ดระดับเรือธงของยุคที่แล้ว และ การ์ดระดับกลางของยุคปัจจุบัน ที่ถ้ามองที่ความแรงเมื่อเล่นกับเกมที่รองรับ DLSS GeForce RTX3070 นั้นแรงกัน RTX2080 Ti แต่ถ้าเมื่อไรไปเล่นเกมที่ไม่ได้รองรับ DLSS ต้องการประสิทธิภาพแบบเนื้อๆไม่มีตัวช่วย RTX2080 Ti ก็ทำได้น่าสนใจดี สำหรับวันนี้ผมก็ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
Price : เริ่มต้น 499 USD
Special Thanks : NVIDIA Corporation