สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซน เทคโนโลยีระบบเสียงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้าเราพูดถึง Creative Sound Blaster ที่ใครหลายคน ก็คงต้องนึกถึงเป็นตัวเลือกแรกๆกัน แต่เราอยู่ในยุคสมัยที่คอมพิวเตอร์ Desktop นั้นลดน้อยถอยลง รวมไปถึงระบบเสียงบนเมนบอร์ดนั้นมีการพัฒนามากขึ้น กระแสของการใช้งานการ์ดเสียงนั้นจะลดลงไปบ้าง แน่นอนว่าด้วยชื่อเสียงของ Sound Blaster ก็มีการออกมาอยู่ไม่ได้หายไปไหนในตลาด ที่ในช่วงปลายปี 2018 ทาง Creative ได้ส่ง Sound BlasterX G6 ที่เป็น Gaming DAC และ External USB Sound Card กับการใช้งานที่ตอบโจทย์กลุ่มเกมมิ่ง ที่ต้องการเล่นเกมอย่างคุณภาพเสียงรายละเอียดสูงสุด ที่ระดับ 32Bit 384kHz นอกจากการใช้งานบนคอมพิวเตอร์แล้ว Sound BlasterX G6 ก็ยังรองรับการใช้งานกับ PS4, Xbox One และ Nintendo Switch เพื่อให้คุณภาพเสียงจากการเล่นเกมออกมาดีขึ้น Sound BlasterX G6 นอกจากเทคโนโลยีระบบเสียง และ การจัดการที่เป็นจุดเด่นตามแบบฉบับของ Sound Blaster แล้ว Sound BlasterX G6 มันยังมาพร้อมกับภาคขยายเสียงหูฟังแบบ XAMP DISCRETE ขยายเสียงแต่ฝั่งด้วยภาคขยายเสียง 1 ชุด เดี๋ยวเราไปดูความน่าสนใจของ Sound BlasterX G6 กันดีกว่า ว่ามันมีทีเด็ดอะไรบ้าง
Sound BlasterX G6 การใช้งานที่ทำออกมาได้รองรับการใช้งานที่หลากหลาย นอกจากเสียงขาออกแล้ว ก็ยังมีเสียงขาเข้าด้วย ที่จำเป็นกับสายเกมมิ่งสมัยนี้
XAMP DISCRETE ที่เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาไปอีกระดับของ Headphone Amp กันมาก เสียงที่ออกมานั้นจะมีความชัดเจนในการแยกซ้ายขวามากขึ้น
Package & Bundled
แพ็คเกจที่มากันแบบในสไตล์ดำตัดกับสีแดง Sound BlasterX มีการบ่งบอกรายละเอียดเอาไว้ครบถ้วน ของในชุดที่ให้มามี คู่มือการใช้งาน ,สาย Micro USB และ สาย Mini TOSLINK
Design & Detail
Sound BlasterX G6 ภายนอกนั้นให้อารมณ์เป็นลักษณะของแอมป์หูฟังที่สามารถพกพาได้สะดวก แต่อันที่จริงมันเป็นทั้ง DAC และ Sound Card อีกด้วย ภายนอกทำจากพลาสติกสีเทาดำ คาดอลูมิเนียมสีเทาดำ ที่จะมีโลโก้บ่งบอกความเป็น Sound BlasterX เอาไว้
ในส่วนโลโก้ Sound BlasterX ในตัว "X" จะมีลูกเล่นของไฟ LED RGB ด้วยครับ สามารถปรับแต่งการแสดงผลได้จาก Software
ด้านหลังเป็นบางสีดำ เอาไว้เกาะหลังสมาร์ทโฟนได้ แต่ในสเปคมันไม่มีระบุว่าใช้งานกับ Android หรือ iOS กันเลย เดี๋ยวต้องมาลองกันอีกที
มุมนี้เราจะเห็นลูกบิดปรับระดับเสียง ที่มาพร้อมกับไฟ LED สีขาว เมื่อบิดซ้าย-ขวา จะเป็นการลดและเพิ่มระดับเสียง กดลงไปเป็นการปิดเสียงชั่วคราว ทางด้านแจ็คเสียบหูฟังและไมค์เป็นแบบ 3.5 มม.
ในส่วนนี้จะมีการเชื่อมต่อ Micro USB สำหรับการเชื่อมต่อกับ PC และ PS4 หรือ Micro USB Power กับการใช้งาน OPTICAL ส่วนแจ็ค 3.5 จะเป็นแบบ TOSLINK Combe ด้วย ทั้งสัญญาณเสียงขาเข้าและออก
ด้านนี้ก็เป็นหนึ่งจุดเด่นของ Sound BlasterX G6 ปุ่มแรกจะเป็นการใช้งานฟีเจอร์ SCOUT Mode ในการเล่นเกม ที่เน้นฟังเสียงฝีเท้าของคู่ต่อสู้ ถัดมากับปุ่ม SBX หรือ BlasterX Acoustic Engine สองฟีเจอร์นี้จะใช้พร้อมกันไม่ได้จะมีไฟสีขาวติดสว่างเมื่อใช้งานอยู่ สวิทซ์เลื่อนที่จะเลือกปรับความต้านทานของแอมป์หูฟัง สูงหรือต่ำ โดย Sound BlasterX G6 รองรับตั้งแต่ 1 - 600 Ohm กันเลยทีเดียว ส่วนอีกจุดจะเป็นไฟแสดงสถานะการใช้งาน DOLBY AUDIO กับการเชื่อมต่อต่างๆ
สวยงามดูอลังการมากขึ้นในยุค 2019 เพราะ Sound BlasterX G6 ได้รับรางวัลจากงาน CES 2019 ที่จะจัดขึ้นต้นปีหน้า
<<< Specifications >>>
มาสู่ตัว Sound Blaster Connect ที่จะเป็นหัวใจสำคัญการปรับแต่งการใช้งานต่างๆ โดยต้องแจ้งว่าถ้าอยู่ประเทศไทย อาจจะมีปัญหากับการโหลดมาติดตั้งเพราะเว็บ Creative ประเทศไทยมันหายไปนานแล้ว สำหรับการใช้งาน ISP บางเจ้า บางเจ้าก็ไม่มีปัญหา ถ้ามีปัญหาเวลาโหลด ต้อง VPN ไป USA หรือ อื่นๆ (ถ้าติดปัญหาลองใช้ VPN ใน Chrome ก็ไม่ยาก) ส่วนการควบคุมของ Sound Blaster Connect ที่จะมาเน้นแนวของเกมมิ่ง แถบซ้ายมือจะมีให้ปรับโปรไฟล์การปรับแต่งกับการเล่นเกมแต่ละเกม ,การดูหนัง และ การฟังเพลง โดยนอกจากนั้นผู้ใช้งานสามารถปรับได้ตามความพอใจ ปรับกันให้ถูกใจได้ครับ
การปรับแต่งที่ถือว่าทำได้เยอะมาก นี่แค่หน้าแรกนะครับ
ในส่วนระบบเสียงหัวข้อ ACOUSTIC ENGINE ที่สามารถปรับรูปแบบเสียงที่เราได้ยิน
ทางด้านของ EQ ที่จะปรับกันจากโปรไฟล์ หรือ ฟังไปลากปรับกันได้ตามใจชอบ
ในการเล่นเกมกลุ่ม FPS SCOUT เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้ได้เปรียบกับการเล่นเกมมากขึ้น เสียงฝีเท้าคู่ต่อสู่ที่จะเด่นขึ้นมา ก็ขึ้นกับว่าจะเอาเสียงตรงนี้ไปใช้ประโยชน์ในการเล่นเกมเช่นไรครับ
ระบบเสียง DOLBY AUDIO ที่รองรับการปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้เสียงออกมาดีขึ้น ก็ต้องลองปรับและฟังกันดู
คราวนี้มาแนวเครื่องเสียงกันบ้าง ที่รองรับการปรับ FILTERS จูนให้เหมาะสมกับเสียงเพลงที่เราฟัง ถ้าใครเล่น USB DAC คงจะพอคุ้นกันบ้าง
ในส่วนไมค์ ที่เป็นอีกจุดสำคัญกับการเล่นเกมสมัยนี้ นอกจากการปรับระดับเสียงแล้ว ก็ยังสามารถเปลี่ยนเสียงให้แปลกๆออกไปจากเสียงเราปกติด้วย ที่จะมีให้เลือกปรับกันได้พอสมควร
ในยุคของ RGB ครองเมือง ที่จะรองรับการปรับสีสันและรูปแบบแสดงผลได้สี่รูปแบบ
ในเมื่อมันเป็นไฟ RGB ก็ปรับกันได้ตามใจชอบ จะลากดูสีหรือใส่รหัสสี ก็สามารถทำได้
ในส่วนการปรับแต่งเสียงขาออก ต้องบอกก่อนว่ามันเป็นแบบ 2 Channels แต่รองรับการจำลองเสียง 5.1 และ 7.1 ให้ความรู้สึกโอบล้อมในการใช้งานร่วมกับหูฟังมากขึ้น ทางด้านการต่อกับระบบเสียงก็สามารถปรับขนาดของลำโพงเพื่อความเหมาะสมได้ นอกจากนั้นยังเลือกเป็นแบบต่อตรงไม่มีการปรับแต่งมารบกวนด้วยดิบของเสียง แต่ใครจะเอาไปต่อแบบ SPDIF Out ก็ยังสามารถทำได้อีกด้วย
ในส่วนของ Mixer ปรับระดับเสียงในการใช้งานต่างๆ
การตรวจสอบการอัพเดท Software
การตรวจสอบการอัพเดท Firmware
มาทดลองฟังเพลงกันบ้าง โดยรายละเอียดด้านหน้ากล่องนั้นแจ้งว่าเป็นความละเอียดเสียงระดับ Hi-Res Audio ระดับ 32-bit/384kHz, 130dB ในรูปแบบ PCM และ DoP ในแง่ของคุณภาพเสียงที่ทำออกมาได้จาก Sound BlasterX G6 ต้องบอกว่ามันดีกว่าระบบเสียงออนบอร์ด ของ Notebook และ Desktop ที่ผมเคยได้ฟังมา ไม่สามารถเทียบเคียงกันได้แน่นอน ในแง่ของคุณภาพเสียงที่ออกมานั้นทำได้ดีทุกย่าน ส่วนจะออกมาดีแค่ไหนนั้นก็ขึ้นกับหูฟังหรือระบบชุดเครื่องเสียงที่เชื่อมต่อมันเข้าไปด้วย ทางด้าน Software ที่ปรับแต่งมันก็ช่วยส่งผลต่อบุคลิกในเสียงที่ออกมาให้ได้ยิน ในส่วนนี้สามารถปรับได้ตามความชอบของแต่ละบุคคลกันไปครับ ส่วนใครชอบแบบดิบๆ สามารถปิดได้ครับ
ในการเล่นเกมที่ทางด้านการจำลองเสียงรอบทิศทางถือว่าทำได้ดีมาก ใครชอบแบบโอบล้อมมาก ก็จำลองได้ถึง 7.1 ทิศทาง ยิ่งกับการใช้ SCOUT MODE เข้ามาร่วมด้วย ทำให้เสียงฝีเท้าต่างๆออกมาชัดเจนมากขึ้น ก็สามารถเลือกโปรไฟล์ต่างๆได้ตามเกมและความเหมาะสมกับประเภทของเกมครับ
ขอลองเล่นกับเกมขับรถที่ผมชอบเล่นมากกว่าแนวเดินลุย เสียงที่ออกมานั้นจากการใช้หูฟัง เสียงที่ออกมากระหึ่มสมจริง ให้อารมณ์ความกระหึ่มของเสียงอย่างกับนั่งใน GTR R35 ระดับพันแรงม้า
อีกจุดเด่นของ Sound BlasterX G6 คือในส่วนของแอมป์หูฟัง ที่รองรับหูฟัง 1-600 Ohm รวมไปถึงกับการใช้แอมป์ขยายเสียง 1 ชุด ต่อสัญญาณเสียง 1 ข้าง ที่ทำให้ความสามารถในการขับหูฟังได้ดีมาก มีความชัดเจนในการแยกเสียงจากทางด้านซ้ายและขวาได้ดีมาก
ถึงแม้ในคู่มือจะไม่มีการบ่งบอกว่ารองรับการใช้งานร่วมกับ Android หรือ iOS แต่เท่าที่ผมลองใช้งาน USB OTG ร่วมกับ Smartphone Android ก็สามารถใช้งานได้ แต่ไม่มีแอปการปรับแต่งที่รองรับใดๆ ในการใช้งานแบบนี้ทางผู้ผลิตไม่ได้มีแจ้งการรองรับในการใช้งานรูปแบบนี้ แต่ผมลองดูขำๆ ในแง่การฟังเพลงที่ผมลองดูเทียบกัน การต่อ OTG Sound BlasterX G6 เสียงดีขึ้นมากๆกว่าการต่อตรงจาก Smartphone ครับ
Conclusion !
สำหรับ Sound BlasterX G6 ที่เราได้เห็นในวันนี้ ก็คงเห็นได้ชัดเจนว่าทาง Creative มีการพัฒนาในส่วนของ Sound BlasterX G6 ให้มีความทันสมัยต่อในยุค Hi-Res รวมไปถึงเอาใจในกลุ่มผู้ใช้งานหูฟังด้วยภาคขายแบบ XAMP DISCRETE ถึงแม้ Sound BlasterX G6 จะมีทางด้านการใช้งานเน้นไปทางด้านของเกมมิ่ง แต่ในส่วนของเรื่องของคุณภาพเสียงที่ทำออกมาได้ดี ตอบโจทย์การใช้งานให้ความบันเทิงให้เสียงออกมาดีมีคุณภาพ กับการออกแบบ Sound BlasterX G6 ที่เน้นถึงความยืดหยุ่น ไม่ได้ยึดติดกับการเชื่อมต่อบน PC เท่านั้น ยังรองรับการใช้งานบน PS4, Xbox One และ Nintendo Switch เพื่อให้เกมมิ่งสายคอนโซลมีทางเลือกในการอัพเกรดคุณภาพเสียงดีมากขึ้น ที่ทางด้านการออกแบบ Sound BlasterX G6 มาพร้อมกับ Sound Blaster Connect ให้สามารถปรับแต่งกับการใช้งานได้ที่หลากหลายตามรูปแบบของเสียงที่ไปใช้งาน ก็นับได้ว่า Sound BlasterX G6 มีความยืดหยุ่นสูง รองรับรูปแบบการนำไปใช้งานที่หลากหลาย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการอัพเกรดระบบเสียงที่ตัวเดียวจบในยุค 2019 สำหรับวันนี้ผมก็ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
Price : N/A
Special Thanks : Eternal Asia Distribution Thailand Co.,Ltd.